คุยกันวันเสาร์
ส.ท่าเกษม



เธออยู่ไหน
(ญ) ใครคนนั้น ที่ฉันฝันถึงเขา
ใครคนนั้น ยิ้มเศร้าๆเขาอยู่ไหน
ใครคนนั้น ที่ฉันรักเหมือนดวงใจ
อยู่ที่ไหนนะจันทร์ ฉันหลงคอย
(ช) อยู่ที่ไหน ไม่สำคัญหรอกขวัญจิต
โปรดจงคิดถึงกันสักวันละหน่อย
อาจแทรกอยู่กับน้ำค้างตามดาวลอย
อาจจะยิ้มอย่างละห้อยคอยสัมพันธ์
(ญ) เธออยู่ไหน
(ช) ฉันอยู่นี่...ที่รักจ๋า
(ญ) เธออยู่ไหน
(ช) ในดาราคือตาฉัน
(ญ) เธออยู่ไหน ให้ฉันเห็นเป็นสำคัญ
(ช) ที่กลางใจเธอนั้นคือฉันเอย

คำร้อง ชาลี อินทรวิจิตร
ทำนอง สมาน กาญจนะผลิน
บันทึกเสียงครั้งแรก สุเทพ-สวลี



คอลัมน์เสาร์นี้ต่อเนื่องมาจากเสาร์ที่แล้ว เนื่องจากการหาข้อมูลของครูชาลี อินทรวิจิตร ศิลปินแห่งชาติ มาเขียนคุยให้คุณผู้อ่านทราบ จากแหล่งข้อมูลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือ 3-4 เล่มและเวบต่างๆ เลยพลอยได้เรียนรู้เรื่องราวที่น่าสนใจ ที่บางเรื่องนึกว่าทราบ แต่ทราบไม่หมดหรือไม่ถูกต้องทีเดียวนัก โดยเฉพาะที่มาของเพลง “เธออยู่ไหน” ที่ครูชาลี แต่งเนื้อร้อง ส.ท่าเกษม เคยเขียนถึงและเมื่อรวมเล่มจากผลงานของตัวเองยังมีเรื่องราวของเพลงนี้ ซึ่งได้ข้อมูลมาจากบุคคลที่ใกล้ชิดกับครูชาลีและอยู่ในวงการเพลง

เคยบ่นอยู่กับเวบมาสเตอร์ที่ทำงานร่วมกันว่า ข้อมูลต่างๆ นี้ไม่ถูกต้องเสมอไป แม้แต่วิกิพีเดีย ซึ่งบางครั้งไม่ปรับให้ทันกับเหตุการณ์ (UPDATE) เช่นเขียนว่า แต่งงานกันตั้งแต่ พ.ศ. 2492 จนถึงปัจจุบัน ปรากฏว่าฝ่ายชายเสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 ส.ท่าเกษมอยู่ที่นี่มา 46 ปีครึ่งไม่เคยกลับเมืองไทยขาดการติดต่อกับผู้คน เลยหน้าแตกไปเพราะเขียนตามที่อ่าน

ส่วนเพลง “บ้านเรา” ของครูชาลี เนื้อเพลงในหนังสือ บันเทิง-บางที ของครูชาลีเอง พิมพ์ในหน้า 66 ว่า “.....ทุ่งลิบ ฟ้าขลิบทอง.....” บางแห่งเขียน “.....รุ่งทิพย์ ฟ้าขลิบทอง” เลยต้องใช้ฟังในยูทูบให้แน่ชัด ซึ่งที่ถูกคือ “.....ทุ่งทิพย์ ฟ้าขลิบทอง”

หลายต่อหลายเพลง ร้องตามไปเหมือนนกแก้วนกขุนทอง พอเขียนถึงจะไม่แน่ใจ...เอ๊ะ ! ใช่หรือเปล่านี่ ? สมัยก่อนเวลาติดขัดอะไรเรื่องเพลงจะโทรศัพท์ข้ามทวีปถามพี่ๆ ศิลปินแห่งชาติ ซึ่งพี่ทั้งสองจะให้ความกรุณาอยู่เสมอ โดยเฉพาะจะฝากหนังสือสูจิบัตรจากคอนเสิร์ต และหนังสืออื่นๆ ที่คิดว่าเป็นประโยชน์ต่องานเขียนมาให้ ส.ท่าเกษม หลังๆ นี้เลยไม่ได้รบกวนพี่ๆ ติดขัดอะไรจะดูจาก WEBSITE และหนังสือ

