สานต่อองค์ความรู้ของศาสตร์พระราชา บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) และองค์กรภาคี ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) มูลนิธิประเทศไทยใสสะอาด สำนักโครงการและจัดการความรู้ (OKMD) กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ สมาคมนักเรียนเก่า AFS ประเทศไทย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และมูลนิธิธรรมดี จัดโครงการ “ทิพยสืบสาน รักษา ต่อยอด นวัตกรรมศาสตร์พระราชา ครั้งที่ 18” นำคณะครูอาจารย์ที่ได้รับการคัดเลือกจากทั่วประเทศ ลงพื้นที่ร่วมประสบการณ์การทำการเกษตร พร้อมร่วมอนุรักษ์กระบือไทย ณ โครงการโรงเรียนกาสรกสิวิทย์ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.สระแก้ว
กิจกรรมในครั้งนี้ คณะครูได้ทำกิจกรรมการฝึกกระบือเพื่อทำการเกษตร การทำบ้านดิน การหว่านข้าว ทำพิธีสู่ขวัญควายเป็นประเพณีที่มีมาแต่โบราณ และยังได้มีส่วนร่วมในการสร้างบุญการไถ่ชีวิตกระบือ 28 ตัว รวมลูกในท้อง 6 ชีวิต ทั้งหมด 34 ชีวิต ในจำนวนนี้มีกระบือเผือก 1 ตัว ชื่อ “แก้ว” ซึ่งมูลนิธิฯ จะทำเรื่องขึ้นทูลเกล้าฯถวายเป็นกระบือทรงเลี้ยงคู่กับคุณเผือก ที่โครงการโรงเรียนกาสรกสิวิทย์ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.สระแก้ว หนึ่งในโครงการที่ได้ถูกคัดเลือกอยู่ในหนังสือเดินทางตามรอยพระราชา สำหรับกระบือที่เหลือจะนำไปปรับปรุงพันธุ์ขยายพันธุ์และอนุรักษ์ไว้ต่อไป ทั้งนี้ โรงเรียนกาสรกสิวิทย์ จังหวัดสระแก้ว เกิดขึ้นโดยพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้มูลนิธิชัยพัฒนาจัดตั้งขึ้น เพื่อเป็นโรงเรียนสำหรับฝึกกระบือให้สามารถไถนาและทำงานด้านเกษตรกรรม และสอนผู้ที่ต้องการใช้กระบือทำการเกษตรและยังเป็นสถานที่ที่ให้ความรู้กับประชาชนในเรื่องวิถีชีวิตความเป็นอยู่แบบพื้นบ้านที่เรียบง่าย และการใช้ชีวิตแบบพอเพียงตามแนวพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ ๙
นางวิชชุดา ไตรธรรม ผู้บริหารทิพยประกันภัย กล่าวถึงกิจกรรมในโครงการนี้ว่า ทุกวันนี้วิถีชีวิตของเกษตรกรปรับมาเป็นเกษตรดิจิทัลที่ใช้นวัตกรรมเครื่องมือการจัดการที่ทันสมัย แทนการใช้แรงงานกระบือ แต่เราต้องไม่ลืมพื้นฐานดั้งเดิมการทำนาของชาวนาไทย และคู่บุญชาวนา คือ “ควาย” หรือกระบือ การได้มาศึกษาเรียนรู้การฝึกกระบือและการไถนาที่โรงเรียนกาสร กสิวิทย์ จึงเป็นการดำรงไว้ซึ่งวัฒนธรรมประเพณี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “พิธีสู่ขวัญควาย” เพื่อแสดงการขอบคุณและขอขมา เป็นประเพณีที่มีมาแต่โบราณและไม่มีอีกแล้วในปัจจุบัน เป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์เพื่อให้คนรุ่นหลังได้ตระหนักถึงความสำคัญของกิจกรรมที่แสดงออกถึง “ความกตัญญูรู้คุณและความเมตตากรุณา” ที่เป็นคุณธรรมสำคัญในการใช้ชีวิตทุกวันนี้ ซึ่งทิพยประกันภัยห่วงใยทุกชีวิตในสังคมกับโครงการ ทิพยทำความดีไม่มีสิ้นสุด พร้อมช่วยเหลืออนุรักษ์กระบือไทย ให้ยังคงอยู่คู่บ้านเมืองของเรา
ด้าน ดร.ดนัย จันทร์เจ้าฉาย ประธานมูลนิธิธรรมดี กล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่าง “คนกับควาย” ที่มีมาช้านาน เป็นเรื่องราวที่น่าประทับใจและสามารถนำมาใช้ในการพัฒนาจิตใจของคน การสอนกระบือให้เรียนรู้ เพื่อให้สามารถช่วยชาวนาทำงานได้นั้น ไม่ใช่เฉพาะกระบือเท่านั้นที่ถูกฝึก แต่ถ้ามองให้ลึกลงไป ผู้ที่จะได้ประโยชน์จากการสอนกระบือให้เป็นงาน คือ “คน” ที่จะได้ทั้งความผูกพัน ความเป็นเพื่อน ความกตัญญู ความเมตตา ความเห็นอกเห็นใจ คือ “ควายสอนคน” เป็นความสัมพันธ์ด้านจิตวิญญาณที่สร้างให้เกิดความรักสามัคคีในครอบครัวไปถึงชุมชนและสังคม ซึ่งส่งผลต่อเนื่องไปถึงชาติบ้านเมือง.
