ฉันจัดการกับเวลาของตัวเองอย่างไร How I Manage My Time

นอกจากงานล่ามที่ฉันทำอย่างที่เรียกได้ว่าเกือบจะแบบฟูลไทม์แล้วนั้น ฉันยังรับงานแปลเอกสารทางกฎหมาย เป็นผู้ออกแบบและเขียนคอร์สเกี่ยวกับวิชาการล่ามและเป็นคอลัมนิสต์ประจำหนังสือพิมพ์และประจำกลุ่มเฟซบุ๊คของล่ามและเพื่อนนักแปลอีกด้วย อีกคำถามหนึ่งที่ได้รับเป็นประจำจากเพื่อนๆ นักแปลด้วยกันคือ เอาเวลามาจากไหน

ความจริงแล้ว งานล่ามนี่แหละที่ทำให้ฉันได้มีเวลาเขียนหนังสือ โดยเฉพาะงานล่ามในศาลซึ่งเป็นงานที่ฉันทำบ่อยที่สุด การเป็นล่ามในศาลนั้น ส่วนใหญ่แล้ว ล่ามจะนั่งรอจนกว่าคดีที่ตนได้รับมอบหมายให้มาแปลจะถูกเรียก บางทีต้องนั่งรอเป็นชั่วโมงหรือสองชั่วโมง ต้องรอให้ทนายความฝ่ายจำเลยและฝ่ายโจทก์มาให้ครบก่อน บางทีก็ต้องนั่งรอตามลำดับของคดี บางคดีก็ต้องรอเป็นวันหรือหลายวัน เช่น รอให้พยานของฝ่ายอัยการขึ้นให้การ เราไม่รู้ว่าพยานจะขึ้นให้การเมื่อไหร่ ศาลก็จ้างเรามาแบบเหมาจ่ายเป็นวัน หรือเป็นอาทิตย์ก็มี การที่ต้องนั่งรออยู่หลายๆ ชั่วโมง ทำให้มีเวลาที่จะเขียนหนังสือและมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนๆ ทางสื่อสังคม

ในศาลหลายๆ เคาน์ดี้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย ผู้พิพากษามักจะเรียกคดีที่มีล่ามก่อน เพราะล่าม (โดยเฉพาะล่ามภาษาสเปนที่ทำอยู่ประจำศาล) จะได้ไปแปลที่ห้องศาลอื่นหรือไปแปลในห้องกักขัง ดังนั้น ล่ามฟรีแลนซ์แบบเราก็มีผลพลอยได้ไปด้วย เพราะถ้าศาลเรียกคดีของเราเป็นคดีแรกๆ เราก็จะเสร็จไว แต่ได้รับเงินค่าแรงแบบเต็มๆ ไม่ว่าจะเป็นแบบครึ่งวันหรือแบบเต็มวัน แล้วแต่ขั้นตอนของคดีนั้นๆ เมื่อเสร็จคดีแล้ว ล่ามฟรีแลนซ์ส่วนใหญ่ก็จะได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ แต่ถ้าในวันนั้นมีหลายคดีในศาลแห่งเดียวกันที่เราจำเป็นต้องแปลให้เสร็จทุกคดีก่อน จึงจะกลับบ้านได้

อย่างไรก็ตาม ถ้าขั้นตอนเป็นการพิจารณาหลักฐานพยานขั้นต้น (preliminary hearing) การสืบพยาน (witness testimony) การพิจารณาคดีโดยผู้พิพากษา (court trial) หรือโดยคณะลูกขุน (jury trial) ล่ามต้องทำงานตลอดเวลา จะไม่มีเวลาว่างเหมือนกับในขั้นตอนอื่นๆ

นอกจากนั้น ในกรณีที่มีการยกเลิกคดีภายใน 24 ชั่วโมง ล่ามก็จะได้รับค่าแรงเต็มๆ โดยที่ไม่ต้องไปศาลหรือไปแปลในเคสที่เอเจนซี่หรือหน่วยงานต่างๆ จ้างเรา หากแต่ว่าจะไม่ได้ค่าเวลาการเดินทาง (travel time) และค่าน้ำมันตามจำนวนไมล์ (mileage) ในกรณีนี้ เราก็จะว่างในวันนั้น สามารถเอาเวลาไปทำสิ่งต่างๆ ได้ตามใจชอบ

