กระบวนการทางอาญาและทางแพ่งในสหรัฐอเมริกา ตอนที่ 2

2. ขั้นพนักงานอัยการ The Prosecution Process

เมื่อเรื่องส่งมาถึงชั้นพนักงานอัยการ พนักงานอัยการจะพิจารณาและมีความเห็นคดีไว้ใน 3 ทาง ดังนี้

- งดการสอบสวน กรณีไม่มีผู้ต้องหา

- มีความเห็นไม่สั่งฟ้อง จะยื่นคำร้องต่อศาลให้ปล่อยตัวผู้ต้องหากรณีที่ถูกควบคุมอยู่ ถ้าผู้ต้องหาได้ประกันตัวออกไปแล้ว ก็จะคืนหลักทรัพย์ในการประกันตัวให้กับนายประกันไป

- มีความเห็นสั่งฟ้อง ก็จะนำผู้ต้องหาทั้งที่ถูกควบคุมตัวหรือที่ประกันตัวออกไป ยื่นฟ้องต่อศาล เมื่อศาลรับฟ้องก็จะให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ควบคุมไว้ตามอำนาจศาล (สำหรับผู้ที่ถูกควบคุมตัว)


พอถึงตอนนี้ผู้ต้องสงสัยก็จะกลายเป็นจำเลย (defendant) ถ้าคิดว่า ไม่มีหลักฐานพยานพอ ผู้ต้องสงสัยก็จะถูกปล่อยตัวไป ถ้าไม่มีเงินประกันตัวหรือศาลไม่ให้ประกัน ก็จะต้องติดคุกรอ ส่วนใหญ่จะติดที่คุกของเคาน์ตี้ (county jail) จนกว่าจะตัดสินคดี

คดีอาญาที่ขึ้นศาลของแต่ละเคาน์ตี้ (county court) จะมีชื่อคดีว่า The People vs. [ชื่อจำเลย] เพราะประชาชนเป็นโจทก์หรือผู้เสียหาย ส่วนคดีอาญาที่ขึ้นศาลรัฐบาลกลาง (federal court) จะมีชื่อคดีว่า United States of America vs. [ชื่อจำเลย] เพราะรัฐบาลเป็นโจทก์หรือผู้เสียหาย


3. ขั้นศาล The Court Process

การขึ้นศาลครั้งแรก (Arraignment)

ในการขึ้นศาลครั้งแรกนี้ ถ้าหากคุณยังไม่มีล่าม ให้บอกทางศาลหรือทนายความทันทีว่าต้องการล่าม หลังจากที่คุณได้ล่ามแล้ว ล่ามจะมาด้วยทุกครั้งที่คุณขึ้นศาล ศาลจะเป็นผู้จ่ายค่าล่ามเอง ล่ามที่แปลให้จำเลยก็จะอยู่ฝ่ายจำเลยจนสิ้นสุดคดี ยกเว้นบางครั้งไม่มีล่ามภาษาไทยพอ และจำเป็นต้องแปลให้พยานฝ่ายอัยการในคดีเดียวกันด้วย ทนายทั้งสองฝ่ายต้องตกลงกันก่อนว่าจะให้ล่ามคนเดียวกันแปลให้อีกฝ่ายได้หรือไม่ ส่วนใหญ่แล้วจะไม่ค่อยมีปัญหา ยกเว้นคดีที่ร้ายแรงจริงๆ ซึ่งล่ามแต่ละฝ่ายจะต้องแปลแต่เฉพาะฝ่ายที่ตนได้รับมอบหมาย

ส่วนใหญ่ ผู้พิพากษาจะเป็นผู้กำหนดจำนวนเงินค่าประกันตัว (set a bail) ในตอนที่จำเลยมาขึ้นศาลครั้งแรก ในกรณีที่ไม่รุนแรงหรือในกรณีที่ผู้พิพากษาเชื่อว่าจำเลยจะมาขึ้นศาลครั้งต่อไป ผู้พิพากษาอาจจะปล่อยตัวจำเลยไปโดยไม่ต้องมีประกัน (release on one's own recognizance หรือ O.R.) ในตอนนั้นผู้พิพากษาจะอ่านข้อหาให้จำเลยฟัง ถามชื่อ นามสกุล ถามว่ามีทนายความหรือไม่ สามารถว่าจ้างทนายความได้หรือไม่และแจ้งสิทธิต่างๆ ให้จำเลยทราบ

หลายครั้งที่ล่ามในศาลต้องไปแปลให้กับจำเลยที่ยังอยู่ในห้องจำขัง (lockup) ในศาล พร้อมกับทนายความหลวง (public defender) หรือทนายความที่ได้รับการแต่งตั้งจากศาล (court appointed attorney) หรือทนายความที่จำเลยจ้างมาเอง (private attorney) ขั้นตอนนี้จะมีขึ้นก่อนที่คดีของจำเลยจะถูกเรียก ทนายความจะแจ้งให้กับลูกความของตัวเองทราบถึง ...