พบกระจุกดาวโบราณ ใกล้กลางทางช้างเผือก
กระจุกดาวทรงกลมเป็นระบบที่อัดกันอย่างหนาแน่นของดาวฤกษ์ในสมัยโบราณ ซึ่งยึดเหนี่ยวกันไว้ด้วยแรงโน้มถ่วงเป็นโครงสร้างเดียว มีความกว้างประมาณ 100–200 ปีแสง กระจุกดาวทรงกลมถือเป็นหนึ่งในวัตถุที่เก่าแก่ที่สุดในจักรวาล หรือเรียกว่าเป็นวัตถุโบราณของยุคแรกแห่งการก่อตัวดาราจักรหรือกาแล็กซีก็ว่าได้
มีความคิดกันว่ากาแล็กซีทุกแห่งมีประชากรกระจุกดาวทรงกลม กาแล็กซีทางช้างเผือกก็มีเช่นกัน ล่าสุดภาพใหม่จากกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลขององค์การนาซา สหรัฐอเมริกา และองค์การอวกาศยุโรป (อีเอสเอ) เผยหนึ่งในมุมมองที่ดีที่สุดของ Ter zan 9 ตั้งอยู่ในกลุ่มดาวราศีธนู เป็นหนึ่งในกระจุกดาวทรงกลมที่อยู่ใกล้ใจกลางของทางช้างเผือกมากที่สุด นักดาราศาสตร์ที่ดูแลภารกิจของกล้องฮับเบิลระบุว่า ภาพใหม่ของ Terzan 9 แสดงให้เห็นว่าหัวใจของกาแล็กซีของเรามีกระจุกดาวทรงกลมที่อาจเต็มไปด้วยดวงดาวอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น
ทั้งนี้ บริเวณตอนกลางของกาแล็กซีทางช้างเผือกประกอบด้วยกลุ่มดาวที่หนา แน่น และยังอุดมไปด้วยฝุ่นในอวกาศ ซึ่งฝุ่นเหล่านี้ทำให้กระจุกดาวทรงกลมที่อยู่ใกล้ๆใจกลางกาแล็กซียากต่อการศึกษา เนื่องจากมันดูดซับแสงดาวและสามารถเปลี่ยนสีของดาวในกระจุกดาวเหล่านี้ได้.
