คุยกันวันเสาร์
ส.ท่าเกษม



"ของฝากจาก...ทะเลทราย"
They asked me how I knew
My true love was true
Oh, I of course replied
Something here inside cannot be denied

They said someday you'll find
All who love are blind
Oh, when your heart's on fire
You must realize
Smoke gets in your eyes

So I chaffed them and I gaily laughed
To think they could doubt my love
Yet today my love has flown away
I am without my love

Now laughing friends deride
Tears I can not hide
Oh, so I smile and say
When a lovely flame dies
Smoke gets in your eyes
Smoke gets in your eyes

"SMOKE GETS IN YOUR EYES"
by.....The Platters



เคยเขียนถึงเพลงนี้มาแล้ว ใช้ประกอบบทความเรื่องของหัวใจ เนื่องจากเป้นเพลงเศร้าๆ ฟังคำร้องและทำนอง คล้ายกับว่า "ความรักทำให้คนตาบอด" เมื่อควันเข้าตาก็มองไม่เห็นอะไร ! "SMOKE GETS IN YOUR EYES" เขียนมานานมาก จนคนเขียนเองยังจำไม่ได้ว่าเขียนอะไรไว้บ้าง

จั่วหัวเรื่องไว้ว่า...ของฝากจากทะเลทราย คุณผู้อ่านคงนึกว่า ส.ท่าเกษม นำต้นกระบองเพชรหรือทรายจาก MOJAVE DESERT มาฝาก ที่จริงแล้ว ต้นกระบองเพชรต้นเล็กๆ ที่ใส่ในกระถางสวยๆ นั้นสวยทีเดียวและทนด้วย ทนแดดทนฝน เลี้ยงง่าย ยิ่งเวลามีดอกสีสดๆ ผลิออกมาตามตาบนกิ่งยิ่งสวยขึ้นไปอีก ถ้าจะใช้เป็นของขวัญ ของฝากติดมือไปให้คนรักต้นไม้ก็ยังได้

คราวนี้นำเพลง SMOKE GETS IN YOUR EYES มาฉายซ้ำเพราะไปดู JUBILEE SHOW มาที่ BALLY'S CASINO & HOTEL ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 สองครั้งหลังนี้พาอาคันตุกะจากต่างประเทศไปดู ไม่เบื่อเลยเพราะเขาเปลี่ยนเครื่องแต่งตัว เพลง ฉาก โดยเฉพาะผู้แสดงคือผู้หญิง SHOW GIRLS ทั้งหลายบนเวที รับรองว่าต้องเปลี่ยนแน่ ! หนแรกที่ไปดูเป็นสิบๆ ปีมาแล้ว ส่วนครั้งล่าสุดประมาณ 4-5 ปี ร่างกายคนเราต้องเปลี่ยนแปลง โชว์นี้ผู้แสดงต้องมีรูปร่างที่เพอร์เฟคท์ (PERFECT) ผิวพรรณทุกส่วนของร่างกายต้องเต่งตึงสมส่วน คงจะเป็นอาชีพที่เกษียณเร็วกว่าอาชีพอื่นๆ ในลาสเวกัส

