ทำไมฉันจึงจะเปิดคอร์สวิชาการล่ามทางออนไลน์

(Reasons Why I Am Teaching My Interpretation Classes Online…)

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ฉันได้รับการร้องขอและคำแนะนำจากเพื่อนๆ และแฟนหนังสือจำนวนมากให้ฉันเปิดสอนวิชาการล่ามและเทคนิคการเรียนภาษาเพื่อนำมาใช้ในการประกอบอาชีพ เลยทำให้ฉันต้องคิดหนัก

ความจริงฉันไม่ได้อยากจะเปิดสอนเลยนะคะ เพราะการสอนเป็นงานที่สำคัญมาก ต้องสอนให้ถูก ต้องใช้เวลาในการเตรียมตัวสอน ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับคนมากมาย  ฉันมีงานดีๆ ทำเยอะมาก ไม่จำเป็นต้องสอน ตอนนี้ก็อยู่สบายแล้ว

แต่พอคนเรียกร้องเยอะขึ้น ฉันก็เริ่มมาคิดดูอีกว่าจะเปิดสอนดีหรือไม่ จะคุ้มมั้ย ความจริงฉันชอบงานสอนมาก เคยสอนภาษาอังกฤษที่เมืองไทย สอนภาษาไทยที่ญี่ปุ่น ที่วัดไทยในอเมริกา ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดและสอนพิเศษให้กับนักเรียนที่มาเรียนตัวต่อตัวจนนับไม่ถ้วน แต่พอสอบเป็นล่ามที่อเมริกาผ่านและได้เปิดบริษัทแปลภาษาในช่วงปี 1995 ฉันก็ต้องเลิกลาการสอนนั้นไป

อีกเหตุผลหนึ่งที่ชอบสอนแต่ไม่อยากสอนก็คือ เป็นครูค่าจ้างน้อยมาก แม้จะอยู่ในอเมริกา ถ้าจะเอาเป็นอาชีพหลักก็จะต้องประหยัดสุดๆ ฉันมีภาระที่ต้องส่งเงินให้ครอบครัวที่เมืองไทย ให้พ่อแม่และน้องอีกสองคนที่ยังเรียนอยู่ตอนนั้น จะมารอขอสามีได้อย่างไร ฉันเป็นคนมีความรู้ เป็นคนเคยทำงาน เป็นครูสอนได้ชั่วโมงละ $25 ในขณะที่เป็นล่ามได้ชั่วโมงละ $65 ในสมัยนั้น (แต่ตอนนี้ $80 - $125 แล้วแต่งาน) ฉันก็เลยเลือกที่จะทำงานล่ามดีกว่า เป็นงานที่เรามีความสามารถที่จะทำได้และหาเงินเองได้อย่างสบาย

เหตุผลต่อไปก็คือ ฉันชอบอาชีพเป็นล่ามมากกว่าเป็นครู เพราะฉันได้มีโอกาสฝึกภาษาในระดับสูงในหลายๆ สถานการณ์ ฉันชอบท่องเที่ยว เพราะเป็นล่ามได้ไปนั่นไปนี่ตลอดโดยที่ไม่ต้องควักกระเป๋าตัวเองเลย และที่สำคัญคือ ล่ามกฎหมายและล่ามที่แปลฉับพลันมีรายได้ที่ค่อนข้างดีทีเดียว ถึงแม้จะไม่ได้ทำให้ฉันร่ำรวยเป็นเศรษฐีจากอาชีพนี้ แต่ฉันก็ได้ทำงานที่ตัวเองรักอย่างมีความสุข ทำงานก็เหมือนไม่ได้ทำ เหมือนกับเขาจ้างเราไปเที่ยวหรือไปเรียน

ช่วงหลังๆ งานล่ามฉันเริ่มล้นมือ เป็นที่รู้จักดีในวงการล่ามทั่วอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นที่ศาลต่างๆ ในรัฐแคลิฟอร์เนียและรัฐอื่นๆ สำนักงานทนายความ เอเจนซี่ที่เป็นนายหน้าหาล่ามและในหมู่ล่ามด้วยกัน ทำให้ฉันมีงานอย่างต่อเนื่อง น้อยวันนักที่จะไม่โดนเรียกตัว (หลายคนถามว่า ฉันเอาเวลาไหนมาเขียน เดี๋ยวจะอธิบายให้ฟังในอีกบทความหนึ่ง)

การที่ได้งานมากมายและต้องเดินทางเพื่อไปเป็นล่ามตามรัฐต่างๆ ตลอดนั้นมันก็สนุกดีอยู่หรอก แต่มันก็มีจุดอิ่มตัวเหมือนกันนะ รู้สึกว่าจุดนั้นใกล้จะมาถึงแล้ว อายุก็ขึ้นเลขห้าแล้ว