- ข้อหาที่ถูกกล่าวหา (charges)

- ข้อเสนอ (offer) จากทางอัยการ (ถ้ามี)

- เนื้อหาที่ตำรวจบันทึกไว้ (police report)

- ข้อดีข้อเสียของการรับข้อเสนอนั้น (pros and cons of taking the offer)

- ทนายความจะขอให้จำเลยตัดสินใจว่าจะรับข้อเสนอหรือไม่ ถ้าจำเลยตัดสินใจที่จะยอมรับผิด (plead guilty) หรือไม่สู้คดี (no contest) ทนายจะขอให้ล่ามอ่านและแปล (sight translation) แบบฟอร์มการสละสิทธิ์ต่างๆ (waiver of rights) ให้จำเลยฟัง แต่ถ้าหากจำเลยปฏิเสธข้อกล่าวหา (deny the allegations) ก็จะต้องไปสู้ต่อในขั้นตอนการพิจารณาคดี (trial) ซึ่งตอนนี้ทนายฝ่ายจำเลยอาจขอให้มีการลดค่าประกันตัวลง (bail reduction) หรือขอให้ศาลปล่อยตัวจำเลยโดยไม่ต้องมีประกัน

เมื่อศาลนัดวันให้มาขึ้นศาลครั้งต่อไป คุณจะต้องมาตามนัดทุกครั้ง มิฉะนั้นแล้วผู้พิพากษาจะออกหมายจับที่เรียกว่า bench warrant เพื่อตามจับคุณเนื่องจากคุณผิดนัด และหมายจับนั้นจะมีการระบุจำนวนเงินประกันด้วย บางครั้งผู้พิพากษาจะยกเลิกหมายจับนี้ ถ้าคุณมีเหตุผลที่ดีที่จะอธิบายว่าทำไมคุณจึงมาศาลตามนัดไม่ได้

ถ้าอาชกรรมที่ถูกกล่าวหาเป็นเพียงความผิดเล็กๆ น้อยๆที่เสียแต่ค่าปรับ (infraction) หรือลหุโทษ (misdemeanor) จะไม่มีขั้นตอนรับฟังหลักฐานพยาน (preliminary hearing) ผู้พิพากษาจะนัดวันให้มาสู้คดี (set a trial date) แต่ถ้าอาชกรรมที่ถูกกล่าวหาเป็นคดีอาญาสถานหนัก (felony) จะมีการนัดให้มาสองวันคือการประชุมก่อนการสู้คดี (pretrial conference) เพื่อจะดูว่าจะมีการตกลงกันได้ก่อนหรือไม่ หรือจะต้องเตรียมตัวอะไรกันบ้าง และอีกวันคือการรับฟังหลักฐานพยานเบื้องต้น (preliminary hearing)

ในบางคดี ทางอัยการจะส่งคดีไปให้คณะลูกขุนใหญ่ (grand jury) เพื่อให้คณะลูกขุนใหญ่ตัดสินว่ามีหลักฐานพอที่จะยื่นฟ้องจำเลยหรือไม่ คณะลูกขุนใหญ่คือกลุ่มพลเมืองระหว่าง 20-24 คนซึ่งจะทำหน้าที่เป็นเวลาหนึ่งปี จะตัดสินเพียงว่าคดีแต่ละคดีมีหลักฐานเพียงพอที่จะทำการฟ้องร้องหรือไม่ คณะลูกขุนใหญ่จะแตกต่างจากคณะลูกขุนธรรมดา (jury) ซึ่งจะประกอบด้วยพลเมือง 12 คนที่จะเป็นผู้ตัดสินทั้งคดีแพ่งหรือคดีอาญา (ในคดีแพ่งบางคดีอาจใช้จำนวนลูกขุนน้อยกว่า 12 คน )

ถ้าคณะลูกขุนใหญ่เชื่อว่าจำเลยได้กระทำผิดตามข้อกล่าวหา ก็จะออกใบแจ้งข้อหาอย่างเป็นทางการ (indictment)