สำหรับ ส.ท่าเกษมแล้ว เพลงนี้เป็นฉากที่ประทับใจที่สุด มีนักร้องชายออกมาครวญเพลง SMOKE GETS IN YOUR EYES และมีหญิงชายคู่หนึ่งแสดงบทบาทการเต้นรำท่ามกลางหมอกที่ปกคลุมไปทั่วพื้นเวที ฉากสวย คนเต้นสวย เพลงเพราะ เลยเพลิดเพลินเหมือนตกอยู่ในภวังค์ มีทั้งหมด 7 ฉาก ล้วนแล้วแต่อลังการทั้งสิ้น เรื่อง COSTUMES เครื่องแต่งกายเป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่า เจ้าของโชว์ลงทุนอย่างไม่อั้น ได้ดีไซเนอร์ชื่อดัง เช่น PETE MENAFEE และ BOB MACKIE ผู้ออกแบบเสื้ออันหวือหวาให้ แชร์ (CHER) และนักแสดงหญิงดาราตลกทางทีวี CAROL BURNETT 2 คนนี้ร่วมกันออกแบบให้คณะจูบิลีมากกว่า 1,000 ชุด จุดสนใจอีกมุมหนึ่งของโชว์นอกจากรูปร่างสัดส่วนอันเต่งตึงของสาวๆ แล้ว ก็จะเป็นสิ่งประดับบนศีรษะซึ่งหนักพอสมควร นักเต้นรำ TOPLESS นี้ต้องหัดโยกย้ายเคลื่อนไหวร่างกายไปตามเสียงเพลงอย่างระมัดระวัง ต้องรู้จักทรงตัวเพราะเจ้า HEADDRESSES หลากหลายแบบ ส่วนใหญ่จะประดับด้วยขนนกและคริสตัลของสวารอฟกี้ (SWAROVSKI) จากสิ่งประดับศีรษะ (HEADDRESSES) ไปจนถึงเครื่องแต่งกาย รองเท้า ดูระยิบระยับไปหมดด้วยลูกปัดสีต่างๆ และไข่มุกเพชรพลอย (เทียม)

ฉากที่เป็นไฮไลท์เห็นจะเป็นชุดพัดใบใหญ่ทำด้วยขนนกสีแดง เต็มพรืดทั้งเวที ใช้ MEDLEY ของ COLE PORTER นักแต่งเพลงชื่อดังเช่นเพลง NIGHT AND DAY, I LOVE PARIS, BEGIN THE BEGUINE เห็นว่าค่าเสื้อผ้าฉากนี้ก็ประมาณ $7,000 คงเป็นการลงทุนที่พัดขนนกสีแดงเสียมากกว่า เพราะคุณสาวๆ ใช้เสื้อผ้าไม่เปลืองเลย ยิ่งกว่านุ่งน้อยห่มน้อยเสียอีก แต่ต้องขอเรียนให้ทราบว่า "ศิลป์" มากๆ จะไม่ใช้คำว่า "โป๊" โชว์นี้ CLASSIC เป็นที่สุด ดูได้อย่างสบายตา สบายใจ คงจะเป็นเพราะสิ่งประกอบหลายๆ อย่าง โดยเฉพาะเพลงเก่าๆ ที่ไพเราะ ส.ท่าเกษมขอแนะนำคุณผู้อ่านที่ยังไม่เคยไปดู...ไปดูซะ ให้รู้แล้วรู้แรดไป ! ยิ่งตอนนี้กำลังมีบัตรลดราคา ซื้อใบเดียวได้บัตร 2 ใบ พูดง่ายๆ ก็คือ ซื้อ 1 แถม 1 จะหมดเวลาในวันที่ 12-28-12 (เลขสวยซะด้วย) คูปองนี้ต้องติดตัวไปด้วยเวลาไปจองหรือซื้อบัตรที่หน้าโรงละคร ใน BALLY'S ซึ่งเป็น CASINO และ HOTEL บน STRIP คูปองนี้หาได้ในแมกกาซีนที่วางอยู่ในห้องพัก หรือแจกฟรีตามล็อบบี้ ที่แน่ๆ คือนิตยสาร THE LAS VEGAS GUIDE มีข้อจำกัดว่า ใช้ได้เพียง 4 บัตร และขึ้นอยู่ว่าจะมีที่นั่งหรือไม่ ต้องซื้อ วี.ไอ.พี. SECTION ซึ่งก็คุ้มแสนคุ้ม ฉากเดียวก็คุ้มเสียแล้ว ตัวนักแสดงเต็มไปทั่วทั้งบนเวที ข้างๆ เวที บนเหนือศีรษะคนดู ข้างหลังคนดู (พอดีเราได้ที่ข้างหน้า แถวที่ 2 เลยต้องแหงนขึ้นไปมองพวกที่เดินโชว์อยู่บนเวทีข้างหลัง) สรุปแล้วทางเราจ่ายไปเพียงบัตรละ 50 เหรียญ แต่ได้ที่นั่งเก้าอี้ วี.ไอ.พี. แถวที่สองตรงกลาง ขนาดไปจองบัตรทันทีที่ไปถึงและดูในคืนนั้น คงจะเป็นเพราะตรงกับวันพุธ ถ้าเป็นวันสุดสัปดาห์คงไม่ได้ที่ดีแบบนี้ สำหรับผู้ที่เกษียณแล้ว ควรจะหลีกเลี่ยง ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ หรือวันฮอลลิเดย์ต่างๆ พวกเราชอบไปกลางสัปดาห์สบายดี

