คุยกันวันเสาร์
ส.ท่าเกษม





งานลีลาศพระราชทานฉลองวันปีใหม่
สวัสดี วัน ปี ใหม่ พา
ให้บรรดา เรา ท่าน รื่น รมย์
ฤกษ์ยามดี เปรม ปรีดิ์ ชื่น ชม
ต่างสุขสม นิ ยม ยิน ดี
ข้าวิงวอน ขอ พร จาก ฟ้า
ให้บรรดา ปวง ท่าน สุข ศรี
โปรดประทาน พร โดย ปรา ณี
ให้ชาวไทย ล้วน มี โชค ชัย
ให้บรรดา ปวง ท่าน สุข สันต์ ทุกวัน ทุกคืน
ชื่น ชมให้สมฤทัย ให้รุ่งเรือง ใน วัน ปีใหม่
ผองชาวไทย จง สวัสดี
ตลอดปี จง มี สุข ใจ
ตลอดไป นับ แต่ บัด นี้
ให้สิ้นทุกข์ สุขเกษม เปรม ปรีดิ์
สวัสดี วัน ปี ใหม่เทอญ

เพลงพระราชนิพนธ์ พรปีใหม่ เป็นเพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ ๑๓ ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นในเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๔ เมื่อเสด็จนิวัติพระนครและประทับ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต มีพระราชประสงค์ที่จะพระราชทานพรปีใหม่ แก่บรรดาพสกนิกรไทยด้วยเพลง จึงทรงพระราชนิพนธ์เพลง "พรปีใหม่" และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ นิพนธ์คำร้องเป็นคำอวยพรปีใหม่ แล้วพระราชทานแก่วงดนตรี ๒ วง คือ วงดนตรีนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำออกบรรเลง ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และวงดนตรีสุนทราภรณ์ นำออกบรรเลง ณ ศาลาเฉลิมไทย ในวันปีใหม่ วันอังคารที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๙๕

เมื่อครั้งที่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ร.๙ เสด็จนิวัติประเทศไทยใน พ.ศ. ๒๔๙๔ แล้วประทับ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต เนื่องจากระหว่างนั้นมีการสร้างพระตำหนักจิตรลดารโหฐานเพิ่มเติม พระองค์ท่าน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการรวมนักดนตรีสมัครเล่นอันประกอบด้วยพระราชวงศ์ที่คุ้นเคยกันทรงดนตรี ณ พระที่นั่งอัมพรสถานทุกเย็นวันศุกร์ โดยตั้งเป็นวงดนตรีส่วนพระองค์ขึ้นเป็นครั้งแรกและพระราชทานชื่อวงนี้ว่า “วงลายคราม” นอกจากเจ้านาย ราชนิกูล ยังมี นายแมนรัตน์ ศรีกรานนท์ นายสุรเทิน บุนนาค เป็นต้น

สวนอัมพร เป็นสถานที่จัดงานอยู่บริเวณด้านหน้าลานพระบรมรูปทรงม้า ถนนอู่ทองใน แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ตรงกลางเป็นสระน้ำขนาดใหญ่รูปวงกลม มีน้ำพุ มีอาคารจัดงาน และเวทีการแสดงกลางแจ้ง อยู่ภายใต้การดูแลของสำนักพระราชวัง สร้างขึ้นในสมัย พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.๖ สมัยที่ ส. ท่าเกษม ยังอยู่ประเทศไทย เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นแหล่งลีลาศของหนุ่มสาวในสมัยนั้น เป็นที่จัดงาน “คชสิงห์รีวิว” ของ สมาคมนักเรียนเก่าอังกฤษ ฯ งานประจำปีของ สมาคมนักเรียนเก่าอเมริกา สมาคมนักเรียนเก่าภาคพื้นยุโรป ฯลฯ นอกจากนั้นยังเป็นสถานที่จัด งานกาชาด และที่ สวนอัมพร นี้ พวกเราได้มีโอกาสแสดงถวายหน้าพระที่นั่งหลายต่อหลายครั้ง