ด้วยเหตุนี้ ฉันจึงมีเวลามากที่จะเขียนหนังสือขณะนั่งรอคดี จ่าศาลจะไม่ว่าอะไร ถ้าเราทำท่าเขียนหนังสือ จ่าศาลบางแห่งอนุญาตให้ล่ามและทนายความใช้โทรศัพท์ได้ บางแห่งก็ไม่อนุญาต ขณะที่ฉันรอคดีของตน ก็จะฟังคดีอื่นๆ เพื่อเป็นกรณีศึกษา แต่ฟังไปฟังมาคดีในห้องศาลเดียวกัน มักเป็นคดี คล้ายๆ กัน เช่น ห้องศาลนี้จะรับฟังคดีเกี่ยวกับการขับรถเมา ก็จะพูดคล้ายๆ กันซ้ำแล้วซ้ำอีก อีกห้องศาลหนึ่งก็จะรับฟังคดีเกี่ยวกับคดีอาญาสถานเบาทั่วไป เมื่อฟังบ่อยๆ เข้า ก็ไม่ค่อยอยากฟังอีก จึงเอาเวลาที่นั่งรอนั้นมาเขียนหนังสือ

ผู้อ่านบางคนอาจไม่รู้ว่าฉันได้เขียนหนังสือให้ชาวต่างชาติเรียนภาษาไทยและภาษาลาวอีกด้วย ฉันได้เขียนหนังสือที่ได้รับการตีพิมพ์กว่ายี่สิบเล่ม ส่วนมากจะเขียนเป็นภาษาอังกฤษ หนังสือและพจนานุกรมเกือบทุกเล่มที่ฉันเขียนนั้น ส่วนใหญ่เขียนอยู่ในศาลขณะที่นั่งรอคดีแทบทั้งสิ้น

นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ฉันชอบทำงานเป็นล่ามในศาล เพราะฉันมีเวลาที่จะได้เขียนหนังสือ บทความหรือโพสท์ต่างๆ ได้อย่างสม่ำเสมอ แถมขณะที่เรานั่งรอนั้น เราก็ได้ค่าแรงด้วย (บางทีได้ค่านั่งรอวันละ $300 - $500 เลยก็มี)

นอกจากการทำงานเป็นล่ามที่ศาล ฉันก็รับงานล่ามกฎหมายจากสำนักงานทนายความ จากเอเจนซี่แปลภาษา จากหน่วยงานเอกชนหรือรัฐบาลอื่นๆ และรับงานแปลทางด้านการแพทย์ในบางเคส งานล่ามในลักษณะนี้ก็ทำให้ฉันมีเวลาว่างคล้ายๆ กับการทำงานในศาล ยกเว้นคดีแพ่งที่มีการสืบพยานที่เรียกว่า deposition ซึ่งล่ามจะไม่มีเวลาว่างเลย ยกเว้นช่วงพัก

ส่วนการรับงานต่างเมือง ต่างรัฐหรือต่างประเทศที่ต้องเดินทางไกลๆ ฉันก็ชอบที่จะรับงานพวกนั้นเพราะมักจะได้รับค่าเสียเวลาในการเดินทาง ถ้าฉันต้องขับรถไป (บางทีขาเดียว ต้องขับถึงห้าชั่วโมง) ฉันก็จะเตรียมรายการต่างๆ ในยูทูบไว้ฟังในรถ ส่วนใหญ่จะเป็นโปรแกรมเกี่ยวกับการพัฒนาด้านภาษาและเกี่ยวกับธรรมะ นานๆ ทีถึงจะฟังเพลงเพื่อเป็นการผ่อนคลายและเปลี่ยนบรรยากาศ แต่เดี๋ยวนี้ฉันชอบฟังธรรมะมาก เพราะรู้สึกว่าเป็นการผ่อนคลายมากกว่าการฟังเพลงเสียอีก

ถ้าเป็นงานที่ต้องบินไปไกลๆ ฉันก็จะใช้เวลาขณะที่นั่งรอเครื่องเขียนหนังสือ ตอบอีเมลและพูดคุยกับเพื่อนๆ ส่วนเวลาที่อยู่บนเครื่องก็จะอ่านหนังสือหรือดูหนัง ฉันไม่ค่อยได้ดูหนังเท่าไหร่เวลาที่อยู่บ้าน เพราะมีอะไรเยอะแยะเต็มไปหมดที่ต้องทำ ถ้าจะไปดูหนัง ก็จะไปดูกับสามีที่โรงหนังใกล้บ้าน ฉันเป็นคนชอบดูหนังมากและจะดูหลากหลายเพื่อเรียนรู้คำศัพท์และเรียนรู้เรื่องต่างๆ ที่เราไม่บางทีเวลาบินข้ามทวีป ไปกลับดูได้ถึงหกเรื่องก็มี ถ้าไม่อ่านหนังสือหรือดูหนังก็จะนอนพักผ่อนหรือเขียนหนังสือ