ขอย้อนกลับมายังขั้นตอนการแจ้งสิทธิต่างๆ ของจำเลยอีกครั้ง (advisement of rights) เมื่อจำเลยได้รับฟังสิทธิต่างๆ ที่ตนพึงมีแล้ว ศาลจะขอให้คุณตอบข้อกล่าวหาว่า ผิด (guilty) ไม่ผิด (not guilty) หรือ ไม่สู้คดี (no contest) การลงโทษก็จะขึ้นอยู่กับคดีของคุณ บางคดีก็เสียแต่ค่าปรับ บางคดีก็ทั้งจำทั้งปรับ รอลงอาญาหรือภาคทัณฑ์ (probation) ต้องไปเข้าคลาสเรียนตามศาลสั่ง จ่ายค่าธรรมเนียมศาล ค่าเสียหายให้กับผู้ถูกกระทำหรือผู้เสียหาย (victim) ฯลฯ


สิทธิตามรัฐธรรมนูญของจำเลยในคดีอาญาของอเมริกา (Constitutional Rights for Criminal Defendants)


ก่อนที่คุณจะตัดสินใจว่าจะตอบข้อหาว่าผิดหรือไม่ผิดนั้น คุณควรทราบถึงสิทธิตามรัฐธรรมนูญที่จำเลยในคดีอาญาพึงมีเสียก่อน ซึ่งมีดังต่อไปนี้

- สิทธิที่จะมีทนายมาช่วยแก้ต่าง (right to an attorney หรือ right to representation)

- สิทธิที่จะได้รับการพิจารณาคดีโดยคณะลูกขุนหรือโดยผู้พิพากษา (right to a jury trial or court trial)

- สิทธิที่จะไม่ให้ปากคำใดๆ ที่จะเป็นการกล่าวโทษให้ตนเอง (right against self-incrimination หรือ right to remain silent)

- สิทธิที่จะเผชิญหน้าและสอบปากคำพยานฝ่ายตรงข้าม (right to confront and cross-examine witnesses)

- สิทธิในการประกันตัว (right to bail)

- สิทธิที่จะได้รับการพิจารณาคดีอย่างเร่งด่วน (right to a speed trial)

- สิทธิที่จะไม่ถูกนำมาพิจารณาคดีอีกครั้งในข้อหาเดิมที่ได้ตัดสินไปแล้ว หรือสิทธิที่จะไม่ถูกฟ้องซ้ำในคดีเดิม (right not to be tried twice for the same crime หรือ double-jeopardy)


คุณมีสิทธิที่จะได้รับการช่วยเหลือจากทนายความในทุกขั้นตอน ถ้าคุณไม่สามารถจ้างทนายความได้ สำหรับคดีที่เป็น misdemeanor หรือ felony ศาลจะให้คุณสมัครขอบริการจากทนายหลวงหรือทนายของรัฐ (public defender) ถ้าทางสำนักงานเห็นว่าคุณมีคุณสมบัติตามที่กำหนดไว้ ก็จะรับคุณเป็นลูกความโดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย (ยกเว้นค่าธรรมเนียมบางส่วน) ส่วนคดีที่เป็น infraction ที่เสียแต่ค่าปรับนั้น (เช่น คดีฝ่าฝืนกฎจราจรต่างๆ) คุณต้องจ้างทนายด้วยตนเอง


ในบางกรณี คุณอาจจะสละสิทธิไม่เอาทนายความและจะแก้ต่างด้วยตัวเอง ศาลจะถามคุณให้แน่ใจว่าที่คุณต้องการทำเช่นนั้นเป็นไปด้วยความสมัครใจและด้วยความรู้เท่าถึงการณ์หรือไม่ คุณต้องเข้าใจถึงข้อดีข้อเสียของการที่จะแก้ต่างด้วยตัวเอง ในคดีหนักๆ ผู้พิพากษาจะไม่ยอมให้คุณแก้ต่างด้วยตัวเองเพราะคุณอาจเสียเปรียบเนื่องจากการไม่เข้าใจกฎหมายอย่างถ่องแท้

ถ้าคุณถูกกล่าวหาในคดีที่เป็น felony หรือ misdemeanor คุณมีสิทธิที่จะได้รับการพิจารณาคดีโดยคณะลูกขุนซึ่งประกอบด้วยพลเมือง 12 คนที่ถูกคัดเลือกมาจากชุมชน บุคคลเหล่านี้จะเป็นคนตัดสินว่าคุณผิดหรือไม่ผิด การที่จะพิพากษาว่าผิดในคดีอาญานั้น ลูกคุณทั้งหมดจะต้องเห็นพร้อมต้องกันทุกคนว่าจำเลยผิดตามข้อกล่าวหา (unanimous verdict) แต่คุณสามารถเลือกที่จะให้ผู้พิพากษาเป็นคนตัดสินเพียงคนเดียวแทนการให้คณะลูกขุนตัดสินได้ก็ได้ถ้าอัยการยินยอม

