อยากมีแฟนฝรั่ง ฟังทางนี้ ตอนที่ 8

เมื่อความรักโรยรา When Love Dies...

เมื่อแต่งงานมาอยู่เมืองนอก ส่วนใหญ่แล้วจะวาดภาพไว้อย่างสวยหรู จินตนาการไปว่าชีวิตต้องสุขสบายขึ้น ต้องมีเงินมีทอง ส่งไปให้ทางบ้าน จะมีสามีที่รักและดูแลเหมือนคนอื่นๆ แต่เมื่อหลายๆ อย่างไม่ได้ดั่งใจ ไม่เป็นตามที่คาดหวัง คุณอาจจะต้องหาทางใหม่ให้กับตนเอง

สาเหตุของความรักที่โรยราสำหรับหญิงไทยในต่างแดน ก็คล้ายกับสาเหตุของความรักที่โรยราที่เมืองไทย เพียงแต่คู่สมรสเป็นชาวต่างชาติและเราอยู่ต่างถิ่นเท่านั้น นอกจากการเข้ากันไม่ได้ทางด้านภาษา วัฒนธรรม รสนิยม ค่านิยมและเรื่องทางเพศแล้ว สิ่งต่อไปนี้สามารถที่จะเป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญที่กำลังบอกคุณว่าคุณอาจจะต้องเตรียมตัววางแผนชีวิตใหม่


- ทะเลาะกันประจำเรื่องเงิน เขาขี้เหนียวเกินไป หรือสุรุ่ยสุร่ายเกินไป ใช้เงินไม่เป็น

- เขาไม่พอใจที่ส่งเงินกลับเมืองไทย หรือหาว่าส่งมากเกินไป หรือโกรธเมื่อรู้ว่าแอบส่งเงินกลับบ้าน

- ไม่ไว้วางใจ กลัวมีกิ๊ก คอยจับผิดตลอดเวลา

- ไม่ให้เกียรติ ชอบดูถูก ชอบว่าโง่ ทำให้อับอาย

- ไม่ช่วยงานบ้าน มีข้ออ้างตลอด

- แทบจะไม่เคยชมว่าดี ตำหนิติเตียนอยู่เสมอ

- พูดให้เมืองไทย วัฒนธรรมไทย สังคมไทย ครอบครัวที่เมืองไทยในเชิงลบ

- ไม่อยากให้ติดต่อกับเพื่อนๆ หรือครอบครัว ไม่อยากให้รู้มากเกินไป

- ต้องกลับบ้านตรงเวลา ไปไหนมาไหนต้องคอยพะวักพะวง เขาไม่ให้อิสระ ไม่มีความยืดหยุ่น

- ควบคุมทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ เพราะกลัวเราหนี เก็บเอกสารสำคัญ เช่น พาสปอร์ต บัตรประชาชน บัตรเครดิตไว้ ให้ใช้แต่เฉพาะเวลาที่ตนอนุญาต

- ชอบใช้คำไม่สุภาพ สบถสาบานเป็นประจำ ด่าลูกเมีย ด่าคนอื่นๆ มีปากเสียงกันเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม

- ทำลายข้าวของเป็นประจำ

- ติดอบายมุขต่างๆ ดื่มอัลกอฮอล์ ใช้ยาเสพติดที่ผิดกฎหมาย เที่ยวกลางคืน คบเพื่อนไม่ดี เกียจคร้านการทำงาน

- ต้องแต่งตัวตามใจตน ห้ามใส่ชุดนั้นนี่

- ปฏิบัติตัวกับคุณต่อหน้าคนอื่นเป็นอย่างหนึ่ง แต่ลับหลังคนอื่นกลับเป็นอีกอย่างหนึ่ง

- บังคับให้มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ยินยอม

- ข่มขู่ต่างๆ นานา ขู่ว่าจะฆ่าตัวตาย ขู่ว่าจะส่งกลับไทย ขู่ว่าจะเอาลูกไว้ ขู่ว่าจะไม่ให้สมบัติ ขู่ว่าจะทำร้ายหรือฆ่าคุณ

- เคยข่มขู่ด้วยอาวุธต่างๆ เช่น ปืนหรือมีด

- ตบตีคุณหรือลูกๆ


สิ่งต่างๆ เหล่านี้เพียงไม่กี่อย่าง หรือแม้แค่เพียงอย่างเดียว เมื่อเกิดขึ้นเป็นประจำและเป็นระยะเวลานาน ก็จะเป็นสาเหตุให้รักจางได้ แล้วก็จะค่อยๆ กลายเป็นความโกรธ ความเกลียดที่สะสมมานาน จนเป็นสาเหตุให้เกิดการทะเลาะกันถึงขั้นลงไม้ลงมือ และหลายครั้งจนต้องเป็นคดีความที่เรียกว่า การใช้ความรุนแรงในครัวเรือนและถึงขั้นที่จำเป็นต้องหย่าร้างกันไป

