คุยกันวันเสาร์
ส.ท่าเกษม



I WILL ALWAYS LOVE YOU
If I should stay,
I would only be in your way.
So I'll go, but I know
I'll think of you every step of the way.

And I will always love you.
I will always love you.
You, my darling you. Hmm.

Bittersweet memories
that is all I'm taking with me.
So, goodbye. Please, don't cry.
We both know I'm not what you, you need.

And I will always love you.
I will always love you.

(Instrumental solo)

I hope life treats you kind
And I hope you have all you've dreamed of.
And I wish to you, joy and happiness.
But above all this, I wish you love.

And I will always love you.
I will always love you.
I will always love you.
I will always love you.
I will always love you.
I, I will always love you.

You, darling, I love you.
Ooh, I'll always, I'll always love you.

Sung by Whitney Houston
Written by Dolly Parton
In the movie "THE BODYGUARD".



คืนวันศุกร์ที่ 10 ของเดือนกุมภาพันธ์นั่งดู PIERS MORGAN สัมภาษณ์ CLIVE DAVIS และ JENNIFER HUDSON ที่สถานีโทรทัศน์ช่อง CNN ใครที่เป็นแฟนรายการประกวดร้องเพลง AMERICAN IDOL คงจะจำเจนนิเฟอร์ได้ หรืออาจจะจำไม่ได้เพราะสวยขึ้นผิดหูผิดตา น้ำหนักก็ลดลงอย่างไม่น่าเชื่อ สำหรับเสียงนั้นไม่เปลี่ยน ยังทรงพลังตามเดิม เธอนับถือและรักวิทนี่ย์มาก เคยร้องเพลงร่วมกันและมีโปรดิวเซอร์ผู้เป็นพี่เลี้ยง (MENTOR) คนเดียวกับวิทนี่ย์มีชื่อว่า ไคลฟ เดวิส

ระหว่างบทสัมภาษณ์มีการคุยถึงวิทนี่ย์ แน่นอน ! ทั้งสองคนนี้รักและสนิทสนมกับวิทนี่ย์ เราจึงได้ฟังแต่สิ่งดีๆ เช่นตอนนี้วิทนี่ย์มีสุขภาพที่ดี กำลังจะกลับขึ้นสู่เวทีอีกครั้ง เพื่อโชว์ความสามารถพรสวรรค์ในการร้องเพลง นอกจากนี้วิทนี่ย์ออกเดทด้วย !

ได้ฟังแล้วก็ดีใจ ได้เห็นชีวิตของเธอที่เริ่มไต่เต้าจากเด็กสาววัยรุ่นร้องเพลงในสถานีโทรทัศน์ช่อง MTV จนเป็นนักแสดงในภาพยนตร์เรื่อง บอดี้การ์ด คู่กับพระเอกรูปหล่อแฟนเต็มเมือง KEVIN COSTNER เขาเป็นผู้สร้างและแสดงนำ หนังประสบผลสำเร็จเป็นที่กล่าวขวัญของคอภาพยนตร์และคอเพลง วิทนี่ย์ดังเปรี้ยงปร้างจากหนังเรื่องนี้ ทั้งๆ ที่ดังอยู่แล้ว เควิน คอสเนอร์ ถึงได้เลือกเธอมาแสดงคู่กับเขา

เราได้เห็นวิทนี่ย์ขึ้นสูงสุดเหมือน SHOOTING STAR แล้วเราก็ได้เห็นเธอตกเหมือน FALLING STAR เช่นกัน ทุกคนชี้นิ้วไปที่ BOBBY BROWN สามีนักร้องแร็พผู้นี้ ดูแล้วเหมือนตัวโกง เคยทำร้ายร่างกายวิทนี่ย์แต่เธอก็ให้อภัยเพราะความรัก ที่วิทนี่ย์มีปัญหาเรื่องยาเสพติดก็เพราะบ็อบบี้ และมีข่าวว่าที่วิทนี่ย์แสดงหนังเพียงเรื่องเดียวแล้วหายไป เพราะสามีไม่สนับสนุน เขาบอกว่าเธอเป็นนักร้องมิใช่นักแสดง