หลังจากที่รับงานคนเดียวไม่ไหวโดยเฉพาะช่วงสองสามปีที่ผ่านมา จึงได้เริ่มโยนงานให้กับคนอื่นๆ ตอนแรกว่าจะทำเป็นเอเจนซี่เองแล้วเก็บค่าคอมมิชชั่น หรือว่าจะเก็บค่าแนะนำงาน (referral fee) สัก 10% ก็ดูจะไม่เลว แต่พอถึงเวลาจริงๆ แล้ว ก็ทำไม่ลง มีแค่งานแปลไม่กี่ชิ้นที่ได้ค่ารีเฟอร์ แต่ตอนนี้ก็ไม่เอาแล้ว สงสารรุ่นน้อง ให้เขาได้ตังค์ค่าแรงของเขาเต็มๆ เลยจะดีกว่า

ทีนี้พวกน้องๆ ที่ฉันแนะนำงานไปให้ ถึงแม้ภาษาเขาจะดี แต่เขายังขาดประสบการณ์การเป็นล่าม ไม่รู้เทคนิค ไม่เคยเรียนวิชาการล่ามมา จึงพากันมาหาฉันเพื่อให้ฉันสอนวิชาให้

ตอนแรกฉันไม่ได้อยากสอนวิชานี้เลย กว่าจะสะสมมาได้ก็หลายปี ต้องเสียเงินและเสียเวลาในการเรียนรู้เยอะมาก แต่มานึกอีกที ก็เสียดายความรู้ที่เรียนมา ความต้องการล่ามเพิ่มขึ้นมาก หลายคนอยากเป็นล่าม แต่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร โรงเรียนหรือสถาบันต่างๆ ที่สอนวิชาการล่ามก็แพงเสียเหลือเกิน ก็เลยตัดสินใจ สอนก็สอน และฉันก็คิดว่าการที่เราให้ความรู้คนอื่นก็เหมือนเป็นการจุดตะเกียง ตะเกียงดวงเดียวสามารถส่องแสงสว่างให้หลายๆ คนได้ มีคนลาวคนไทยจำนวนมากในต่างแดนที่ยังต้องการความช่วยเหลือจากล่ามที่มีคุณภาพ

เมื่อคนไทยและคนลาวแยกย้ายไปตามรัฐต่างๆ และมีจำนวนมากขึ้น ความต้องการล่ามก็มากขึ้น ล่ามรุ่นน้องและผู้ที่อยากทำงานล่ามได้ขอให้ฉันเปิดคอร์สทางออนไลน์เพราะเขาจะได้เรียนทางไกลได้ เพื่อจะได้รู้เทคนิคการแปล รู้ขั้นตอนต่างๆ รวมทั้งการใช้ภาษา และเพื่อเตรียมตัวสอบสำหรับรัฐที่มีการสอบเพื่อเป็นล่ามในศาลหรือในสถานพยาบาล

ตอนนี้ลูกศิษย์หลายคนก็ได้เป็นล่ามมืออาชีพ ทั้งเต็มเวลาและพาร์ทไทม์ บางคนก็ทำเป็นอาชีพเสริม มีรายได้มาช่วยครอบครัว มีเงินกลับไทยโดยไม่ต้องขอสามี บางคนก็ได้งานในศาล หรือเป็นล่ามตามสถานพยาบาล มีคนหนึ่งได้เป็นล่ามพาร์ทไทม์ให้กับเอฟบีไอ คนหนึ่งเขียนหนังสือออกมาเป็นเล่มภายในหกเดือนชื่อ (Learning Medical Terminology การศึกษาคำศัพท์ทางการแพทย์) และมีคนหนึ่งได้เป็นทนายความเลยทีเดียวหลังจากที่เขาทำงานเป็นล่ามในรัฐแคลิฟอร์เนียได้สามปี ฉันไม่ได้สอนแต่คนไทยหรือคนลาวนะ มีคนหลายภาษามาขอเป็นลูกศิษย์ แต่ฉันก็ไม่รับทุกคนหรอกค่ะ จะดูว่าใครตั้งใจที่จะทำอาชีพนี้จริงๆ ถึงจะรับเพราะไม่อยากให้เขาเสียเวลาและไม่อยากเสียเวลาของตัวเอง แต่เมื่อเปิดสอนทางออนไลน์แล้ว จะรับนักเรียนได้มากขึ้น แต่นักเรียนก็ต้องตั้งใจศึกษาและขนขวายเองด้วย