JUBILEE นี้เป็นโชว์บนทริปที่ยาวนานว่าใครทั้งหมด เพิ่งจะฉลองครบ 31 ปี ไปเมื่อเร็วๆ นี้เอง และนี่คือของฝากที่ ส.ท่าเกษมนำมาให้คุณผู้อ่านทุกๆ ท่านจากทะเลทราย ส่วนคนที่เคยไปดูมาแล้ว ถ้ามีแขกต่างเมือง ต่างประเทศก็เป็นอีกแห่งหนึ่งที่น่าจะพาไป ตอนนี้มีคูปองอยู่ 1 ใบ ใครที่สนใจ อีเมลมาเป็นท่านแรก กรุณาบอกที่อยู่จะได้เมลไปให้ ส.ท่าเกษมพลาดโอกาสงามไปซะได้ คือเขามีทัวร์หลังโรงละคร จันทร์-พุธ-เสาร์ เวลา 11.00 AM (11 โมงเช้า) ราคา 17 เหรียญสำหรับ 1 ท่าน แต่ถ้ามีบัตรที่เข้าดู JUBILEE SHOW จะได้ลดราคาเสียเงินเพียง 12 เหรียญ ไม่มีลิฟท์ต้องใช้บันไดจึงควรแต่งตัว ใส่รองเท้าที่สบายๆ เขาจะนำทัวร์ดูฉาก เสื้อผ้า การแต่งหน้า ฯลฯ

พูดถึงฉากแล้ว การแสดงชุดเรื่องไททานิคจัดฉากได้ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะตอนเรือจมน้ำ ส่วนอีกฉากที่ประทับใจคือ แซมซันกับดีไลล่าห์ คนในวงการบันเทิงน่าจะไปดูการทำฉากจัดฉาก เขาเปลี่ยนฉากได้รวดเร็วมากทั้งๆ ที่แสนจะอลังการ คราวหน้าถ้าต้องพาแขกต่างประเทศไปอีก คงจะไม่พลาดทัวร์หลังฉากเป็นแน่แท้..!

ที่เขียนคุยเรื่อง JUBILEE นี้ยังไม่ได้ครึ่งหนึ่งกับที่ไปประสบมา แต่กลัวจืดเสียหมดสำหรับคุณผู้อ่านที่คิดจะไปดู ส่วนผู้ที่ไปดูมาแล้วถ้าเกิดมาอ่านพบเข้าก็คงจะเบื่อเพราะไปดูมาแล้ว เห็นอะไรดีๆ มาด้วยตนเองจึงขอหยุดคุยเรื่องนี้ก่อน

เบนเข็มทิศคุยเรื่องอื่นต่อไป เรื่องอื่นที่ว่านี้คือเรื่องถูกให้จอดรถเข้าข้างทางโดย HIGHWAY PATROL ระหว่างทาง LA - LAS VEGAS หรือ LAS VEGAS - LA ส.ท่าเกษมมีประสบการณ์ทั้งขาไปและขากลับรวมทั้งหมด 4 ครั้ง ตั้งแต่ ปี 1967-2012 นอกจากไม่ได้ขับเองแล้วยังไม่ได้ตั๋ว พบเจ้าหน้าที่ใจดี !