ในคดีที่เป็น infraction ที่เสียแต่เฉพาะค่าปรับและไม่ต้องจำคุก เช่น การได้ใบสั่งจากการขับรถเร็วกว่ากำหนด (speeding ticket) คุณมีสิทธิที่จะได้รับการพิจารณาคดีโดยผู้พิพากษาเท่านั้น

ถ้าคุณถูกจับข้อหาละเมิดเงื่อนไขทัณฑ์บนหรือการรอลงอาญา (probation violation) คุณจะไม่มีสิทธิที่จะได้รับการพิจารณาคดีโดยคณะลูกขุน แต่จะมีสิทธิได้รับฟังคดีต่อหน้าผู้พิพากษา


การตอบข้อหา (Plea)

ถ้าคุณตอบข้อหาว่าคุณไม่ผิด (plead not guilty) ในคดีลหุโทษ (misdemeanor) คุณมีสิทธิที่จะได้รับการพิจารณาคดี (trial) ภายใน 30 วันหลังจากวันที่คุณมาขึ้นศาลครั้งแรกเพื่อรับฟังข้อกล่าวหาในกรณีที่คุณอยู่ในคุก หรือภายใน 45 วันในกรณีที่คุณไม่ได้อยู่ในคุก ถ้าคุณไม่ได้รับการพิจารณาคดีภายในช่วงเวลานี้ คุณมีสิทธิที่จะให้คดีของคุณถูกยกฟ้องได้ ยกเว้นอัยการมีเหตุผลที่ดีว่าทำไมจึงไม่ควรยกฟ้อง และยกเว้นว่าคุณตกลงที่จะเลื่อนเวลาออกไป (waive time) เพื่อรับฟังคดีหลังจากช่วงเวลาดังกล่าว

คุณมีสิทธิที่จะไม่กล่าวโทษให้กับตนเองซึ่งหมายความว่าไม่มีใครที่จะมาบังคับให้คุณให้การหรือให้ข้อมูลใดๆ อัยการต้องเป็นฝ่ายพิสูจน์ว่าคุณผิดตามที่กล่าวหา แต่ถ้าคุณเลือกที่จะให้การ นั่นหมายความว่าคุณสละสิทธิที่จะไม่กล่าวโทษให้กับตนเอง (right against self-incrimination) และคุณจะต้องสาบานตนว่าจะพูดความจริงและตอบคำถามของทนายฝ่ายคุณ อัยการหรือผู้พิพากษา

คุณมีสทธิที่จะสอบปากคำพยานของฝ่ายตรงข้ามซึ่งมาให้การต่อหน้าคุณ และคุณมีสิทธิที่จะใช้อำนาจศาลเพื่อเรียกเอาพยานหรือหลักฐานมาช่วยสนับสนุนคดีของคุณได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ

ถ้าคุณไม่ใช่พลเมืองของสหรัฐอเมริกา (US citizen) หากคุณถูกตัดสินว่าผิดตามข้อหา อาจมีผลต่อสถานะการเข้าเมืองของคุณ เช่นการถูกส่งตัวกลับประเทศเดิมของคุณ (deportation) การถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าประเทศสหรัฐอเมริกา (exclusion from the United States) หรือการถูกปฏิเสธไม่ให้เปลี่ยนสัญชาติเป็นชาวอเมริกัน (denial of naturalization)

ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น คุณจะสามารถตอบข้อหา (plea) ต่อหน้าผู้พิพากษาได้สามวิธีด้วยกันคือ ผิด ไม่ผิด หรือไม่สู้คดี

การตอบข้อหาว่า "ผิด" (guilty) หมายถึงคุณยอมรับผิดตามที่กล่าวหาและสละสิทธิที่จะแก้ต่าง รวมถึงสิทธิตามรัฐธรรมนูญที่กล่าวไว้ข้างต้น


การตอบข้อหาว่า "ไม่สู้คดี" (no contest) หมายถึงคุณไม่ต้องการที่จะสู้คดีต่อ ซึ่งจะมีผลในการลงโทษเท่ากันกับการตอบข้อหาว่า "ผิด" แต่จะมีผลดีเพียงข้อเดียวก็คือคุณไม่ได้รับผิดโดยตรงและจะไม่สามารถนำมาใช้เป็นข้ออ้างในการเรียกร้องค่าเสียหายในคดีแพ่งได้