ถามว่าไม่กลัวเหรอที่มาสอนคนอื่นให้มาเป็นคู่แข่งตัวเอง มีคนถามมาบ้างนะ 

อันนี้เป็นสิ่งสุดท้ายเลยที่ฉันจะต้องกลัว โลกนี้มีสิ่งมหัศจรรย์หลายอย่าง ยิ่งฉันสอน งานยิ่งเยอะ และมีแต่งานดีๆ ด้วย ตอนนี้ยิ่งดีเพราะเรามีนักเรียนที่จะมารับงานที่เรารับไว้ใกล้บ้านแทนเรา เราก็ไปรับงานที่น่าสนใจต่างรัฐหรือต่างประเทศได้ ยิ่งสอนก็ยิ่งมีคนรู้จัก ทำให้เรามีความน่าเชื่อถือ และการสอนทำให้เราเรียนรู้และพัฒนาตัวเองได้หลายเท่า ดังคำกล่าวที่ว่า To teach is to learn twice. 

ก่อนที่จะมาสอน ฉันถนัดการแปลฉับพลัน (simultaneous interpretation) และอ่อนด้านการแปลต่อเนื่อง (consecutive interpretation) เพราะการแปลต่อเนื่องต้องจดโน้ตและต้องแปลให้ถูกต้องพร้อมเก็บรายละเอียดที่เป็นรูปธรรมให้ได้หมด แต่หลังจากที่ได้ไปฝึกอบรมที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐเพื่อเตรียมแปลงาน US-ASEAN ที่อเมริกาจะเป็นเจ้าภาพหลังจากที่มีการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community หรือAEC) ฉันได้ฝึกหัดทักษะนี้และทักษะอื่นๆ เพิ่มขึ้น กรอปกับต้องไปเรียนศึกษาต่อเนื่องเพื่อต่อใบอนุญาตที่เรียกกันว่า continuing education จึงได้นำมาเทคนิคต่างๆ ที่ได้ร่ำเรียนมา

กว่ายี่สิบปีมาใช้สอนนักเรียน ตอนนี้ความสามารถการจดบันทึกโน้ตในการแปลแบบต่อเนื่องได้พัฒนาขึ้นจนเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง และได้รับคำชมจากลูกค้าอยู่เสมอ อันเนื่องมาจากได้ฝึกบ่อยๆ และจากการเขียนหลักสูตรของตัวเองเพื่อสอนนักเรียนนั่นเอง 

อันสุดท้ายก็คือ นักเรียนของเรายังไงก็ไม่มีประสบการณ์ภาคสนามเท่าเราอยู่แล้ว ยิ่งถ้าเป็นรุ่นน้องประสบการณ์ชีวิตก็ไม่มีเท่าเรา เขายังต้องเดินอีกไกลถึงจะทันเรา อีกอย่าง ฉันไม่คิดว่าเป็นการแข่งขัน ถือว่าเป็นการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ชาวนายังมีนาข้าวติดกันได้ ร้านอาหารไทยในอเมริกาก็มีมากมาย บางร้านก็ติดกันเลย ถือว่าเป็นอาชีพที่ใช้ทำมาหากิน ใครเก่งใครมีความสามารถ คนนั้นก็ได้งานไป ตอนนี้ฉันอยากจะช่วยส่งเสริมให้มีล่ามที่มีคุณภาพทั่วไทยและทั่วอเมริกา ความจริงเป้าหมายของฉันคือ ฉันอยากสอนให้นักเรียนเก่งกว่าตัวเองให้ได้ เพราะจะถือว่าเป็นการประสบความสำเร็จที่สุดในฐานะที่เป็นครู

จริงๆ แล้ว ล่ามไทยลาวที่เก่งมีเยอะมากเลยค่ะ ทั้งล่ามศาลในรัฐต่างๆ ล่ามของกระทรวงการต่างประเทศ ล่ามที่แปลให้กับเอเจนซี่ในงานประชุมต่างๆ ก็มีมาก แต่เขาไม่ค่อยเปิดเผยตัวกัน เพราะงานส่วนใหญ่เป็นงานที่ต้องเก็บข้อมูลเป็นความลับ เขาเลยไม่ค่อยมาสุงสิงกับสังคมมากนัก เพราะเราอาจต้องไปแปลให้คนรู้จักในคดีแพ่งหรืออาญาได้ และอีกอย่างพวกที่เป็นล่าม เขาจะไม่บอกกันหรอกว่าการเป็นล่ามจะต้องทำอย่างไรบ้าง เพราะกลัวคนอื่นจะมาแย่งงานตัวเอง จะบอกแต่เฉพาะเพื่อนๆ ในแวดวงของเขา