เพิ่งได้มีโอกาสอ่านคอลัมน์ของคุณคิด ฉัตรประภาชัย ในหัวข้อ อุบัติเหตุทางรถยนต์เกิดขึ้นได้ทุกเวลา ! ทางสนง. หนังสือพิมพ์ไทยแอล.เอ. ส่ง น.ส.พ.ให้ทุกวันจันทร์ เห็นอะไรน่าสนใจเพื่อหาความรู้เพิ่มเติมก็อ่าน พออ่านไปถึงตอนที่คุณคิด เขียนไว้ว่า "....อย่าลืมว่า ตำรวจเขาไม่มีเวลามานั่ง (ยืน) รอให้คุณหาใบอินชัวรันส์หรือทะเบียนรถได้นานๆ..." เลยอดยิ้มไม่ได้เพราะกลับมาเที่ยวนี้ถูก HWY PATROL เปิดไฟสีสวยๆ ตามหลังมาบนเส้นทางจาก LAS VEGAS - LA ที่จริงถ้ากลับตามกำหนดเวลาเดิมคงไม่โดน แต่เพราะอัดรายการต้อนรับแขกเต็มจนล้น เลยต้องเลื่อนรายการบุฟเฟ่ท์ ซีซ่าร์ พาเลซ เป็นรายการสุดท้ายในวันกลับหลังจากเช็คเอ๊าท์ คุณผู้อ่านย่อมทราบกันอยู่แล้วว่า อาหารบุฟเฟ่ท์นี้ยั่วยวนให้ลิ้มรสไปเสียหมด จนถึงรายการของหวาน เมื่อหนังท้องตึง หนังตาก็หย่อน หัวหน้าครอบครัวขับรถไปได้หน่อยท่ามกลางความร้อนในทะเลทราย หนังตาก็หย่อนลงเรื่อยๆ เลยแวะที่ BUFFALO BILL'S CASINO & HOTEL ใน PRIMM, NEVADA ติดกับเขตแดนรัฐแคลิฟอร์เนียเพื่อเช็คอินเข้านอนกลางวัน ส่วน ส.ท่าเกษมก็พาแขกไปช้อปที่ OUTLET แถวๆ นั้น กะว่าให้นอนซัก 90 นาทีก็คงหายง่วงขับรถกลับบ้านได้ ปรากฎว่าแทนที่คนขับรถจะเข้าห้อง กลับไปต่อสู้กับสลัดแขนเดียวอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะไปนอนกลางวัน ส่วน ส.ท่าเกษม พอกลับจากช้อปปิ้งมาถึง BUFFALO BILL'S ก็แวะไปต่อสู้กับโจรสลัดเช่นกัน มีทุนแค่ 25 เหรียญ เปลี่ยนถึง 4 เครื่อง มารวยเอาเครื่องที่ 4 เลยยิ้มออก !

สรุปแล้วออกจากพริมพ์ 1 ทุ่มตรงถึงแอล.เอ. ประมาณ 5 ทุ่มกว่า จอดเอง 1 ครั้ง ถูกเรียกให้จอด 1 ครั้ง ขำที่ว่าเพิ่งคุยให้อีวา (EVA) ฟังเรื่องตำรวจที่นี่ ขนาดระวังๆ คอยดูอยู่ยังถูกตั๋วกัน ครั้งแรกที่ไปลาสเวกัสในปี 1967 ลูกสาวผู้ปกครองเป็นคนชอบขับรถเร็ว เลยบอกให้พวกเรา มีน้องที่ชื่อ คุณบุษบงรำไพ (เสียชีวิต) และท่านหญิงหนู ภรรยาคุณวิลาศ ผู้จัดการใหญ่โรงแรมทร็อคคาเดโร ถนนสุริวงศ์ คอยดูตำรวจ แต่พอดีพวกเราชอบร้องเพลง ร้องไปเพลินๆ มีสัญญาณไฟจี้อยู่ท้ายรถ คุณเสาวลักษณ์ (อึ่ง) โชติกะพุกกะณะ ได้ตั๋วมา 1 ใบ โทษฐานขับรถเร็วเกินกำหนด ระหว่างตำรวจยืนเขียนใบสั่ง ลมพัดแรง หมวกตำรวจปลิวตกไปตามทางลาด ท่านหญิงหนูเสด็จลงไปทรงเก็บหมวกให้ ยังถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก คุณอึ่งไปขึ้นศาลให้เหตุผลว่าวันนั้นท้องเสียรีบจะไปเข้าห้องน้ำ ผู้พิพากษาคงเห็นว่าเป็นนักศึกษาเลยตัดสินไม่เอาโทษ โชคดีไป !