การตอบข้อหาว่า "ไม่ผิด" (not guilty) หมายถึงคุณปฏิเสธข้อกล่าวหาทุกข้อ จะถือว่าคุณเป็นผู้บริสุทธิ์และฝ่ายอัยการมีหน้าที่ที่จะต้องพิสูจน์ว่าคุณผิดโดยไม่มีข้อกังขาที่สมเหตุผล (proving beyond reasonable doubt) โดยให้คณะลูกขุนหรือผู้พิพากษาเป็นคนตัดสิน

ถ้าคุณตอบข้อหาว่า "ผิด" หรือ "ไม่สู้คดี" หรือคุณทุกตัดสินว่าผิดในภายหลัง คุณมีสิทธิที่จะได้รับการตัดสินลงโทษอย่างน้อยหกชั่วโมงขึ้นไปแต่ไม่เกินห้าวัน คุณสามารถสละสิทธินี้และขอให้ศาลตัดสินทันทีได้หรือคุณจะขอมาฟังการตัดสินลงโทษในระยะเวลาที่กำหนดก็ได้ คุณต้องทำตามคำตัดสินลงโทษของผู้พิพากษาและเงื่อนไขของการลงอาญาทุกข้อ มิฉะนั้นแล้วจะถือว่าเป็นการหมิ่นประมาทศาลซึ่งอาจจะนำไปสู่การลงโทษที่หนักกว่าเดิมได้

มีหลายคดีที่จำเลยหรือทนายความของจำเลยปฏิเสธข้อกล่าวหาในช่วงแรกๆ แล้วตอนหลังค่อยมาเปลี่ยนเป็นยอมรับผิดหรือไม่สู้คดี กรณีนี้เรียกว่า การเปลี่ยนการตอบข้อหา (change of plea)

ในตอนที่คุณเปลี่ยนการตอบข้อหาจาก "ไม่ผิด" (not guilty) มาเป็นผิด (guilty) หรือไม่สู้คดี (no contest) นั้นศาลจะถามให้แน่ใจว่าคุณได้สละสิทธิ์ต่างๆ ด้วยการรับรู้ ด้วยความเข้าใจถึงเหตุผลและด้วยความสมัครใจ (knowingly, intelligently and voluntarily waive the rights) หรือไม่ และจะถามว่าล่ามได้อ่านแบบฟอร์มการตอบรับข้อหาให้คุณฟังหรือทนายได้อ่านและอธิบายให้คุณฟังเป็นที่เข้าใจก่อนที่จะลงอักษรย่อของชื่อและนามสกุลกำกับลงในช่องสี่เหลี่ยมของแต่ละข้อ ก่อนที่จะเซ็นชื่อแล้วหรือไม่


คดีอาญาเกินกว่าครึ่งมักจะสะสางให้เสร็จสิ้นในขั้นตอนการมาขึ้นศาลเพียงครั้งหรือสองครั้ง นั่นคือจำเลยตอบข้อหาว่า ผิด หรือ ไม่สู้คดีทันที ผู้พิพากษาจะถามจำเลยว่าเข้าใจสิทธิของตนหรือไม่ หลังจากนั้นผู้พิพากษาจะอ่านเงื่อนไขต่างๆ ให้จำเลยฟังด้วยความรวดเร็ว แต่จำเลยก็มักจะได้ใบที่มีรายละเอียดของเงื่อนไขต่างๆ เหล่านั้นจากเสมียนศาลอีกทีก่อนจะออกจากศาล


เมื่อจำเลยยอมรับผิดหรือไม่สู้คดี (Pleading Guilty or No Contest)


ในกรณีที่จำเลยยอมรับผิดหรือไม่สู้คดีในคดีอาญาที่ฝ่ายจำเลยเห็นว่าสู้ไปก็แพ้ อัยการกับฝ่ายจำเลยได้เจรจากันเพื่อลดโทษให้จำเลยแล้ว (plea bargain) ฉันขอยกตัวอย่างคดีขับรถขณะมึนเมาจากสุราหรือยา (driving under the influence of alcohol or drugs หรือ DUI) เพราะเป็นคดีอาญาที่ฉันได้เแปลในศาลให้คนไทยและคนลาวบ่อยครั้งที่สุด