มีอยู่ปีหนึ่งบิดาบอกกับพวกเราว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.๙ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานงานเลี้ยงฉลองต้อนรับปีใหม่ วันที่ ๑ มกราคมแก่ พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชบริพารชั้นผู้ใหญ่และครอบครัว ณ สวนอัมพร ทางสำนักพระราชวังกำหนดมาว่าบุตรธิดาต้องเป็นนางสาวและนาย เนื่องจากเป็นงานลีลาศ ส.ท่าเกษม ผิดหวังมากเพราะอายุน้อยอยู่ปลายแถวพี่ๆที่เป็นสาวกันแล้ว ตัวเองอายุยังไม่ถึง ๑๕ ปี เป็นเด็กกะโปโลไม่เคยเป็นเจ้าของลิปติคกับใครเขาซักแท่งเดียว คุณพี่ โสภางค์พึงพิศ ต้องให้ยืมบ่อยๆเวลาออกไปเที่ยวฟังเพลงคณะ สุทิน เทศารักษ์ เจ้าของเพลง ดวงใจในฝัน ที่บาร์ไอศครีมโรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมไทยหรือที่ศาลากลางน้ำเขาดินวนา (สวนสัตว์ดุสิต) เป็นสวนสัตว์และสวนสาธารณะแห่งแรกในประเทศไทย เดิมเป็นพระราชอุทยานส่วนพระองค์ใน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.๕

แต่แล้วโชคเข้าข้างเหมือนมีนางฟ้ามาโปรด ดีใจยิ่งกว่าได้แก้วที่ได้เข้าเฝ้า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระบรมราชินีนาถ อย่างใกล้ชิด เป็นบุญตาบุญใจสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้จนทุกวันนี้ บิดาอนุญาตให้ ส.ท่าเกษม มีชื่อติดรวมกับพี่ๆเข้าเฝ้าด้วย เพราะพวกเราเต้นรำเป็นกันตั้งแต่อายุยังน้อย ติดตามบิดาผู้เป็นประธานไปตามงานลีลาศต่างๆอยู่เสมอ พี่ๆ กลับจากประเทศอังกฤษและมักจะมีการซ้อมเต้นรำกันที่เรือน “ทับขวัญ” กันพี่ๆ น้องๆ และเพื่อนๆ ของ คุณพี่มานน (ชื่อพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.๗)

พวกเราตื่นเต้นกันมากที่จะได้ไปงานลีลาศพระราชทานที่สวนอัมพร เตรียมตัดเสื้อผ้าชุดใหม่สวยหรู ตัดรองเท้าที่ร้าน “ฟุ้งฟ้า” บิดากรุณาฝึกซ้อมให้พวกเรา ถอนสายบัว และ เอางาน "ถอนสายบัว” (CURTSY) เป็นวิธีถวายความเคารพต่อ พระมหากษัตริย์ สมเด็จพระบรมราชินีนาถ และ ราชวงศ์ชั้นสูง ของสุภาพสตรีตามแบบสากลนิยม ด้วยการยืนตัวตรง หันหน้าไปทางพระองค์ท่าน วาดเท้าข้างใดข้างหนึ่งตามถนัดไปข้างหลัง พร้อมกับย่อตัวลง ลำตัวตรง หน้าตรง ปล่อยแขนตรงแนบลำตัว สายตาทอดลง เสร็จแล้วยืนตัวตรงลักษณะเดิม หรือตามแบบพระราชนิยม ด้วยการยืนตรง หันหน้าไปทางพระองค์ท่าน วาดเท้าข้างใดข้างหนึ่งไปข้างหลังเล็กน้อยตามถนัด พร้อมกับย่อตัวลง ขณะที่วาดเท้าให้ยกมือทั้งสองข้างขึ้นวางประสานกันบนขาหน้าเหนือเข่า ค้อมตัวเล็กน้อยทอดสายตาลง เสร็จแล้วยืนขึ้นในลักษณะเดิม ซึ่งทั้งสองแบบนี้ไทยเราก็ได้เลียนแบบมาจากราชสำนักในประเทศแถบยุโรปดั้งเดิมมา