เคยอ่าน น.ส.พ. ฉบับหนึ่ง ที่สัมภาษณ์ครูชาลี เกี่ยวกับการสร้างภาพยนตร์และกล่าวถึงหนึ่งในอัศวินแหวนเพชร คือ นายพันของกรมตำรวจ แต่บทสัมภาษณ์เขียนว่านายพลของกองทัพบก พอดีลูกสาวนายพันตำรวจชื่อพัทยา บูรณะสมภพ เป็น น.ร.เซ็นต์โยเซฟคอนแวนต์เพื่อนของน้องสาว ตัว ส.ท่าเกษมเองก็เคยไปวิ่งเล่นในบ้านที่บางกะปิ เลยทราบว่าเขียนผิด ปรากฏว่า ผู้สัมภาษณ์ใช้อัดเทป ซึ่งคงลอกมาจากเทป สรุปแล้วการผิดพลาดในข้อมูลนี้ บางครั้งก็ไม่ใช่ความผิดของคอลัมนิสต์หรือผู้เขียน แต่มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งบอกว่า ส.ท่าเกษมต้องรับผิดชอบถ้ามีการผิดพลาดในคอลัมน์ แหมไม่เห็นใจกันบ้างเลย ! บางทีใช้เวลาเป็นชั่วโมงเพราะอ่านนู้นอ่านนี่ หารูปให้เข้ากับเนื้อเรื่อง แต่คุณผู้อ่านใช้เวลาเพียง 5 นาทีมั้ง เอ้า! อ่านแล้วอ่านไป… ถ้าเป็นเช่นนั้นได้ก็ดี ถือว่าเป็นเพื่อนแก้เหงา มันไม่ใช่อย่างนั้นนะซี คนใจร้าย คนใจดำก็มีบ้างเหมือนกันส่งก้อนอิฐมาให้ เลยใช้เป็นฐานรองรับแจกันใส่ดอกไม้ที่ได้รับจากผู้รักตัวอักษร และชอบศึกษาหาความรู้ ทราบมาว่าหลายๆ ท่านตัดคอลัมน์ “คุยกันวันเสาร์” รวมเก็บเอาไว้ ขอบคุณมากเป็นน้ำทิพย์ชโลมใจ โดยเฉพาะผู้ใหญ่ที่ร่วมนั่งโต๊ะรับประทานอาหารค่ำกับ ส.ท่าเกษมที่ห้องอาหารจินดา ไทยแลนด์พลาซ่า เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 15 พวกเรา 4 คน ฝากขอบคุณผู้จัดการใหญ่ คุณเพ็ญพิมพ์ จิตรธร ทุกๆ คนซาบซึ้งกับความสุขและสนุกสนานกับอาหารและเสียงเพลงที่ได้รับในคืนนั้นจาก The Platters และนักร้องคุณภาพรุ่นเดอะของเมือง แอล.เอ. ประทับใจที่สุด

อย่างไรก็ตามขอแก้ตัวเรื่องเพลง “เธออยู่ไหน” ที่เขียนไว้ในพ๊อกเก็ตบุ๊ค “ฝากหัวใจไว้กับเพลง” ซึ่งไม่สมบูรณ์นัก ดังที่เรียนคุณผู้อ่านไว้ในตอนต้นๆ คราวนี้ถูกต้องไม่มีการคลาดเคลื่อน คือนำบทความจากพ๊อกเก็ตบุ๊คของครูชาลี “บันเทิง-บางที” มาลงทั้งบทเลย

“เธออยู่ไหน” เป็นเพลงที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตของผมอย่าสุดๆ ลี้ลับ ซุกซ่อนจนหัวใจต้องซัดเซพเนจร ซมซาน หนีไปนั่งงอก่องอขิง กอดเข่าเจ่าจุก บิดผ้าเช็ดหน้าเจ็ดผืนเป็นเกลียว ซับเหงื่อและน้ำตาอย่างหวนไห้ระโหยหา

ทุกระส่ำของหัวใจ เงียบกริบ อ้างว้าง เหว่ว้า ค้นหาตัวเองไม่พบ เหมือนตกอยู่ในความมืดหม่น มืดเสียยิ่งกว่าอยู่ระหว่างดาวกับดาว เพราะช่วงนั้นมันเป็นช่วงทื่มืดที่สุด

ใครจะคาดเดาได้ว่า เพลงอันไพเราะ หวาน-เศร้า เพลงนี้จะกลายเป็นเพลงไม่ธรรมดา ผมเองเพียงมุ่งหมายแต่งให้เป็นสะพานเชื่อมหัวใจคนในภพหนึ่ง กับจิตวิญญาณของคนอีกภพหนึ่งเท่านั้น…

ผมไม่ปรารถนาจะให้เป็นโศลกลำนำ หรือบทกวีที่หัวใจยังเดินทางไปไม่ถึง

เป็นเพียงเพลงที่ให้กำลังใจ

เป็นเพียงเพลงบรรเทาความโดดเดี่ยว เดียวดายของบางผู้คน ให้รักยิ่งกว่ารัก คิดถึงยิ่งกว่าคิดถึง เหงายิ่งกว่าเหงา แต่เพลงกลับกลายเป็น “ฆาตกร” ไปเสียฉิบ