คดีข้างล่างนี้เป็นคดีที่จำเลยโดนสองกระทงด้วยกันในข้อหา DUI

กระทงแรกคือ ขับขี่ยานพาหนะขณะมึนเมาจากสุราและ/หรือยา ตามมาตรายานพาหนะของรัฐแคลิฟอร์เนียข้อ 23152(a) - - - driving under the influence of alcohol and/or drugs pursuant to California Vehicle Code 23152 (a)

กระทงที่สองคือ ขับขี่ยานพาหนะโดยมีความเข้มข้นของอัลกอฮอล์ในเลือด 0.08 เปอร์เซ็นต์หรือมากกว่าตามมาตรายานพาหนะของรัฐแคลิฟอร์เนียข้อ 23152(b) - - - driving with a blood alcohol concentration (BAC) of 0.08% or higher per Vehicle Code section 23152 (b)

ในการเจรจาตกลงกันนั้น อัยการอาจตกลงที่จะยกฟ้องบางกระทงในข้อหา อาจลดเวลาที่จำเลยต้องรอลงอาญา ลดเวลาการจำคุกหรือลดระยะเวลาการไปโรงเรียนดัดนิสัยซึ่งก็แล้วแต่ข้อตกลงระหว่างทั้งสองฝ่าย

เมื่อทุกฝ่ายพร้อมแล้ว ผู้พิพากษาจะซักจำเลย โดยมีทนายยืนอยู่ข้างๆ (ส่วนในคดีลหุโทษ (misdemeanor) บางครั้งอาจไม่มีทนายความ) ถ้าจำเลยใช้ล่าม ล่ามจะยืนอยู่ข้างๆ อีกด้านหนึ่ง หรือข้างหลัง (หรือยืนห่างๆ โดยให้จำเลยใช้หูฟังผ่านเครื่องรับสัญญาณ) และล่ามจะแปลแบบฉับพลันให้จำเลยฟัง ข้างล่างนี้เป็นตัวอย่างของข้อความที่ผู้พิพากษากล่าวกับจำเลย


Did you initial and sign this form?

คุณได้เขียนอักษรย่อของชื่อและนามสกุล และได้เซ็นแบบฟอร์มนี้หรือไม่


Before doing that did the interpreter interpret this form?

ก่อนที่จะทำการดังกล่าว ล่ามได้แปลแบบฟอร์มนี้ให้คุณฟังแล้วใช่หรือไม่


Do you have any questions about any of the rights?

คุณมีคำถามเกี่ยวกับสิทธิต่างๆ เหล่านี้หรือไม่


Do you understand these rights?

คุณเข้าใจสิทธิต่างๆ เหล่านี้หรือไม่


Do you understand that when you enter this plea of guilty to the charge in Count 2, that you will be giving up those rights?

คุณเข้าใจหรือไม่ว่าการที่คุณตอบข้อหาว่าคุณผิดในกระทงที่สองนั้น คุณกำลังจะสละสิทธิต่างๆ เหล่านั้น


Are you willing at this time to give up each and every one of the rights explained on the form and enter the guilty plea to the charge?

ณ ตอนนี้คุณพร้อมที่จะสละสิทธิแต่ละอย่างที่อธิบายไว้ในแบบฟอร์มนี้และจะตอบข้อหาว่าคุณผิดจริงตามข้อกล่าวหาใช่หรือไม่


Did the interpreter interpret the portion of the form that explains the consequences of this guilty plea that you are entering to the misdemeanor charge?

ล่ามได้แปลในส่วนของแบบฟอร์มที่อธิบายถึงผลที่จะตามมาของการยอมรับผิดตามข้อกล่าวหาในคดีลหุโทษนี้แล้วใช่หรือไม่

จำเลยก็จะตอบว่าใช่ และล่ามก็จะแปลเป็นภาษาอังกฤษให้กับทางศาลว่า Yes, she/he did.


And do you understand those consequences?

และคุณเข้าใจผลที่จะตามมาแล้วใช่หรือไม่


Do you understand that if you are not a citizen of the United States, entry of this guilty plea here today to this charge may result in your deportation, exclusion from admission and denial of naturalization pursuant to the laws of United States?

คุณเข้าใจหรือไม่ว่าถ้าคุณไม่ใช่พลเมืองของสหรัฐอเมริกา การยอมรับผิดตามข้อหาในวันนี้อาจมีผลให้คุณต้องถูกส่งตัวกลับประเทศ ถูกปฏิเสธห้ามเข้าประเทศและถูกปฏิเสธการเปลี่ยนสัญชาติตามกฎหมายของสหรัฐอเมริกาได้


Are you entering this plea to this charge freely and voluntarily?