การใช้ความรุนแรงในครัวเรือน Domestic Violence

การใช้ความรุนแรงในครัวเรือนคือ การที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งในครัวเรือนนั้นใช้กำลังทำร้ายหรือขู่ว่าจะทำร้ายสมาชิกที่อยู่ในชายคาเดียวกัน มักเกิดขึ้นจากการกระทำของฝ่ายชายและผู้ถูกกระทำส่วนใหญ่มักจะเป็นผู้หญิงและเด็ก ฝ่ายชายที่เป็นผู้ถูกกระทำก็มีเช่นกัน แต่เป็นเปอร์เซ็นที่ต่ำกว่ามาก นอกจากนี้ผู้กระทำอาจจะเป็นบิดามารดาของบุตร หรือบุตรอาจเป็นผู้กระทำต่อบิดามารดาก็ได้ และการกระทำนี้ไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นในบ้าน สามารถเกิดได้ทุกที่ แต่คู่กรณีจะต้องเป็นผู้ที่มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันและอยู่ในครัวเรือนเดียวกัน ในส่วนนี้ ฉันจะกล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายหญิงเป็นผู้ถูกกระทำ เพราะประเด็นของบทนี้เป็นประเด็นที่กล่าวถึงความสัมพันธ์ของหญิงไทยกับชายชาวตะวันตก

สมัยก่อนความรุนแรงเช่นนี้เคยถือว่าเป็นปัญหาภายในครอบครัวและไม่ถือว่าเป็นอาชญากรรม แม้กระทั่งปัจจุบันนี้ ที่เมืองไทยเมื่อภรรยาถูกสามีทำร้าย เพื่อนบ้านมักจะไม่ต้องการเข้าไปเกี่ยวข้องเพราะเกรงว่าจะเป็นการรุกล้ำเรื่องส่วนตัวของผู้อื่น

วัฒนธรรมเดิมของไทยถือว่าภรรยาเป็นทรัพย์สินของสามี นอกจากนั้นบางคนก็เชื่อในเรื่องของกรรม และเชื่อว่าเป็นโชคชะตาของภรรยาและบุตรที่ต้องเจอกับเรื่องไม่ดีภายในครอบครัว หญิงไทยจำนวนมากมีชีวิตอยู่กับความรุนแรงเช่นนี้เนื่องจากไม่ทราบว่าจะรับมือกับสภาพนั้นอย่างไร สังคมไทยคาดหวังให้คู่สมรสแก้ไขปัญหาภายในครอบครัว รวมถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้นด้วยกันเอง ดังนั้นผู้เสียหายฝ่ายหญิงจึงมักจะเลือกที่จะอดทนอย่างเงียบๆ และพยายามแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง

ชาวไทยอีกเป็นจำนวนมากยังคงไม่ตระหนักว่า ความรุนแรงในครอบครัวนั้น ในปัจจุบันถือว่าเป็นอาชญากรรมที่จะต้องรายงานแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ชายไทยไม่มีสิทธิที่จะทำร้ายร่างกายภรรยาและบุตรอีกต่อไป และแน่นอน หญิงไทยก็ไม่มีสิทธิที่จะทำร้ายสามีและบุตรเช่นกัน

เมื่อหญิงไทยพยายามจะขอคำแนะนำจากผู้อื่น คำแนะนำที่ได้ (โดยเฉพาะจากบุคคลภายนอกครอบครัว) มักจะไม่มีประโยชน์ จนกระทั่งความรุนแรงที่เกิดขึ้นนั้น รุนแรงมากขึ้นและมีผลทำให้บาดเจ็บจนถึงขั้นต้องไปพบแพทย์หรือเสียชีวิต ถึงขั้นนั้นแล้ว ผู้เสียหายหรือญาติของผู้เสียหายจึงจะขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือแพทย์

ในประเทศไทย เมื่อสามีและภรรยามีเรื่องกันมักจะจบลงที่สถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะพยายามไกล่เกลี่ยปัญหาให้ และอาจจะไม่ลงบันทึกประจำวันด้วยซ้ำ กฎหมายในนประเทศไทยเกี่ยวกับความรุนแรงในครอบครัวนั้นยังจะมีบทลงโทษเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเมื่อเปรียบเทียบกับกฎหมายของเหล่าประเทศตะวันตก โดยเฉพาะที่อเมริกา ถ้าเกิดมีการเรียกสายด่วน 911 แล้ว จะเป็นเรื่องเป็นราวทันที ตำรวจจะมาบันทึกรายงานและอาจจะจับผู้ต้องสงสัยไปด้วยหากเห็นว่ามีการทำร้ายร่างกายเกิดขึ้นจริง ผู้ที่โทรเรียกตำรวจ อาจจะไม่ใช่ผู้ถูกกระทำเอง อาจเป็นเพื่อนบ้านที่ได้ยินเสียงทะเลาะกันอย่างรุนแรง หรือผู้ที่เห็นเหตุการณ์บนท้องถนน