ส่วนฉันอาจจะยากที่จะไม่ให้คนรู้จักเพราะเป็นนักเขียนและออกงานสังคมตลอด แต่ฉันก็ระวังและรู้จักแยกแยะเรื่องงานสังคมกับงานล่าม ฉันทำงานในรัฐแคลิฟอร์เนียภาคเหนือมากว่ายี่สิบปี ทำมาหลายพันคดี สังคมไทยในซานฟรานซิสโกใช่ว่าจะใหญ่โต ก็ต้องรู้จักคนมากเป็นธรรมดา ฉันได้รักษาจรรยาบรรณของล่ามเรื่องการปิดของมูลบางอย่างให้เป็นความลับ (ยกเว้นบางคดีที่เป็นข่าวสาธารณะ) ฉันแตกต่างจากล่ามคนอื่นคือ ฉันเป็นนักเขียนด้วย จึงสามารถที่จะเขียนหนังสือ บทความและเรื่องเล่าต่างๆ มาแชร์ให้ผู้อ่านฟัง และตอนนี้ก็เริ่มหันมาเขียนหลักสูตรเพื่อที่จะสามารถสอนคนที่อยากเรียนที่อยู่ห่างไกล และเขียนบทความมาโพสท์ในสื่อสังคมให้ผู้สนใจได้อ่านกัน

ต้องขอขอบคุณความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีด้านการสื่อสาร ตอนนี้ฉันสามารถสอนคนได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดในโลก และสามารถเก็บค่าครูในราคาที่สมเหตุสมผลที่ทุกคนสามารถจ่ายได้ ($10 ต่อชั่วโมงสำหรับการเรียนเป็นกลุ่ม) ฉันจะเก็บค่าเรียนให้ถูกที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยที่ไม่ให้เดือดร้อนตัวเอง เพราะมีค่าใช้จ่ายเยอะเหมือนกัน เช่น ค่าทำเว็บไซท์ ค่าออนไลน์คอร์ส ค่าทำกราฟฟิก ค่าผู้ช่วยสอน (คลาสที่เป็นเวิร์คช็อป จะมีชาวอเมริกันที่มีคุณวุฒิมาเป็นแขกรับเชิญทุกครั้ง) ค่าทีมงานฝ่ายโปรดัคชั่น และที่สำคัญคือค่าเตรียมการสอน หลักสูตรที่จะใช้สอนนี้ ฉันเขียนเองทั้งหมด โดยรวบรวมจากประสบการณ์จริงของตัวเองและจากความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมาหลายทศวรรษ บางบทเรียนต้องเตรียมเป็นสิบชั่วโมง ต้องคิด ทำวิจัย เขียนเรียบเรียง ทำพาวเวอร์พอยท์ เตรียมบรรยาย ฯลฯ

ถ้าใครตั้งใจเรียน จะสามารถเอาวิชานี้ไปประยุกต์ใช้ได้กับทุกอาชีพ ถึงแม้จะไม่ได้ทำงานล่ามหรือจะสอบเป็นล่ามไม่ผ่านก็ตาม ทั้งนี้และทั้งนั้น เมื่อมีนักเรียนมากพอ ฉันอาจจะต้องลดงานล่ามลงเพื่อมาเขียนบทเรียนและเตรียมการสอนเพิ่มขึ้น และจะสามารถลดค่าเล่าเรียนลงเพื่อให้คนที่มีรายได้น้อยได้ทั้งที่ไทย อเมริกาและในต่างประเทศได้มีโอกาสเข้าเรียนคลาสออนไลน์นี้ได้ด้วย ฉันเป็นคนโชคดีที่มีแต่โอกาสดีๆ ในชีวิต จึงอยากจะมอบโอกาสนี้ให้กับคนไทยที่ประเทศไทยและคนลาวที่อยู่ประเทศลาวเพื่อที่เขาจะได้มีวิชาติดตัวเพื่อสร้างอนาคตที่ดีขึ้นให้กับตนเอง

อีกไม่นาน ฉันก็จะเปิดโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษเพื่อการประกอบอาชีพและสำหรับชาวไทยและชาวลาวที่สนใจที่จะเป็นล่ามทั่วโลกทางออนไลน์ชื่อ Paiboon Language Academy (คาดว่าจะเปิดประมาณเดือนเมษายนนี้ค่ะ) และจะเปิดให้ลงทะเบียนเร็วๆ นี้ ติดตามได้จากบทความนี้หรือจากเพจเฟซบุ๊คส่วนตัวชื่อ Benjawan Poomsan หรือเพจสาธารณะชื่อ บันทึกของล่าม Benjawan Poomsan Becker ได้ค่ะ