“เอางาน” คือการรับพระราชทานสิ่งของ ผู้รับจะต้องใช้มือขวาโดยวิธีการ “เอางาน” คือ ยกมือไม่กางข้อศอก มือตั้ง ยกข้อมือขึ้น ๑ ครั้ง แล้วหงายมือรับพระราชทานของ ถ้ารับพระราชทานของที่เป็นของเบาให้รับมือเดียว แต่ถ้าเป็นของหนักให้ยกมือขวาเอางานก่อน แล้วจึงรีบยกมือซ้ายขึ้นมาช่วยรับของ การกระดกมือก่อนรับของเป็นการถวายความเคารพอย่างหนึ่งถ้ารับของจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระบรมราชินีนาถ และ ราชวงศ์ชั้นสูง

ในคืนนั้นผู้ที่ไปงานจะยืนแยกเป็น ๒ ข้าง หญิงข้าง ชายข้าง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเสด็จพระราชดำเนินพระราชทานของขวัญปีใหม่แก่ฝ่ายหญิง และ สมเด็จพระบรมราชินีนาถ พระราชทานแก่ฝ่ายชาย บิดาเตือนว่าก่อนจะนั่งเก้าอี้ที่โต๊ะอาหารต้องถอนสายบัวและเมื่อลุกขึ้นจากเก้าอี้ไม่ว่าไปไหนต้องถอนสายบัวก่อน รวมทั้งเวลาออกไปเต้นรำทั้งขาออกและขาเข้า โต๊ะเสวยอยู่ในระดับเดียวกับทุกโต๊ะบนฟลอร์สวนอัมพร หลังเสวยพระกระยาหารมื้อค่ำพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงดนตรีอยู่บนเวทีตลอดไม่ได้ทรงประทับบนฟลอร์ จึงต้องหันถวายความเคารพทั้ง ๒ ทาง สมเด็จพระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระสิริโฉมงดงามยิ่งนัก ทรงพระเกษมสำราญลีลาศกับพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นสูง ได้เห็นเจ้าชายหลายพระองค์เช่น ม.จ.ฐิติพันธุ์ ยุคล และหนุ่มๆ นักเรียนนอกบุตรคนใหญ่คนโต เช่น คุณดิลก บุตรชายคนโตของ คุณควง และ คุณหญิง เลขา (คุณะดิลก) อภัยวงศ์ ต่อมา คุณดิลก สมรสกับ ม.ร.ว. จิรา ชุมพล เพลินตาเพลินใจกับการเต้นรำของเหล่าราชนิกูลและหนุ่มๆสาวๆ จากครอบครัวในสังคมชั้นสูง แต่ละคนมีกริยามารยาทงาม พูดจาไพเราะ มีความสำรวมสุภาพซึ่งกันและกัน

คุณควง เป็น ตลกหลวง ที่ทำให้งานพระราชทานคืนนั้นครึกครื้น มีมุขตลกสนุกสนาน มีอยู่ครั้งหนึ่งท่านใช้ไม้แบดบินทั้นตีลูกขนไก่ไปตกอยู่หน้าที่ประทับระหว่างทรงดนตรี ทุกคนจับตาดูเห็นพระองค์ท่านทรงประทับขึ้นยืน ส.ท่าเกษม ใจหายวาบนึกว่าพระองค์ท่านทรงไม่พอพระทัย ผิดคาด พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ร.๙ ทรงตีลูกขนไก่กลับมาที่กลางฟลอร์ แต่ไม่ใช่ลูกที่ คุณควง ตีไป เพราะลูกขนไก่บนฟลอร์มีขนาดใหญ่มาก เรียกเสียงหัวเราะและความโล่งอกของทุกๆคนจากพระราชอารมณ์ขันและการไม่ถือพระองค์!

หมายเหตุ ข้อมูล พระบรมฉายาลักษณ์ รูปภาพ จาก วิกิพีเดีย มารยาทไทย OKNATION MGR Online


ลาก่อนสำหรับปีนี้...พบกันปีหน้า
ส.ท่าเกษม
๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๙