ซุปเปอร์แพท
ปิยะพัชรี ศิลปี



ผ้ามหัศจรรย์? “ผ้าขาวม้า”?

วันนี้มีเหตุดลใจให้เขียนถึง “ผ้าขาวม้า” เพราะไปจัดตู้เสื้อผ้า เจอกระโปรงลายตาหมากรุกตัดเย็บจากผ้าขาวม้าไทยที่ซื้อมาเมื่อครั้งไปเที่ยวสวนผึ้งที่ราชบุรีตอนกลับเมืองไทยเมื่อปีที่แล้ว เลยนำมาใส่คู่กันกับเสื้อผ้าไหมไทยก่อนไปให้ความบันเทิงที่ศูนย์เกลนเดล ได้รับคำชมมากมายจากชาวต่างชาติ ที่อาจเคยเห็นแฟชั่นดีไซน์ชื่อดัง เช่น กุ๊ชชี่ แชนเนล นำมาเผยแพร่บนแค๊ทวอล์ค ขายราคาตัวละเป็นหมื่นๆบาท วุ๊ย..นำความภูมิใจมาสู่ดิฉันม๊ากมาก เพราะกระโปรงตัวนี้ ซื้อมาเพียง 450 บาทเอง ใส่กับเสื้อผ้าไหมไทยที่ซื้อมานานแล้วตัวละพันกว่าบาททำใหดูดีมีราคา จึงขอนำบทความเรื่อง”ผ้าขาวม้า ผ้ามหัศจรรย์” มาให้อ่นกันเพลินๆ

ผ้าขาวม้าเป็นผ้าโบราณ ที่ใช้ประโยชน์กันมานานแล้ว คนไทยรู้จักใช้ผ้าขาวม้ามาตั้งแต่ สมัยพุทธศตวรรษที่ 16...หากเอ่ยถึงเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของความเป็นไทย ‘ผ้าขาวม้า’ คือหนึ่งในความภาคภูมิใจที่อยู่กับเรามานานหลายยุคสมัย เกือบทุกท้องถิ่นต้องมีไว้ใช้ จนกลายเป็นผ้าสามัญประจำบ้าน แต่คุณอาจไม่ทราบมาก่อนว่า เบื้องหลังความธรรมดาของผ้าขาวม้านั้น มีที่มาไม่ธรรมดา รวมถึงมีพัฒนาการจากอดีตจนถึงปัจจุบันที่น่าทึ่งอย่างยิ่ง

เริ่มจากชื่อของ ผ้าขาวม้า จริงๆ แล้วไม่ใช่ภาษาไทย แต่มาจากเปอร์เซียคำว่า ‘กามาร์บันด์’ (Kamar Band) ซึ่ง ‘กามาร์’ นั้นหมายถึง เอว หรือ ท่อนล่างของร่างกาย ‘บันด์’ หมายถึง การพัน รัด หรือ คาด เมื่อนำทั้งสองคำมารวมกันจึงหมายถึง เข็มขัด ผ้าพัน หรือ คาดสะเอว มีงานวิจัยเสนอว่า ‘ผ้าขาวม้า’ เป็นคำที่เพี้ยนมาจากคำว่า ‘กามา’ (Kamar) ซึ่งเป็นภาษาอิหร่านที่ใช้กันอยู่ในประเทศสเปน เพราะในประวัติศาสตร์ ประเทศทั้งสองมีการติดต่อกันมาช้านาน ต่อมาประเทศไทยได้รับอิทธิพลทางภาษามาด้วย

แล้วคนไทยรู้จักใช้ผ้าขาวม้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ มีข้อมูลว่าตั้งแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ 16 ราวยุคสมัยเชียงแสน โดยได้รับอิทธิพลจากชาวไทยใหญ่ที่ใช้ผ้าขาวม้า โพกศีรษะ ต่อมาผู้ชายไทยใช้ผ้าเคียนเอว (ผูกเอว) และยังประยุกต์ใช้ประโยชน์หลากหลาย เช่น ใช้ห่อเก็บสัมภาระเดินทาง ห่ออาวุธ นุ่งเวลาอาบน้ำ เช็ดตัว ปูนอน ในยุคแรกคนไทยจะเรียกผ้าสารพัดประโยชน์ผืนนี้ว่า ‘ผ้าเคียนเอว’ ก่อนจะเปลี่ยนเป็น ‘ผ้าขาวม้า’ ในภายหลัง

นานวันก็เกิดการแพร่หลายไปทั่วประเทศ พัฒนาจนกลายเป็นอาภรณ์ผูกพันในวิถีชีวิตแบบไทยๆ โดยแต่ละภาคจะมีลายทอ สีสันเส้นใยแตกต่างกัน ส่วนใหญ่จะทอจากฝ้าย ไหม ด้ายดิบ หรือป่าน ในบางพื้นที่ ขนาดความกว้างประมาณ 3 คืบ ยาวประมาณ 5 คืบ คุณสมบัติที่สำคัญของผ้าขาวม้าคือ เป็นผ้าทอลายทางตรงและขวางตัดกันมีขนาดสี่เหลี่ยมผืนผ้าพอเหมาะ ใช้งานได้หลากหลายสารพัดนึกยิ่งใช้นานยิ่งนุ่ม ซับน้ำได้ดี แห้งเร็ว ทนทานนานนับปี บางประเภทเป็นผ้าทอจากเส้นไหมราคาสูง มักใช้เป็นผ้าพาดไหล่ จนกระทั่งมีการนำผ้าขาวม้ามาเป็นชุดไทยพระราชทานชุดคาดเอว ถือเป็นจุดสำคัญที่ผ้าขาวม้าได้กลายเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ไทย

