ซุปเปอร์แพท
ปิยะพัชรี ศิลปี



‘ยิ่งให้ - ‘ยิ่งได้’ จริงหรือ?

สวัสดีค่ะ ฉบับนี้ มาอ่านบทความ ของการให้ “ยิ่งให้ ยิ่งได้” กันดูว่า คำนี้ทำไมคนจึงชอบพูดกันจัง และจะเป็นจริงดังเค้าว่ากันป่าว

เคยมีคนกล่าวไว้ว่า “เมื่อใดที่รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า จงออกไปช่วยเหลือผู้อื่น” ซึ่งคำกล่าวนี้ไม่ใช่คำปลอบใจที่ทำให้รู้สึกดีเท่านั้น แต่ยังมีผลยืนยันจากงานวิจัยว่าการช่วยเหลือผู้อื่นทำให้การเห็นคุณค่าในตัวเองสูงขึ้นได้จริงๆ ซึ่งคนที่ทำงานอาสาสมัครจะมี self-esteem ที่สูงกว่าคนทั่วไป มีสุขภาพจิตที่ดี และที่สำคัญคือมีความสุข ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่นบ่อยๆ ทำให้พวกเขารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของสังคม พลังบวกจึงเกิดขึ้นจากการได้ลงมือช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ซึ่งบางทีสิ่งตอบแทนที่คาดหวังก็อาจเป็นเพียงรอยยิ้มเล็กๆ ที่ทำให้ชุ่มชื่นหัวใจก็เพียงพอแล้ว ยิ่งได้รับก็ยิ่งอยากให้บ้าง

เคยสงสัยไหม ว่าทำไมเวลาที่เราเห็นภาพของการทำบุญหรือการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ไม่ว่าจะเห็นจากคนใกล้ตัวหรือได้เห็นจากในข่าวต่างๆ ทำให้เรารู้สึกเหมือนได้เติมเต็มบางอย่างในจิตใจ ทั้งๆ ที่เรายังไม่ได้ลงมือช่วยเหลือเองด้วยซ้ำ นั่นเป็นเพราะ น้ำใจเป็นโรคติดต่ออย่างหนึ่ง เมื่อเราได้เห็นการช่วยเหลือ จะทำให้รู้สึกอยากจะทำเช่นนั้นบ้าง แถมยังเป็นคุณสมบัติที่ทุกคนมีเหมือนกันอีกด้วย

เมื่อการให้กลายเป็นโรคติดต่อ พอเราได้รับโอกาสหรือการสิ่งดีๆ มา ก็ยิ่งทำให้เราอยากจะส่งต่อให้กับผู้รับคนอื่นบ้าง สถานะของผู้รับก็เปลี่ยนเป็น

ยิ่งให้ ยิ่งได้มิตรภาพที่ไม่มีวันเลือน

มิตรภาพบนโลกใบนี้ล้วนเกิดขึ้นจากการช่วยเหลือกัน เพราะสิ่งเดียวที่พิสูจน์ความจริงใจของคนเราได้คือการกระทำ จึงไม่ต้องแปลกใจว่าในขณะที่เรากำลังลำบาก แล้วมีคนยื่นมือมาช่วยเหลือ เราจะรู้สึกประทับใจกับการช่วยเหลือนั้นเป็นพิเศษ เพราะเป็นสิ่งเดียวที่พิสูจน์ได้ถึงความจริงใจ และทำให้เราจดจำช่วงเวลาเหล่านั้นได้เป็นอย่างดี แม้ว่าผู้ให้ต้องเสียสละอะไรบางอย่างของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นเวลา ทรัพย์สิน หรือกำลังกาย แต่ในแง่ของความรู้สึกของผู้ให้ยังได้รับพลังบวกย้อนคืนกลับมาเช่นกัน ซึ่งจะพัฒนากลายเป็นมิตรภาพที่เกิดขึ้นตามมาได้ หรือถ้าความสัมพันธ์เดิมนั้นอยู่ในสถานะที่ไม่สู้ดีนัก การช่วยเหลือกันจะช่วยให้ความรู้สึกดีๆ กลับมาคงเดิมได้

เราทุกคนมีสิ่งที่แบ่งปันให้กับผู้อื่นได้เสมอ และสิ่งนั้นมันไม่มีวันหมด แต่มันกลับจะยิ่งเพิ่มพูนขึ้นไปเรื่อย ๆ ลองถามตัวเองดูสิว่า วันนี้เรามีสิ่งดี ๆ อะไรที่พร้อมจะแบ่งปันให้คนอื่นหรือไม่ เชื่อว่ามี คำถามคือ เราได้แบ่งปันอะไรออกไปบ้างหรือยัง

คุณป๋าชาญ ที่รักได้สอนมาดามตอนยังเล็กๆอยู่ว่า จำไว้นะลูก ตอนเราเล็กๆเราจะเป็นผู้รับมากกว่าผู้ให้ แต่พอเราโตแล้ว เราจะเป็นผู้ให้มากกว่าผู้รับ และ เมื่อไปบ้านใคร อย่าไปมือเปล่า ต้องมีของติดมือไปฝากตลอด ซึ่งมาดามนำมาปฏิบัติโดยตลอด

การให้ ไม่จำเป็นต้องเป็นเงินทองเสมอไป เช่นให้ชีวิต ไถ่ชีวิตวัว ควาย ที่กำลังจะถูกฆ่านำไปเป็นอาหาร โดยพวกเราชมรมส่งเสริมความสุข ได้จัดงานการกุศลเป็นประจำ ทุกปีรวบรวมเงินบริจาค ช่วยซื้ออาหาร ยา รักษาโรคให้น้องหมา น้องแมว เผื่อแผ่ไปไถ่ชีวิตโค-กระบือ และนำไปเลี้ยงอาหารผู้สูงวัยที่ถูกทอดทิ้ง ที่เมืองไทยเมื่อวันปีใหม่ ที่ 1 มกราคม 2567 ได้บุญทันตาเห็น มีความสุขมากมาย ไหนยังให้ความรู้ ให้เวลา ให้อาหาร ให้เครื่องนุ่งห่ม ให้ที่พักอาศัย ให้ได้ในหลายรูปแบบ ให้แล้วมีความสุข ที่ได้รับ เป็นความภูมิใจ ที่ได้แบ่งปัน จริงๆ

ยิ่งให้ ยิ่งได้ ก็เป็นประการฉะนี้ มาร่วมกันแบ่งปัน

ด้วยรัก และ ปรารถนาดี จาก มาดาม SP (323)702-0788