คุณตอบข้อหานี้ด้วยตนเองและด้วยความสมัครใจหรือไม่


Have you had enough time to discuss the guilty plea and its consequences with your attorney?

คุณได้มีเวลาพอที่จะปรึกษาเกี่ยวกับการตอบรับว่าผิดตามข้อหาและผลที่จะตามมากับทนายความของคุณแล้วหรือไม่


Has anyone made any promises to you regarding this plea bargain other than what we have discussed here today in order to get you to plead?

มีใครได้ให้สัญญากับคุณเกี่ยวกับการเจรจาลดโทษของคุณนอกเหนือจากที่เราได้เจรจากับคุณที่นี่ในวันนี้หรือไม่


Has anyone threatened you in order to get you to plead?

มีใครได้ข่มขู่คุณเพื่อที่จะให้คุณตอบรับผิดตามข้อหาหรือไม่


Before coming to court today, did you consume any drugs, alcohol, medication, or anything that would affect your ability to think clearly?

ก่อนที่จะมาศาลในวันนี้ คุณได้บริโภคยาเสพติด อัลกอฮอล์ ยารักษาโรคหรือสิ่งใดก็ตามที่จะมีผลต่อความคิดความอ่านของคุณหรือไม่


In court number 123456, on Count 2, that you violated Section 23152 (b) driving with a BAC (blood alcohol concentration) .08% or higher of the California Vehicle Code, a misdemeanor, what is your plea?

ในคดีศาลหมายเลข 123456 ในกระทงที่สองที่ว่าคุณฝ่าฝืนมาตรา 23152 บี ขณะขับขี่ยานพาหนะโดยมีความเข้มข้นของอัลกอฮอล์ในเลือด 0.08 เปอร์เซนต์หรือมากกว่าซึ่งถือเป็นลหุโทษของประมวลกฎหมายยานพาหนะของรัฐแคลิฟอร์เนีย คุณจะตอบข้อหานี้ว่าอย่างไร

จำเลยก็จะตอบว่า Guilty (ผิด) หรือ No contest (ไม่สู้คดี)

Is there a factual basis for the plea?

มีมูลเหตุของการตอบรับผิดตามข้อหาหรือไม่

อัยการก็จะตอบว่า Yes. So stipulated, your Honor. Based on the police report included in the complaint.

ใช่ มีมูลเหตุ ตามที่เราได้ตกลงเป็นที่เข้าใจแล้วครับท่าน ตามรายงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ในใบแจ้งข้อหา


Mr. Smith, do you concur in your client's plea and waiver of rights?

คุณสมิธ (ทนายความของฝ่ายจำเลย) คุณเห็นด้วยกับการตอบรับข้อกล่าวหาและการสละสิทธิ์ต่างๆ ของลูกความคุณหรือไม่


Mr. Smith, are you satisfied that Mr. Meechai understands the nature of the plea and its consequences?

คุณสมิธ (ทนายความของฝ่ายจำเลย) คุณพอใจว่าคุณมีชัยเข้าใจถึงสถานการณ์ของการตอบรับข้อหานี้และผลต่างๆ ที่จะตามมาแล้วหรือไม่


Court finds a factual basis for the plea entered by the defendant and further finds that the defendant has been advised of his constitutional rights, that he has knowingly and intelligently and voluntarily waived those rights and entered his plea well-knowing the consequences; therefore, the plea will be accepted.

ศาลเห็นว่ามีมูลเหตุสำหรับการยอมรับผิดของจำเลยตามข้อหาและเห็นว่าจำเลยได้รับแจ้งเกี่ยวกับสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ได้สละสิทธิต่างๆ เหล่านั้นด้วยตนเอง โดยมีสติสัมปชัญญะและด้วยความสมัครใจและรู้ถึงผลต่างๆ ที่จะตามมาเป็นอย่างดีแล้ว ดังนั้นศาลยอมรับการตอบข้อหานี้ของจำเลย


อัยการก็จะตอบว่า The People moved to dismiss Count 1.