ฉันจะไม่เสียเวลากับการช็อปปิ้งเลย แต่ก่อนชอบ เดี๋ยวนี้เบื่อแล้ว ถ้าอยากได้อะไรก็ซื้อทางออนไลน์ จะไปช็อปก็ต่อเมื่อเวลามีเพื่อนมาหรือเวลาเราเดินทางไปเมืองใหม่ๆ ตอนนี้ก็ไม่อยากได้อะไรแล้วด้วยนะ เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้าก็มีจนเลือกไม่ถูก จึงเลิกที่จะซื้อของพวกนี้ ถ้าจะซื้อของเวลาเดินทางไปประเทศต่างๆ ก็จะซื้อของที่ระลึกนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้น

ฉันไม่เสียเวลากับการแต่งหน้า แต่งตัว อาบน้ำ ทำผม ทำเล็บด้วยนะ ฉันจะอาบน้ำสระผมเร็วมาก (เป็นการประหยัดทรัพยากรด้วย) จะใช้เวลาไม่เกินสามนาทีกับการแต่งหน้าเวลาไปทำงาน (แต่ถ้าไปงานปาร์ตี้ อาจจะใช้เวลาประมาณห้านาที) ส่วนทำผม ก็ไว้แต่ทรงเดิม แค่เป่าให้แห้ง ถึงเวลาก็ไปตัด โชคดีที่ยังไม่ต้องย้อมตอนนี้ (ฉันจะไม่ใช้สารเคมีใดๆ กับผมโดยเด็ดขาด) ส่วนเรื่องเล็บนั้น ตัดให้สั้นตลอด เพราะเวลาไปเป็นล่ามที่โรงพยาบาล ล่ามควรไว้เล็บสั้น ไม่ต้องไปเสียเวลาทำเล็บหรือทาสีเล็บ ไม่โดนเคมีด้วย ส่วนเรื่องเสื้อผ้า ฉันก็ไม่เสียเวลาเลือกมาก แค่เพียงแต่งให้เหมาะสมกับงานที่ทำในแต่ละวันก็พอแล้ว

ฉันมักบอกน้องๆ ที่เป็นล่ามว่า อย่าไปเสียเวลาก็เสื้อผ้า หน้า ผมให้มากเลย เอาแค่เรียบร้อย ง่ายๆ ก็พอ เขาไม่สนหรอกว่าคุณจะสวยแบบนางแบบ ถ้าคุณเป็นล่ามที่ไร้คุณภาพ งานต่อไปเขาก็ไม่จ้าง งานของเราคืองานแปล ไม่ใช่มาเดินแฟชั่นโชว์

สิ่งสำคัญที่ฉันแบ่งเวลาให้ตัวเองทุกวันคือการออกกำลังกาย ไม่ว่าจะยุ่งเพียงใด ฉันจะต้องทำโยคะทุกวัน เฉลี่ยแล้วประมาณสามสิบนาที ฉันจะไม่ไปออกกำลังกายที่ยิมเหมือนเพื่อนหลายๆ คน เพราะฉันคิดว่าเป็นการเสียเวลาและไม่จำเป็น ฉันจึงไม่กินอาหารขยะ ไม่ตามใจปาก ไม่กินอาหารที่ร่างกายไม่ต้องการ จึงไม่ต้องไปเสียเวลาและเสียเงินกับการไปยิม ทุกครั้งที่มีโอกาส ฉันก็จะเดินให้ได้มากที่สุด

ต่อไปคือเรื่องการอ่าน ทุกครั้งที่ฉันมีเวลา ฉันจะอ่านหนังสือ ฉันเป็นคนอ่านหนังสือค่อนข้างเร็วเมื่อเปรียบเทียบกับคนทั่วไป และจะอ่านหนังสือหลากหลายเพื่อที่จะได้มีความรู้รอบตัวในหลายสาขาวิชาและเพื่อเพิ่มพูนคำศัพท์ไปในตัว ฉันจึงเลือกอ่านข้อมูลข่าวสารที่มีสาระ ดังนั้น เวลาฉันจะเขียนอะไรหรือโพสท์อะไร ก็จะคิดถึงผู้อ่านด้วยว่า เขาได้รับเนื้อหาสาระหรือข้อคิดจากสิ่งที่ตัวเองโพสท์ไปหรือไม่ ผู้อ่านจะเสียเวลามาอ่านโพสท์เราหรือไม่