Credit : SA/Hubble & NASA, R. Cohen
แบตเตอรี่ชีวภาพใช้แบคทีเรียสร้างพลังงาน
ทุกวันนี้ความต้องการด้านเทคโนโลยีของมนุษย์เติบโตอย่างมาก อินเตอร์เน็ตได้เชื่อมต่ออุปกรณ์และเซ็นเซอร์เข้าด้วยกันมากขึ้น การค้นหาวิธีให้มีพลังงานใช้ในพื้นที่ห่างไกลก็ขยายออกไปเช่นกัน ทีมผู้เชี่ยวชาญจากภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์ที่วิทยาลัยวิศวกรรมและวิทยาศาสตร์ประยุกต์ โธมัส เจ.วัตสัน แห่งมหาวิทยาลัยบิงแฮมตันในสหรัฐอเมริกา ก็เป็นอีกทีมที่ทำงานด้านแบตเตอรี่ชีวภาพมานานหลายปี ล่าสุดพวกเขาได้เผยถึงการผลิตกระแสไฟฟ้าผ่านปฏิสัมพันธ์ของแบคทีเรีย
ทีมบอกเล่าว่า แบตเตอรี่รุ่นก่อนที่เคยทำมา ใช้ส่วนประกอบเป็นแบคทีเรีย 2 ตัวให้ทำปฏิกิริยาในการสร้างพลังงานที่จำเป็น แต่การทำซ้ำครั้งล่าสุด ทีมได้ใช้แบคทีเรีย 3 ตัวในภาชนะแนวตั้งที่แยกจากกันเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาด 3× 3 ซม. โดยระบุว่าแบคทีเรียจะสังเคราะห์แสงเพื่อสร้างสารอินทรีย์ เพื่อใช้เป็นสารอาหารสำหรับเซลล์แบคทีเรียตัวอื่นที่อยู่ก้นภาชนะ นั่นก็คือแบคทีเรียที่ผลิตกระแสไฟฟ้า โดยแบคทีเรียอีกตัวจะเป็นตัวกลางที่สร้างสารเคมีบางอย่างเพื่อปรับปรุงการถ่ายเทอิเล็กตรอน
ทีมระบุว่า ได้พัฒนาแบตเตอรี่ชีวภาพแบบเสียบแล้วใช้งานได้จริง โดยใช้งานได้นานหลายสัปดาห์ในแต่ละครั้ง คือเป้าหมายของการพัฒนาครั้งนี้ ด้วยปัญญาประดิษฐ์ที่ก้าวหน้ายิ่งขึ้น ในอนาคตเราอาจมีอุปกรณ์อัจฉริยะที่ทำงานแบบเดี่ยวๆ ไม่ต้องพึ่งพาแหล่งพลังงานอื่น อีกทั้งสามารถเปิดใช้งานได้ตลอดเวลาและในจำนวนมหาศาลบนแพลตฟอร์มที่มีขนาดเล็กมาก.
Credit : Anwar Elhadad et al, Journal of Power Sources (2022). DOI: 10.1016/j.jpowsour.2022.231487
11 วิธีแก้นิสัย “ขี้ลืม” ง่ายๆ ได้ผลจริง
สาเหตุของอาการขี้ลืม, พักผ่อนไม่เพียงพอพาขี้หลงขี้ลืม, ร่างกายเหนื่อยเกินไป, ทำหลายอย่างในเวลาเดียวกัน, ดื่มเหล้าเบียร์หรือแอลกอฮอล์มากไป, สภาวะความเครียดสมองทำงานหนัก, โรคซึมเศร้า, โรคประจำตัวการกินยาบางชนิด, การเปลี่ยนแปลงของร่างกายยากจะหลีกเลี่ยง
วิธีแก้อาการขี้ลืม
1.นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ หากพักผ่อนไม่เพียงพอติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน หรือนอนน้อยกว่า 7-8 ชั่วโมง จะทำให้สมองทำงานหนักต่อเนื่องจนเกิดความเหนื่อยล้าส่งผลให้เราไม่มีสมาธิ หงุดหงิดง่าย รวมถึงเกิดอาการขี้ลืมได้ หากเกิดจากการนอนไม่หลับต่อเนื่องหลายวันอาจต้องเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจ และรับคำปรึกษาปัญหาด้านการนอนหลับ