ส่วนอีก 2 หนก็ไม่โดนตั๋ว ได้ CITATION มาเพราะไฟเบรคท้ายรถเสีย ซื้อมาแล้วแต่ไม่มีเวลาเปลี่ยน ให้ตำรวจดู เขาเลยบอกเปลี่ยนแล้วส่งหลักฐานไป ตำรวจเวกัสคนนี้ใจดี อีกคนก็ใจดีคนในรถไม่ชอบใช้เข็มขัด กว่าตำรวจจะเดินมาที่รถก็ดึงเข็มขัดมาคาด ตำรวจก็ปล่อยไปพูดจาสุภาพด้วย ทั้งๆ ที่กะเหรี่ยงทั้งรถ

ทำไมน่าตำรวจถึงตาดีกันจริงๆ เพียงแค่ขับรถผ่านเขาก็เห็นว่าไม่ได้ใช้เข็มขัด คงจะแกล้งเชื่อไปอย่างนั้น ! เช่นเดียวกับรายสุดท้ายที่เพิ่งโดน... พอเราจอดรถเข้าข้างทางเสร็จ ระหว่างนั่งรอให้ตำรวจเดินมาที่รถ ส.ท่าเกษมก็กำกับเสร็จ บอกให้เอากระจกลง วางมือไว้บนพวงมาลัย และอย่าทำขยุกขยิก ที่ไหนได้ตำรวจมาเคาะกระจกด้านผู้โดยสารคือ ส.ท่าเกษม คงจะกลัวโดนรถเฉี่ยวเพราะมืดมาก และขับรถกันเร็วบนฟรีเวย์ ทุกอย่างเป็นไปตามหลัก ขอดูใบขับขี่ ใบอินชัวรันส์ พอถึงทะเบียนรถ หาไม่พบ ตำรวจแจ้งว่ารถยู EXPIRED ตั้งแต่เดือนสิงหาคม คนขับตอบว่าฉันจำได้ว่าติด STICKER ใหม่แล้ว คงจะหลุด ตำรวจก็เตรียมจะให้ CITATION บอกว่าถ้าพบทะเบียนรถอันใหม่ก็เมลไปกับ CITATION ไม่ต้องเสีย $$$ เพราะไม่ใช่ตั๋ว

พอรุ่งขึ้น หัวหน้าครอบครัวก็ไป AAA เพราะลืมต่อทะเบียนรถต้องเสียเพิ่มอีก 30 เหรียญเป็นค่าปรับให้ DMV ที่บอกตำรวจไปว่าจำได้ติด STICKER แล้ว ที่แท้เป็นของปีก่อนไม่ใช่ปีนี้ 1 ปีผ่านไปเหมือนติดปีกบิน ส.ท่าเกษมเล่าข้ามไปนิด ระหว่างรอตำรวจเขียน CITATION เดี๋ยวเดียวเขาก็กลับมาที่รถเราอีกทางด้านผู้โดยสารและบอกว่า "I HAVE TO GO NOW." ส.ท่าเกษม เลยยิ้มและขอบคุณด้วยความดีใจ และบอกต่อไปที่คนขับรถ คนขับรถไม่ยอมเชื่อยังนั่งเฉยอยู่ จนเห็นรถตำรวจแล่นผ่านด้านผู้โดยสารไปเข้าฟรีเวย์ถึงเชื่อ !

คุณคิด พูดถูกจริงๆ ที่ว่า ตำรวจเขาไม่มีเวลามารอให้เราหาใบสำคัญต่างๆ เพราะทางเรา 2 คนช่วยกันหาอยู่นานก็ไม่พบ สงสัยตำรวจที่หยุดรถเราถูกเรียกให้ไปปฏิบัติหน้าที่อื่นที่สำคัญกว่า!


ลาก่อนสำหรับเสาร์นี้
ส.ท่าเกษม
6 ตุลาคม 2555