หลังจากมีลูกสาวด้วยกันจึงแยกทางกันเดิน ปัจจุบัน BOBBI KRISTINA BROWN มีอายุ 18 ปี ทั้งครอบครัวและแฟนเพลงของวิทนี่ย์ต่างเป็นห่วงอนาคตของเธอ เพราะเกิดมาท่ามกลางพ่อแม่ที่ติดยาทั้งคู่ ในที่สุดตอนนี้มียาย CISSY เป็นผู้ดูแล

ที่จริงแล้วชีวิตของวิทนี่ย์น่าสงสารมาก เหตุเพราะรักคนผิดถึงแม้นเธอจะเข้าสถานที่บำบัดรักษาโรคติดยาหลายหน ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ บางทีเดินทางไกลไปถึงประเทศอิสราเอล ลงุทนแต่งชุดขาวเดินลงไปในแม่น้ำ มีคนทำพิธีกดลงไปใต้น้ำ เรียกว่าทำทุกอย่างก็ไม่สามารถบังคับจิตใจตัวเองได้ เสพมากจนเสียงหายต้องยกเลิกรายการร้องเพลงโชว์ตัวหลายครั้ง ครั้งสุดท้ายที่มีคอนเสิร์ตในยุโรป ก็ถูกโห่และแฟนๆ เพลงขอเงินคืน เพราะเธอไม่มีเสียงและทำตัวแปลกๆ มีปฏิกิริยาแบบคนติดยาเต็มที่

ส.ท่าเกษมคิดแล้วก็แปลกใจว่า คนรอบข้างหายไปไหนหมด ครอบครัว ญาติพี่น้องที่รักเธอ ทำไมปล่อยให้เธอทำตามใจตัวเองเช่นนั้น ไม่มีใครรู้บ้างเลยหรือว่าเธอต้องการความช่วยเหลือ ความอบอุ่น ความรัก การเป็นนักแสดง-นักร้อง คนของประชาชนนี้มีความกดดันสูง ไหนจะต้องแข่งขันกับคนในวงการเดียวกัน การเงิน สุขภาพ และความรัก

คิดเอาเองว่าวิทนี่ย์เป็นคนอ่อนแอ เธอไร้เดียงสานัก เมื่อออกสู่โลกมายาจึงถูกคนจูง หลงรักผู้ชายที่ทำลายอนาคตของเธอ วิทนี่ย์เสียชีวิตลงด้วยหัวใจที่แตกสลาย เชื่อว่าเธอยังรักอดีตสามีของเธออยู่ ไม่เพียงเท่านั้นเขายังแต่งงานใหม่ อย่าลืมว่าเธอมาจากสิ่งแวดล้อมที่ดี ร้องเพลงในโบสถ์ มีชีวิตอยู่ท่ามกลางความรักที่อบอุ่นของครอบครัว อ่อนหัด ไม่ประสีประสา มาพบกับจอมเซียนบ็อบบี้เข้า เลยหลงรักแบบหัวปักหัวปำ ยอมให้เข้ามาเป็นเจ้าชีวิต

ดูจากข่าวในวันพิธีฝังวิทนี่ย์เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ณ สุสาน WESTFIELD N.J.'S FAIRVIEW ครอบครัวของวิทนี่ย์ไม่ยอมรับบ็อบบี้ ไม่ต้องการให้มางานศพ แต่เขาก็มาจนได้กับภรรยาใหม่ อยู่เพียงประเดี๋ยวเดียวก็ต้องกลับ