มีหลากหลายจากปลายปากกา และปากต่อปากของนักเล่า ผิดบ้างถูกบ้าง เป็นการกล่าวอ้างแบบนกแก้วนกขุนทองก็ยังพอทำเนา แต่เบี่ยงเบนความเข้าใจผิดๆ โดยคิดว่าเพลงนี้ร้องคู่กันธรรมดาเหมือนเพลงคู่ทั่วๆ ไปนั่นแหละ เป็นฆาตกรฆ่าความตั้งใจของผมผู้เขียนเพลงนี้

ใครเล่าจะเข้าใจ ถึงความมุ่งหวังจริงใจในไมตรีจิต ศรัทธา เอื้ออาทร ลึกซึ้งเท่ากับตัวผมเอง ที่มีต่อลุงผู้สูงอายุ ลุงที่น่านับถือคนนั้น เรามักคุ้นกันถึงขนาดเล่าสารทุกข์สุขดิบให้กันและกันฟัง เตียงในห้องพยาบาลของเราติดกัน เราเสวนากันทั้งเพลง ทั้งปกิณกะชีวิต และธุรกิจของโลก แต่แล้วเพียงแค่ม่านสีขาวทิ้งลงมากั้นกลางระหว่างเรา ความตายก็มาพรากท่านไป ทั้งๆ ที่ท่านยังฟังเพลง “เธออยู่ไหน” ไม่จบท่านก็จบชีวิตเสียก่อน

ครับ...ผมจะเล่าที่มาของเพลงนี้ให้ท่านรู้เบื้องต้นและเบื้องปลาย

บุคคลแรกที่ผมจะเอ่ยถึง คือ พระครูพิพัฒน์ วรกิตติ์ (หลวงพ่ออี๊ด) ท่านเคยอยู่ในวงการเพลงร่วมสมัยกับผม ท่านอยู่วงดนตรี คีตวัฒน์ ผมอยู่วงดนตรี ประสานมิตร ท่านบวชมา 19 พรรษาแล้ว เป็นเจ้าอาวาส “วัดเขาตะเกียบ” อำเภอ หัวหิน จังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ สนทนาปราศรัยกับท่านได้แต่สิ่งดีๆ ทันโลกทันสมัยในยุคโลกาภิวัฒน์ ท่านให้ผมคุ้ยแคะบางตอนของชีวิตที่ซ่อนเร้นปิดเงียบไว้ พลิกหัวใจ สารภาพบาปบริสุทธิ์ไว้ตรงนี้แล้ว ใจก็จะสบาย เพลงก็จะไพเราะยิ่งขึ้น เพราะมีจิตวิญญาณเสกเป่ามนต์ขลังให้

ท่านตั้งไตเติ้ลให้ว่า Secret Life Of Chalee

บุคคลที่สองคือ คุณกระไน โชติวิทย์ เพื่อนสนิทของ สุเทพ วงศ์กำแหง เป็นคนดีซะไม่มีล่ะ ใครหาย ใครเจ็บ ใครป่วย จะต้องคอยติดตามถามข่าวคราวอยู่เสมอ กระไนมาเยี่ยมผมที่บ้านซอยศาลเจ้าแม่แซ่ซิ้ม เขาตกใจมากที่ผมนอนน้ำเหลืองเฟอะทั้งตัว ร่างกายบวมฉุอลึ่งฉึ่ง เขาตัดสินใจนำตัวผมไปโรงพยาบาลศิริราชทันที เพราะแฟนเขาเป็นหัวหน้าพยาบาลอยู่ที่นั่น

บุคคลที่สามท่านเป็นอาจารย์นายแพทย์ที่เชี่ยวชาญโรคผิวหนัง โดยเฉพาะ อาจารย์นายแพทย์ ทองน่าน วิภาตะวนิช และแพทย์นักศึกษาอีก 17 คน มาวิจัยความเจ็บป่วยของผม แล้วลงความเห็นว่า แพ้ยาอาการหนัก จำเป็นต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลศิริราชตั้งแต่วันนี้เพื่อพิสูจน์ว่าแพ้ยาอะไร

คนที่สี่คือคุณลุงที่นอนเตียงติดกับผมลุงที่หมอบอกว่าแกเป็นมะเร็ง ต้องให้ภรรยามาเซ็นอนุมัติให้หมอทำการผ่าตัดให้ ลุงเขียนจดหมายไปแล้วแต่ก็เงียบหาย ภรรยาก็ยังไม่มาสักที ผมรับปากกับลุงว่า ถ้าผมหายจะพาลุงไปหาภรรยาที่อุตรดิตถ์ ให้เมียคู่ทุกข์คู่ยากของท่านเซ็นอนุญาตและผมกำลังรอวันนั้นอยู่