สาเหตุส่วนใหญ่ของความรุนแรงในครอบครัวที่ก่อขึ้นโดยฝ่ายชาย มักจะเกี่ยวข้องกับการดื่มสุรา การนอกใจ การพนัน ปัญหาทางการเงิน และการขาดความรับผิดชอบในเรื่องทั่วๆไป หรืออาจจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับโสเภณี การติดเชื้อ HIV หรือโรคเอดส์ การดื่มสุราก็เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมากในครอบครัวทั่วประเทศไทย สังคมไทยในอดีต มักจะให้อภัยในพฤติกรรมที่สามีไปเที่ยวหญิงโสเภณี ภรรยาไทยที่มีสามีที่ชอบไปเที่ยวหญิงโสเภณีก็จะต้องยอมอดทนรับพฤติกรรมนี้เพราะไม่มีทางเลือกอื่น

การพนันก็เป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่ทำให้เกิดความรุนแรงและปัญหาทางการเงินในครอบครัว โดยจะมีผลกระทบกับมาตรฐานความเป็นอยู่ของคนในครอบครัวโดยตรง อีกทั้งยังเป็นแรงกระตุ้นของการพนันนั้นรุนแรงมากในสังคมไทย หญิงไทยก็ชอบเล่นการพนันในอัตราสูงเช่นกัน

เมื่อฝ่ายหญิงมาอยู่ต่างประเทศ ไม่ว่าคู่สมรสจะไปคนชาติใดก็ตาม ถ้ารู้ตัวว่าตนมักจะถูกแฟนฝรั่งของตนข่มเหง (abuse) ไม่ว่าจะเป็นทางร่างกาย (physical) ด้านอารมณ์ (emotional) ด้านเศรษฐกิจ (economical) ด้านจิตใจ (psychological) อยู่เป็นประจำหรืออย่างรุนแรงดังที่กล่าวข้างต้นแล้ว ควรเตรียมตัวไว้แต่เนิ่นๆ โดยการศึกษาข้อมูล หาที่ปรึกษาที่รู้กฎหมาย หาผู้ที่รู้ภาษาไว้คอยช่วยเหลือ ฉันได้เป็นล่ามให้กับหญิงไทยในต่างแดนจำนวนมาก ได้เห็นมาหลายคดีมากที่ฝ่ายหญิงเสียเปรียบเนื่องจากไม่รู้ว่าตนควรจะทำอย่างไร

กฎหมายอเมริกานั้นให้ความสำคัญมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้าเรื่องถึงขั้นศาลแล้ว ก็จะเป็นเรื่องใหญ่ทันที ฝ่ายที่ถูกกระทำสามารถขอให้ศาลออกคำสั่งไม่ให้มาใกล้ตัวได้ เรียกว่า restraining order หรือ protective order ถ้ามีหลักฐานเพียงพอว่าอีกฝ่ายได้ทำร้ายร่างกายตน ซึ่งจะเป็นคำสั่งไม่ให้อีกฝ่ายเข้าใกล้ตัวในระยะทางที่กำหนดไว้ เช่น 100 หลา ห้ามเข้าใกล้ที่พัก รถยนต์ ที่ทำงานของคุณ ห้ามติดต่อกับคุณไม่ว่าจะโดยตรงหรือผ่านบุคคลที่สาม ห้ามโทรศัพท์หาหรือติดต่อทางอีเล็กทรอนิกส์ใดๆ ไม่ว่าจะเป็นโดยการ ส่งข้อความทางโทรศัพท์ (text) ทางอีเมล ทางไลน์หรือทางเฟซบุ๊ค คุณสามารถบันทึกข้อมูลไว้เพื่อแจ้งตำรวจหรือรายงานศาลได้หากมีการฝ่าฝืนคำสั่งศาล แต่คุณสามารถขอให้ศาลยกเลิกคำสั่งนี้ได้ถ้าคุณรู้สึกว่าปลอดภัยและศาลเห็นด้วยกับการที่จะยกเลิก restraining order นั้น