ด้วยความคิดสร้างสรรค์ของคนไทย สู่การทอ ย้อมสี ประดิษฐ์ลวดลาย ‘ผ้าขาวม้า’ อันมีเอกลักษณ์ประจำแต่ละท้องถิ่น เป็นของดีประจำจังหวัด สร้างอาชีพและรายได้ให้ชุมชนอย่างยั่งยืน อาทิ

หากนึกถึงเอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของความเป็น ไทย “ผ้าขาวม้า” ถือเป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจที่อยู่กับเรามานานหลายยุคสมัย เกือบทุกท้องถิ่นทั่วไทยต้องมีใช้ แถมยังประยุกต์ใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย จากผ้าขาวม้าธรรมดาๆ ที่ใช้ในครัวเรือนไทย วันนี้ “ผ้าขาวม้า” ผ่านกาลเวลามาหลายยุคสมัย ผ่านความคิด จิตวิญญาณ จนกลายเป็นเอกลักษณ์หนึ่งที่แสดงความเป็นไทยอย่างเที่ยงแท้ และยังก้าวไกลสู่สากลได้อย่างน่าภาคภูมิ

ลายตารางหมากรุก รูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า สีสันสดใสสะดุดตา คือภาพที่คุ้นเคยของ “ผ้าขาวม้า”ผืนผ้าสารพัดประโยชน์ของคนไทย โดยเฉพาะชายไทยอกสามศอก ตั้งแต่หนุ่มจนแก่เฒ่า ไม่มีใครไม่รู้จัก ผ้าคาดเอวสีสวยๆ เหล่านี้

ทว่า เมื่อเวลาเปลี่ยน สิ่งต่างๆ ก็ย่อมต้องพัฒนาไปตามกาล ผ้าขาวม้าเองแม้จะไม่เคยล้มหายตายไปจากผืนแผ่นดินไทย เพราะเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ไม่ว่าบ้านไหนก็ขาดไม่ได้ แต่กว่าจะอยู่รอดมาถึงยุคศิวิไลซ์ในปัจจุบัน ก็ต้องปรับเปลี่ยนตัวเองไม่น้อย นอกจากรูปลักษณ์ ลวดลายและสีสัน ที่มีพัฒนาการอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เข้ากับยุคสมัย เอาใจวัยรุ่นบ้างอะไรบ้าง ทุกวันนี้ผ้าขาวม้ายังถูกแปรรูปไปเป็นผลิตภัณฑ์หลากหลาย ตามแต่ผู้ผลิตจะคิดค้นขึ้นมาได้ แต่ที่ฟื้นคืนชีวิตชีวาให้กับผ้าขาวม้าได้มากที่สุด เห็นจะเป็นวงการแฟชั่นไทยที่แม้จะก้าวไกลไปในระดับโลกแล้ว ก็ยังไม่ลืมจะจะหยิบยกภูมิปัญญาไทยขึ้นมานำเสนอสู่สายตาคนรุ่นใหม่และชาวโลก ราวสิบปีให้หลังมานี้เราจึงมีโอกาสได้เห็นผ้าขาวม้าไทยไปอวดโฉมบนรันเวย์แฟชั่นอยู่เนื่องๆ

ซึ่งนอกจากชุดสูท กางเกง เสื้อเชิ้ตของหนุ่มๆ ที่โดดเด่นด้วยสีสันสะดุดตาของผ้าขาวม้าแล้ว เหล่าดีไซเนอร์ยังเปิดโอกาสให้สาวๆ ได้สัมผัสผ้าขาวม้ากันมากขึ้น ด้วยชุดกระโปรงสวยๆ รองเท้าเก๋ๆ และกระเป๋าใบเท่ ที่ออกแบบมาหลากหลาย ตั้งแต่ชุดใส่สบายๆ ไปจนถึงแฟชั่นระดับโอกูตูร์ ชนิดที่ไม่ว่าจะชอบแบบไหนก็มีแฟชั่นผ้าขาวม้าให้ได้เลือกสรรกันอย่างจุใจ แถมยังสวยเว่อร์กันทุกแบบทุกสไตล์ ยิ่งเหล่าดาราชื่อดังหันมาใช้ผลิตพันณ์จากผ้าขาวม้ากันมากขึ้น ก็ราวกับเป็นพรีเซ็นเตอร์ผ้าไทยให้วัยรุ่นได้เอาเยี่ยงอย่าง หันมานุ่งห่มผ้าขาวม้ากันบ้าง โดยเฉพาะในช่วงที่ต้องการนำเสนอและแสดงออกถึงความเป็นไทย แฟชั่นผ้าขาวม้ายิ่งกระจายไปทั่วเมือง

เชื่อว่าสำหรับคนไทยอย่างเราๆ ท่านๆ คงคิดเหมือนกันว่า การได้เห็นหนุ่มหล่อแนวเกาหลีเอาผ้าขาวม้ามาพันคอ สาวหวานสไตล์ญี่ปุ่นในชุดเดรสลายตารางขาวแดง หนุ่มสาวสุดเซอร์สะพายกระเป๋าผ้าขาวม้าอย่างเท่ มันช่างเป็นอะไรที่น่าชื่นใจเสียจริงๆ

ลองเปลี่ยนมาให้ของขวัญด้วยงานหัตถศิลป์ไทย เพื่อสนับสนุนคนไทยด้วยกัน ปลุกความเก๋ไก๋ ยกระดับ “ผ้าขาวม้าไทย” ไปสู่ระดับอินเตอร์

ขอบคุณข้อมูลจากอากู๋ ด้วยรักและปรารถนาดีจาก Super Pat (323)702-0788