เขียนคุยค้างไว้ในตอนต้นถึง ไคลฟ เดวิส ผู้ที่วิทนี่ย์ใกล้ชิดมากนอกจากพ่อแม่ของตัวเอง เธอรักเคารพและไว้ใจเขามาก เพราะเขาปั้นเธอขึ้นมา เมื่อเธอให้กำเนิดลูกสาวสุดรัก BOBBI KRISTINA จึงมีไคลฟเป็นพ่อทูนหัว ก่อนที่จะถึงวันสุดท้ายในชีวิตของเธอ วิทนี่ย์ได้ปรึกษาขอความช่วยเหลือจากเมนเทอร์ (พี่เลี้ยงในวงการเพลง) คือ ไคลฟ ถึงคฤหาสน์หลังงามที่นิวเจอร์ซี่ บ้านเกิดของเธอ มีข่าวว่าวิทนี่ย์โบรค ไม่ใช่แต่เพียงเรื่องของหัวใจ เธอโบรคในเรื่องการเงินด้วย หลังจากเธอสิ้นลมก็กลับรวยขึ้นมาอีก ไม่ทราบใครจะรวยบ้างนอกจาก BOBBI ลูกสาว และอีกคนหนึ่งที่แน่เสียยิ่งกว่าแน่คือ DOLLY PARTON ที่ส.ท่าเกษม เรียกเธอว่า "เสือนอนกิน" เพลงของวิทนี่ย์ จำหน่ายดีมาในทุกๆ ทาง และภาพยนตร์เรื่อง "BODYGUARD" จะกลับมาฉายอีกตามโรงภาพยนตร์ทั่วๆ ไป

คืนวันศุกร์ที่เขียนคุยว่า นั่งดูรายการสัมภาษณ์ ไคลฟ เดวิส ได้เห็นคลิปรูปและข่าวของวิทนี่ย์ พอตอนบ่ายวันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2012 เปิดโทรทัศน์ในคอนโดที่ CANCUN RESORT, L.V. ก็เห็นภาพและข่าววิทนี่ย์เสียชีวิตที่เบพเวอรี่ย์ โฮเต็ล เหลือเชื่อจริงๆ ! เพิ่งจะดีอกดีใจอยู่เมื่อคืนก่อน ที่วิทนี่ย์กลับเป็นวิทนี่ย์คนเดิม สุขภาพดีแล้ว ร้องเพลงได้แล้ว เฮ้อ ! โลกหนอโลก

เห็นโฆษณา BODYGUARD จะกลับเข้ามาฉายตามโรงอีก เลยจะขอคุยถึงเพลงที่นำมาใช้ประกอบภาพยนตร์ เพลงเอกนั้น แรกเริ่มเดิมทีจะใช้เพลงฮิตเป็นพวกโซลในปี 60's ชื่อ "WHAT BECOMES OF THE BROKEN HEART" แต่วิทนี่ย์ไม่ชอบเพราะเธอต้องเป็นคนร้องเพลงนี้

ในที่สุดเควิน พระเอกและผู้สร้างบทภาพยนตร์แนะนำเพลง "I WILL ALWAYS LOVE YOU" เดวิด ฟอสเทอร์ ผู้ควบคุมเพลง รับผิดชอบในเรื่องเพลง ไม่เคยได้ยินเพลงนี้มาก่อนแต่ตอนหลังได้ฟังจากเสียงร้องของลินดา รอนสทาดท์ (LINDA RONSTADT) พอได้ฟังเขาก็ชอบทันที และทำเดมโม่ (DEMO) DAVID FOSTER ชาวแคเนเดี้ยนผู้นี้มีความสามารถสูงมาก เป็นทั้งนักแต่งเพลงและโพรดิวเซอร์ เล่นเปียโนฝีมือดีมาก เขาสร้างนักร้องดังๆ มามากหลายคนรวมทั้งไมเคิล บูเบล (หนุ่มแคเนเดี้ยน) ทำงานร่วมกับ เซอรีน ดิออน (สาวแคเนเดี้ยน) อังเดร โบเชลลี่ (หนุ่มอิตาเลี่ยน) ส.ท่าเกษมเป็นแฟน DAVID FOSTER ตั้งแต่เขาเป็นเด็กหนุ่มไฟแรง เดี๋ยวนี้ยิ่งแรงขึ้นไปอีก ติดตามผลงานมาเมื่อเขาร่วมงานกับคณะนักร้อง "CHICAGO" ซึ่งปัจจุบันบางคนเกษียณ บางคนแยกตัวไปโซโล อย่างไรก็ตามเพลงของคณะชิคาโก้ ยังเป็นที่นิยมจนปัจจุบันนี้ มีโชว์อยู่ตามสถานที่รีสอร์ทต่างๆ เดวิด ฟอสเทอร์จับอะไรกลายเป็นทองหมด ที่ชอบที่สุดเห็นจะเป็นโชว์ที่เขาร่วมงานกับ อังเดร โบเชลลี่