นอกจากนี้ ฉันยังแบ่งเวลาไปทำกิจกรรมกับครอบครัวและเพื่อนสนิทไม่ให้ขาด โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลต่างๆ และจะไปไทยและลาวอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง

เหตุผลหนึ่งที่ฉันทำหลายๆ อย่างข้างบนได้ก็เพราะฉันไม่มีลูก ไม่ต้องเอาเวลาไปให้คนอื่น ฉันคิดว่าฉันโชคดีที่ไม่มีลูกที่เป็นพันธะให้กับตนเอง แต่ฉันก็เห็นผู้หญิงหลายคนสามารถทำหลายๆ อย่างได้โดยที่ไม่ได้ใช้การมีลูกเป็นข้ออ้าง

ฉันบอกกับตัวเองอยู่เสมอว่า เรามีเวลาในโลกนี้ไม่มากนัก อย่างน้อยชาตินี้ ฉันอยากจะทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำให้มากที่สุดที่จะเป็นประโยขน์แก่ตนเอง ฉันจึงเลือกงานอดิเรกสองอย่างคือ การเต้นรำและการเดินทางไปยังที่ต่างๆ ทั่วโลก การเต้นรำทำให้ฉันได้ออกกำลังกาย ได้ผ่อนคลายและได้เพื่อนใหม่ๆ อยู่เสมอ ทุกๆ สัปดาห์ ฉันจะฝึกซ้อมเต้นรำกับสามีหรือไม่ก็ออกไปเต้นที่สโมสรเต้นรำที่เราไปกันประจำ การเต้นรำเป็นสเต็ปต่างๆ เป็นการพัฒนาการทางด้านสมองด้วยนะ ส่วนการเดินทางท่องเที่ยวทำให้ฉันได้มีหูตากว้างไกล มีความรู้รอบตัวมากกว่าคนทั่วไป เพราะหลายๆ อย่างเราไม่สามารถเรียนรู้ได้จากการอ่านหนังสือ ต้องไปให้เห็นและสัมผัสด้วยตัวเอง ตอนที่เขียนบทความนี้ ฉันได้ไปมาทั้งหมดห้าสิบสองประเทศแล้ว จะพยายามไปให้ถึงร้อยประเทศก่อนตาย ดังนั้น ทุกปี เราจะแบ่งเวลาไว้สำหรับไปประเทศใหม่ ปีละหนึ่งถึงสามประเทศ แต่บางครั้งเราก็ไปเที่ยวประเทศเดิมๆ เพราะมีเพื่อนๆ อยู่ที่นั่น

สิ่งสุดท้ายว่าด้วยการใช้เวลาก็คือ การทำงานเป็นอาสาสมัคร บางทีฉันก็รู้สึกว่าฟ้าส่งฉันมาช่วยคนที่ไม่ได้ภาษาและคนที่ด้อยโอกาส ฉันต้องการที่จะใช้ความรู้ความสามารถของตนโดยเฉพาะทางด้านภาษาให้เป็นประโยชน์ต่อปัจเจกชนอื่นๆ และต่อสังคมให้ได้มากที่สุดเท่าที่ตนมีกำลังที่จะทำได้ในตอนนี้

ฉันตั้งใจที่อยู่อย่างมีสุขภาพร่างกายและจิตใจที่แข็งแรงให้ได้ถึงร้อยปี ถ้าได้ถึงร้อยปี ฉันก็จะมีเวลาอยู่ในโลกใบนี้เพียง 36,500 วัน หรือ 5,214 สัปดาห์ หรือ 876,000 วันเท่านั้น ฉันอยากใช้เวลาในบั้นปลายศึกษาธรรมและปฏิบัติธรรม และเผยแพร่ธรรมะของพระศาสดาเป็นภาษาอื่นๆ ให้ได้มากที่สุด แต่ตอนนี้ 8’ยังไม่ถึงเวลา จึงต้องใช้วิบากกรรมไปก่อน แต่นั่นคือเป้าหมายสูงสุดในชีวิตของฉัน อย่างไรก็ตาม มาถึงทุกวันนี้ ฉันก็ได้ทำในสิ่งที่ตนเองต้องการแทบจะหมดทุกอย่างแล้ว จึงอยากมีโอกาสที่จะได้เจริญในทางธรรมบ้าง

ดังนั้น ฉันจึงพยายามที่จะใช้เวลาทุกนาทีที่อยู่ในโลกนี้ให้คุ้มค่าที่สุด ทำความดีให้มากที่สุดเพื่อที่จะได้ไม่รู้สึกเสียดายที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์