ถ้าจำเลยถูกพบว่าทำได้ก่ออาชญากรรมนี้ขึ้นจริง ก็จะได้รับโทษขั้นอาญาสถานหนัก (felony) เลยทีเดียว แต่ถ้าพิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นการทำร้ายตบตีที่ไม่รุนแรง อัยการอาจลดโทษมาเป็นการตบตี (battery) ซึ่งจะถือว่าเป็นลหุโทษ แต่ก็ยังต้องถูกลงโทษหนักเช่นเดียวกัน นอกจากทางอาญาแล้ว อาจถูกลงโทษในคดีแพ่ง และมีผลกระทบทางด้านสังคมอีกด้วย เช่น บริษัทหลายแห่งอาจปฏิเสธที่จะรับเข้าทำงานเมื่อรู้ว่าคุณมีประวัติทางด้านนี้

เมื่อปีที่แล้ว (ค.ศ. 2014) นักกีฬาในทีมอเมริฟุตบอลคนหนึ่งต้องถูกให้พักจากการเล่นอย่างไม่มีกำหนดและทีมฟุตบอลของเขาได้ยกเลิกสัญญาว่าจ้างโดยทันที เนื่องจากเขาได้ชกคู่หมั้นจนสลบเหมือดในลิฟท์จากการถกเถียงกันธรรมดา แต่ถูกจับได้คาหนังคาเขาเพราะทางตึกได้อัดวิดีโอบันทึกไว้ ภรรยาพยายามปกป้องเขาโดยพยายามให้การว่าเธอเป็นต้นเหตุ ตนไม่ได้สลบ ไม่เจ็บมากและไม่มีอะไรรุนแรงเกิดขึ้น เพราะเกรงว่าจะมีผลต่องานและชื่อเสียงของสามี แต่อัยการไม่ยอม ปรากฏว่าคดีนี้กลายเป็นคดีที่ดังมากในอเมริกา เพราะวิดีโอที่บันทึกไว้ได้ถูกโพสท์บนยูทูปและถูกแพร่กระจายไปทั่วโลก นอกเหนือจากต้องรับโทษอย่างหนักในศาลอาญาแล้ว ยังถูกสังคมประจานอย่างหนัก เพราะนักกีฬาชื่อดังหรือคนมีชื่อเสียงอื่นๆ ควรเป็นตัวอย่างที่ดี ไม่ควรทำในสิ่งที่รุนแรงเช่นนี้ มิฉะนั้นเด็กจะเอาเยี่ยงอย่างได้

ถ้าคุณคิดว่าตนและบุตรเป็นผู้ถูกกระทำในการใช้ความรุนแรงในครัวเรือนแล้ว คุณอาจได้รับบริการช่วยเหลือฟรีในกรณีที่เป็นการทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรง ไม่มีที่พักอาศัย ไม่มีเงินที่จะว่าจ้างทนายความหรือล่าม ส่วนในกรณีที่ถูกข่มเหงด้านอื่นๆ อาจจะพิสูจน์ได้ยาก เช่น การถูกข่มเหงทางด้านอารมณ์ ทางด้านจิตใจ จึงควรหาที่ปรึกษาเพื่อขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆ คุณสามารถไปที่ศาลครอบครัวที่ตั้งอยู่ใกล้บ้าน ที่ศาลครอบครัวส่วนใหญ่ในอเมริกาจะมีศูนย์ที่ให้บริการกับผู้ที่มีปัญหาทางด้านครอบครัวสำหรับผู้ที่ไม่มีทนายความ ศูนย์นี้เรียกว่า self-help center จะมีทั้งอาสาสมัคร ผู้อำนวยความสะดวกทางด้านกฎหมายครอบครัว (family law facilitator) คอยชี้แนวทางให้ คุณสามารถติดต่อ Asian Women's Shelter (บ้านพักพิงสตรีเอเชีย) ในซานฟรานซิสโกเพื่อขอคำแนะนำได้ถึงแม้คุณจะไม่ได้อยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย


Asian Women's Shelter

3543 18th St #19, San Francisco, California 94110

Tel: 415-751-7110


Asian Pacific Women's Shelter

244 S San Pedro St #504, Los Angeles, CA 90012

Tel: (213) 250-2977


บ้านพักพิงสตรีเอเชียและบ้านพักพิงสตรีเอเชียแปซิฟิกให้ความช่วยเหลือสตรีที่ถูกใช้ความรุนแรงในครัวเรือน ถูกสามีตบตี หรือถูกทำร้ายร่างกายหรือสตรีที่เป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์ มีบริการต่างๆ มากมายไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพ ด้านกฎหมาย ด้านการศึกษา มีเจ้าหน้าที่คนไทยประจำอยู่ที่แห่งนี้ด้วย