วิทนี่ย์ได้ฟังเดมโมที่เดวิดวิ่งเอาไปให้ที่รถแต่งตัว (TRAILER) ตอนนั้นกำลังทำหนังเรื่อง BODYGUARD กันอยู่ เขาตื่นเต้นมากพูดอยู่ประโยคเดียวซ้ำไปซ้ำมา "WHITNEY, I'VE GOT IT, I'VE GOT IT , I'VE GOT IT" เขาสังเกตสีหน้าของวิทนี่ย์ก็ชื่นชมเพลงนี้มาก ต่างคนต่างพอใจ !

มาขัดกันตรงที่ว่า เควิน ต้องการให้วิทนี่ย์ขึ้นเพลงโดยปราศจากเสียงดนตรี (CAPELLA) ก่อน แล้วเสียงดนตรีจึงตามมาทีหลัง แต่ MUSIC PRODUCER มีฝีมืออย่าง เดวิดไม่เห็นด้วย เขาใช้คำว่าเป็นความคิดที่โง่เขลา ในที่สุดเขายอมรับว่า ตัวเองผิดเต็มประตู ผิดอย่างมหันต์ !

หลังจากเดวิดและวิทนี่ย์ได้รับรางวัล 3 GRAMMYS จากเพลงนี้แล้วต่อมาเพลงนี้ได้ติดอันดับเป็นหนึ่งของบิลบอร์ด "GREATEST SONGS OF ALL TIME" และหนึ่งชั่วโมงหลังจากเราสูญเสียนักร้องยอดนิยม เพลงนี้ก็อยู่อันดับหนึ่ง (TOP) ของ iTUNE

ยังจำได้สมัยเป็นแฟนรายการของ ดอลลี่ พาร์ทั่นทางทีวีบางครั้งเธอนั่งชิงช้าแกว่งไปมาร้องเพลงที่เธอแต่งเอง "I WILL ALWAYS LOVE YOU" ในปี 1973 และพอมาสมัย MTV กำลังฮิตใหม่ๆ ทุกวันกลับจากทำงานที่ BANK OF AMERICA ต้องเปิดทีวีดู จะมีวิทนี่ย์ร้องเพลงนี้บ่อยมาก โดยเฉพาะวันหยุด เสาร์-อาทิตย์ ดูแล้วดูอีก จนสมาชิกในครอบครัวเตือนความทรงจำเมื่อเร็วๆ นี้ เวลาผ่านไป 20 ปี ก็ยังหยุดฟังทุกครั้งที่ได้ยินเสียงวิทนี่ย์ร้องเพลงนี้


"ฉันจะรักเธอเสมอ....วิทนี่ย์ ฮิวสทั่น ! "


หมายเหตุ

วันรุ่งขึ้นหลังจากวิทนีย์เสียชีวิตลง เป็นวันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ คืนนั้นมีงาน GRAMMY AWARDS ประจำปี 2012 ที่วิทนี่ย์ต้องไปปรากฎตัว

ไฮไลท์ของงาน คือ เจนนิเฟอร์ ฮัดสันร้องเพลง "I WILL ALWAYS LOVE YOU" อย่างสะเทือนอารมณ์ เป็นการไว้อาลัยและระลึกถึงวิทนี่ย์ผู้เป็นไอดอลของเธอและเป็นนักร้องในดวงใจของแฟนๆ เพลงทั่วโลก



ลาก่อนสำหรับเสาร์นี้
ส.ท่าเกษม