ฝ่ายโจทก์ได้ยกฟ้องกระทงที่หนึ่ง


ส่วนใหญ่ผู้พิพากษาก็จะตัดสินลงโทษหลังจากนั้น หรืออาจจะนัดวันมาใหม่แล้วแต่สถาณการณ์ ส่วนการลงโทษนั้นก็จะแตกต่างกันไป ศาลจะดูประวัติทางอาญาของจำเลยควบคู่กับคดีที่จำเลยรับผิด ซึ่งมักจะเป็นการรอลงอาญาสามถึงห้าปี ติดคุกตามจำนวนวันที่ศาลสั่ง ส่วนใหญ่แล้วศาลยอมให้ทำงานผ่านโครงการ S.W.A.P. (Sheriff's Work Alternative Program) แทนการติดคุกได้ นอกจากนี้ยังต้องเสียค่าปรับและค่าธรรมเนียมต่างๆ ซึ่งรวมแล้วก็ตกหลักพัน และต้องไปโรงเรียนดัดนิสัย (DUI School) สัปดาห์ละหนึ่งครั้งซึ่งระยะเวลาจะขึ้นอยู่กับระดับอัลกอฮอล์ในเลือด ในกรณีที่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น อาจต้องจ่ายค่าเสียหายให้กับคู่กรณี อาจโดนยึดใบขับขี่ชั่วคราวหรือถูกจำกัดว่าให้ขับเฉพาะไปโรงเรียนหรือไปทำงานเท่านั้น และบางครั้งศาลอาจสั่งให้ติดอุปกรณ์ IID (ignition interlock device) ซึ่งเป็นอุปกรณ์ล็อคสตาร์ทเครื่องยนต์ ผู้ขับจะต้องเป่าลมหายใจใส่เครื่องก่อนที่จะสตาร์ทรถได้ เป็นต้น

คดี DUI อาจเป็นอาญาสถานหนัก (felony) ได้ ถ้ากรณีนั้นก่อให้เกิดอุบัติเหตุที่ทำให้มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต หรือในกรณีที่จำเลยเคยทำผิดในลักษณะเดียวกันซ้ำแล้วซ้ำเล่าในในระยะเวลาสิบปี

ส่วนคดีอาญาอื่นๆ ที่จำเลยยอมรับผิดหรือไม่สู้คดีในศาลอเมริกาก็จะมีลักษณะที่คล้ายคลึงกัน แต่รายละเอียดของแต่ละคดีและขั้นตอนของแต่ศาลก็จะแตกต่างกันไป


เมื่อจำเลยไม่ยอมรับผิด (Pleading Not Guilty)

ส่วนคดีที่จำเลยไม่ยอมรับผิด จะต้องไปสู้คดีต่อในขั้นตอนการพิจารณาคดี (trial) แต่ก่อนที่จะถึงวันพิจารณาคดีจริง อาจจะต้องมาศาลอีกหลายครั้ง และจะต้องผ่านขั้นตอนการรับฟังคดีก่อนการพิจารณาคดี (pretrial hearing) เป็นขั้นตอนที่มักจะยืดเยื้อและล่าช้า ในกรณีนี้ จำเลยต้องยอมที่จะเลื่อนเวลาการพิจารณาคดีของตนออกไป เช่น ปกติจะต้องได้รับการพิจารณาคดีภายใน 45 วัน แต่ถ้ายินยอมที่จะเลื่อนเวลาออกไป (waive time) ก็จะมีเวลาในการเตรียมตัวมากขึ้นและเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับทุกฝ่าย ขั้นตอนนี้มีจุดประสงค์ที่จะสะสางคดีให้สิ้นสุดลงโดยการเจรจากันระหว่างอัยการ ผู้พิพากษาและทนายความของจำเลยหรือบางครั้งผู้ที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการพิจารณาคดีโดยคณะลูกขุนหรือโดยผู้พิพากษา ขั้นตอนนี้อาจจะให้เวลาเป็นปีหรือมากกว่านั้นในบางคดี

ในขณะที่ศาลอยูในระหว่างการไต่สวนหรือหารืออยู่นั้น (court in session) ทุกอย่างที่ทุกคนกล่าวในศาลจะได้รับการบันทึกไว้โดยผู้บันทึกรายงานศาล (court reporter) บางห้องศาลก็จะมีการการบันทึกเทปหรือวิดีโอเทป ดังนั้น คุณจึงต้องระมัดระวังอย่างมากว่าตัวเองพูดอะไรออกไป

คดีที่ไปถึงขั้นการพิจารณาคดีโดยคณะลูกขุน (jury trial) หรือโดยผู้พิพากษา (court trial) นั้นเป็นการที่ต้องใช้เวลาและค่าใช้จ่ายจำนวนมาก ต้องมีห้องพิเศษสำหรับคดีนั้นโดยเฉพาะ ดังนั้นทุกฝ่ายจึงพยายามหลีกเลี่ยง แต่เมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็จำเป็นต้องทำเพราะจำเลยมีสิทธิที่จะได้รับการพิจารณาคดีและตัดสินด้วยความยุติธรรม



อ่านต่อตอนหน้า