ซุปเปอร์แพท
ปิยะพัชรี ศิลปี



เมืองมัลลิกา ร.ศ. ๑๒๔

"เมืองแห่งวัฒนธรรม และวิถีชน"

สวัสดีค่ะ มาดามเพิ่งกลับมาจากเมืองไทย หลัลจากไปล่องเรือสำราญกับแฟนคลับกว่า 30 คน ตะลุยเที่ยวตั้งแต่ ใต้หวันฮ่องกง เวียตนาม สิงคโปร์ สุดท้ายที่เมืองไทย อิ่มหนำสำราญเบิกบานใจสุดๆ จึงอดไม่ได้ที่จะมาเล่าถึงความประทับใจกับการเที่ยวย้อนรอยอดีตที่เมืองมัลลิกา ต.ไทรโยค เมืองกาญจนบุรี ที่คุณพลศักดิ์ เนรมิตที่ดินกว่า 60 ไร่ ให้เป็นเมืองโบราณ มีชุดไทยโบราณให้เช่า เพื่อแต่งตัวให้เข้ากับบรรยากาศ และ เพื่อนั่งรถเจ๊กลาก ใช้สตางค์รู เพื่อซื้อของอีกด้วย

เมืองมัลลิกา เป็นเมืองย้อนยุคของวิถีชีวิตชาวสยามบริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ วิถีชีวิตของชาวสยามในยุค ร.ศ.๑๒๔ มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมายหลายด้าน ที่เด่นชัดมากคือการประกาศเลิกทาส เมื่อทาสได้รับความเป็นไทพวกเขาต้องใช้ชีวิตอยู่อาศัยและทำมาหากินด้วยตนเอง ไม่ได้อยู่ภายใต้อาณัติหรือการดูแลของบรรดาเจ้าขุนมูลนายอีกต่อไป พวกเขาต้องดำรงชีวิตให้อยู่รอด พึ่งตนเอง และอยู่ร่วมกันคนสยามทุกหมู่เหล่า การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตเหล่านี้นับเป็นรากเหง้าสำคัญของคนไทยในยุคปัจจุบัน

เมืองมัลลิกา ร.ศ. ๑๒๔

ในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น ประมาณว่าไทยมีทาสเป็นจำนวนกว่าหนึ่งในสามของพลเมืองของประเทศ เพราะเหตุว่าพ่อแม่เป็นทาสแล้ว ลูกที่เกิดจากพ่อแม่ที่เป็นทาสก็ตกเป็นทาสอีกต่อ ๆ กันเรื่อยไป ทาสนั้นจะต้องหาเงินมาไถ่ตัวเอง มิฉะนั้นแล้วก็จะต้องเป็นทาสไปตลอดชีวิต เพราะตามกฎหมายถือว่ายังมีค่าตัวอยู่

ต่อมา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงประกาศ "พระราชบัญญัติพิกัดเกษียณลูกทาสลูกไทย" เมื่อวันที่ ๒๑ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๑๗ แก้พิกัดค่าตัวทาสใหม่ โดยให้ลดค่าตัวทาสลงตั้งแต่อายุ ๘ ขวบ จนกระทั่งหมดค่าตัวเมื่ออายุได้ ๒๐ ปี เมื่ออายุได้ ๒๑ ปี ผู้นั้นก็จะเป็นอิสระ มีผลกับทาสที่เกิดตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๑๑ เป็นต้นมา และห้ามมิให้มีการซื้อขายบุคคลที่มีอายุมากกว่า ๒๐ ปีเป็นทาสอีก เมื่อถึง พ.ศ. ๒๔๔๘ ก็ทรงออก "พระราชบัญญัติเลิกทาส ร.ศ. ๑๒๔" ให้ลูกทาสทุกคนเป็นไทเมื่อวันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๔๘ ส่วนทาสประเภทอื่นที่มิใช่ทาสในเรือนเบี้ย ทรงให้ลดค่าตัวเดือนละ ๔ บาท นับตั้งแต่เดือนเมษายน พ.ศ. ๒๔๔๘ เป็นต้นไป นอกจากนี้ยังมีบทบัญญัติป้องกันมิให้คนที่เป็นไทแล้วกลับไปเป็นทาสอีก และเมื่อทาสจะเปลี่ยนเจ้าเงินใหม่ ห้ามมิให้ขึ้นค่าตัว นับแต่นั้นมาคนไทยจึงเริ่มมีความสุข เริ่มมีการทำมาหาเลี้ยงชีพด้วยตนเอง ไม่ต้องรอการเลี้ยงดูจากนายเงิน ซึ่งก็ยังมีบางส่วนที่ยังยึดติดกับนายเงินอยู่ เนื่องจากมีความสุขสบายที่ไม่ต้องดิ้นรนด้วยตัวเอง ดังนั้นในยุคสมัยดังกล่าวจึงมีวัฒนธรรมที่เริ่มเปลี่ยนไป คนที่มีความคิดริเริ่มใหม่ๆ ได้แสดงความคิด แสดงออก ถึงความต้องการของตนเอง ไม่ต้องทำตามคำสั่งของนายเงิน ประจวบกับมีวัฒนธรรมตะวันตกเริ่มไหลเข้ามา

จากการที่คนไทยที่มาฐานะส่งลูกหลานไปเรียนต่างประเทศ และการคมนาคม ที่สะดวกขึ้น ทำให้มีต่างชาติเข้ามาติดต่อค้าขายกับเมืองสยามมากขึ้น ทำให้เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตมาโดยตลอดจวบจนปัจจุบัน ทำให้วัฒนธรรมของสยามที่มีมาแต่เดิมเริ่มเลือนหายไปจากความทรงจำของคนสยามในยุคปัจจุบัน เมืองมัลลิกา ร.ศ. ๑๒๔ จึงถือกำเนิดขั้นมาเพื่อย้อนรอยอดีตแห่งความทรงจำของสยามประเทศ ที่มีความเป็นเอกลักษณ์ ของความเป็นสยาม มีความวิจิตรบรรจง มีความสงบร่มเย็น ภายใต้พระบรมโพธิสมภารแห่ง สมเด็จพระปิยมหาราช แห่งสยามประเทศ ที่ทรง คุณูประการกับบรรพบุรุษของชาวสยามในยุคปัจจุบัน พวกเราไปเที่ยว จุดสนใจของเมืองมัลลิกา ที่สะพานหัน ย่านการค้า หอชมเมือง เรือนเดี่ยว เรือนคหบดี โรงครัว เรือนหมู่ เรือนแพ ลานมะลิ ห้องเล่าเรื่อง

ขอบอกว่าประทับใจมากมายคุ้มกับการซื้อบัตรเข้าไปชม คนละ250 บาท/ 450 บาท รวมอาหารบุ๊ฟเฟ่/ 600 บาท รวมอาหารบุ๊ฟเฟ่ และ ชุดไทย เพื่อเป็นการบำรุงสถานที่ เราใช้เวลา 4 ชั่วโมงกับการได้ชมและย้อนอดีตไปในสมัย ร. 124 ถ้ามีโอกาส ลองไปสัมผัสกันดูนะคะ ช่วยต่อยอดให้สิ่งดีงามนี้คงอยู่ต่อไปเรื่อยๆเพื่อตกทอดสู่รุ่นล๔กหลาน ขอส่งเสริม สนับสนุนจากใจจริง

ด้วยรักและปรารถนาดี จาก มาดาม Super Pat (323)702-0788