18.00 น. ของวันที่สำคัญแห่งชีวิต วันที่กระแสลมพัดกลับ คือเรื่องราวที่ผมย้อนกลับมาเล่า ตัวอักษรทุกบรรทัดคือความจริง เย็นแล้วตะวันลับไปแล้ว ภายในห้องคนป่วย เหมือนมีคนอยู่ 2 คนคือลุงกับผม ลุงกลัวยุงตอนย่ำค่ำมาก จึงเอามุ้งลง แต่ลุงก็ไม่วายสงสัยอะไรบางอย่าง ลุงถามผมว่า

“วันนี้ตอนกลางวันคุณชาลีแต่งเพลงกับคุณสมานเพลงอะไรนะ รู้สึกเพราะดี”

“อ๋อ...เพลง “เธออยู่ไหน” ครับ”....ผมตอบ

“เป็นเพลงคู่ แต่ผมหมายถึงนักร้องหญิงยังอยู่ในภพนี้ แต่ผู้ชายอยู่อีกภพหนึ่ง เพลงเสร็จแล้วลุงจะฟังไหม”

“ฟังซี...ดีกว่าอยู่เปล่าๆ” ลุงพูดพร้อมกับหัวเราะ

ผมตั้งอกตั้งใจร้องให้ลุงฟัง พร้อมกับอธิบายว่าท่อนที่ผู้ชายร้องต้องใช้เทคนิคทำเป็นเสียงเอ็คโค (ECHO) เหมือนคน...กับจิตวิญญาณร้องคู่กัน (สวลี ร้องธรรมดา – สุเทพ ร้องเป็นเสียงเอ็คโค) เพลงจบไปแล้ว ปกติลุงแกจะปรบมือ หรือไม่ก็ตำหนิไปเลยว่าดีหรือไม่ดี แต่ตอนนี้แกเงียบ

ผมก็ชะโงกหน้าไปถามแกข้างๆมุ้งว่า “เป็นไงไม่เพราะหรือลุง...เงียบเชียว” ลุงก็นิ่งเงียบไม่ตอบ ผมก็เข้าใจว่าแกหลับ แต่สักครู่ก็เอะใจ เอทำไมหลับเร็วนักวะ อดรนทนไม่ได้เดินไปหาพยาบาลที่หน้าห้องอธิบายให้พยาบาลฟังว่า “ลุงแกคุยกับผมดีๆ แล้วทำไมถึงเงียบไปก็ไม่รู้ พยาบาลลองไปดูแกหน่อยซิครับ”

พยาบาลก็เดินเอื่อยๆ เข้าไปเปิดมุ้ง จับชีพจรดู สักครู่ก็วิ่งไปเข็นเครื่องออกซิเจนมาปั๊มหัวใจเป็นการใหญ่ หมอก็ทยอยเข้ามาเต็มห้องและที่สุดก็ดึงม่านขาวลงมากั้นกลางระหว่างผมกับลุง เป็นอันสิ้นสุดระหว่างเรา

เพลง “เธออยู่ไหน” อาจจะไปกระทบใจท่าน ผมร้องเพลงยังไม่ทันจบ ท่านก็จบชีวิตของท่านไปเสียก่อนแล้ว

และนี่คือเบื้องหลังของเพลง “เธออยู่ไหน” ฉบับสมบูรณ์


ลาก่อนสำหรับเสาร์นี้
ส.ท่าเกษม
20 กรกฎาคม 2556



หมายเหตุ : ฝากขอบคุณคุณติ๋ม ปนัดดา ฉายะพากย์ ที่แนะนำเพลงรุ่นใหม่ “รักเธอนิรันดร์” ให้ ส.ท่าเกษม และ คุณพาร์ค (PARK) จอมพลช่วยส่งยูทูบมาให้ เพลงนี้ฟังครั้งแรกก็ใช่เลย โดนใจมาก ! เป็นเพลงที่ฟังแล้วได้อารมณ์ต่อจากเพลง อสงไขย และ จันทร์ ลองคลิกฟังดู ท่านผู้อ่านที่มีตัวโน๊ตอยู่ในหัวใจ และมีอารมณ์สุนทรีย์ จะเห็นด้วยว่าเพลงนี้เพราะมาก และความหมายดี ไม่เวอร์ กำลังพอดีๆ เป็นเพลงประกอบละครเรื่อง บ่วงวันวาร คำร้อง/ทำนอง โดย ปิติ ลิ้มเจริญ ร้องโดย กัน นภัทร