2.จดบันทึก เป็นวิธีเบสิคที่ใครๆก็คงนึกถึงเป็นอันดับแรกใช่ไหมครับ การจดบันทึกลงสมุดนั้นช่วยให้ชีวิตของคุณง่ายขึ้น เพราะการจดจะช่วยย้ำให้สมองจำเรื่องราวต่างๆที่คุณบันทึกลงไป ไม่ว่าจะเป็นการจดบันทึกเรื่องเล็กๆน้อยๆ การจดบันทึกแผนการที่ต้องทำในแต่ละวันแต่ละสัปดาห์หรือในเดือนถัดไปเป็นต้น การมีสมุดบันทึกเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคนขี้ลืมนะครับ คุณควรจดในมือถือหรือพกสมุดเล็กๆติดตัวไว้ เพื่อช่วยเตือนสิ่งที่คุณจะต้องทำในแต่ละวัน ซึ่งการฝึกจดบันทึกให้เป็นนิสัยก็จะช่วยแก้นิสัยขี้ลืมของคุณได้มากเลย
3.แปะกระดาษโน้ต (Post-it) ใช้กระดาษโน้ตแปะเพื่อเตือนสิ่งที่เราอาจจะลืมได้ และควรแปะใน จุดสำคัญเช่น หน้าประตูห้อง/บ้าน,หน้าห้องน้ำ,หน้ารถ เป็นต้น คุณเคยเห็นคนทำงานออฟฟิศที่เขาจะแปะโน้ตไว้ตามจอคอมพิวเตอร์หรือขอบโต๊ะใช่ไหมครับ หรือถ้าคุณอยู่ติดบ้านซะส่วนใหญ่ประตูตู้เย็นก็คงเหมือนกระดานดำที่มีพื้นที่ให้คุณแปะนู่นแปะนี่ตามใจชอบ การแปะกระดาษโน้ตไว้ในที่ที่คุณมองเห็นง่ายๆหรือเดินผ่านประจำ จะช่วยเตือนสมองของคุณให้จดจำเรื่องที่คุณจะต้องทำได้แม่นยำขึ้น
4.จัดระเบียบสิ่งของภายในบ้าน การเก็บข้าวของเครื่องใช้ให้เป็นที่ เป็นหมวดหมู่ สามารถทำให้เราแยกแยะความคิดได้รวดเร็วเวลาที่ต้องนึกว่าของสิ่งนี้อยู่ตรงไหน เช่น กุญแจบ้านจะแขวนอยู่ข้างประตู หรือยาประจำตัววางอยู่บนหัวเตียง อุปกรณ์เครื่องมือต่างๆเก็บอยู่ในห้องเก็บของเป็นต้น การจัดระเบียบการเก็บของแบบนี้จะทำให้คุณไม่ลืมว่าเก็บอะไรไว้ตรงไหนบ้าง
5. ทานอาหารหรือวิตามินที่ช่วยบำรุงสมอง นอกจากอาหารหลัก 5 หมู่ที่คุณต้องทานเป็นประจำทุกวันแล้ว วิตามินหรืออาหารเสริมก็อาจจะเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคนที่มีอาการขี้หลงขี้ลืม โดยอาหารที่ช่วยเพิ่มความจำได้แก่ ใบแปะก๊วย ผักโขม หรือวิตามินจำพวกน้ำมันตับปลา เป็นต้น นอกจากนี้การพักผ่อนอย่างเพียงพอก็ส่งผลเรื่องความจำ เพราะเมื่อสมองปลอดโปร่งแจ่มใสก็จะมีความจำที่ดีนั่นเอง
6. จัดลำดับความคิด การจัดลำดับความคิดความสำคัญ ก็เหมือนการประมวลผลภายในสมองของคุณ เหมือนการจัดชั้นหนังสือ เมื่อคุณมีการแยกเรื่องต่างๆ ออกเป็นหัวข้อๆ ก็ต้องมีรายละเอียดมีแผนผัง จึงจะทำให้คุณเห็นภาพรวมของสิ่งที่คุณจะต้องทำและจัดลำดับความสำคัญได้ง่ายขึ้น ซึ่งการประมวลความคิดเป็นขั้นเป็นตอน จะทำให้คุณจำได้ง่ายขึ้น และไม่ลืมว่าจะทำอะไร เทคนิคนี้แนะนำให้ เราเขียนลำดับที่เราจะทำออกมา อันไหนทำก่อนทำหลัง อันไหนสำคัญ มีรายละเอียดแต่ละลำดับ มีกำหนดการเวลา
7.ทำทีละอย่าง การจำแค่สิ่งเดียวสำหรับบางคนก็ยังลืม คงไม่ต้องพูดถึงการจำอะไรหลายๆอย่างในเวลาเดียวกัน เช่น การขับรถพร้อมกับคุยโทรศัพท์ไปด้วย พอรู้ตัวอีกทีก็ขับไปทางไหนแล้วก็ไม่รู้ นั่นก็เพราะว่าคุณไม่มีสมาธิทำให้ความสามารถในการจดจำสิ่งต่างๆลดลงไปด้วย ฉะนั้นคุณควรจะทำทีละอย่าง เพื่อโฟกัสและจดจำกับสิ่งที่กำลังทำให้ดียิ่งขึ้น
8. บริหารสมอง นอกเหนือจากกิจวัตรประจำวันที่คุณต้องทำทุกวันแล้ว คุณควรแบ่งเวลามาทำกิจกรรมที่แตกต่างบ้าง เช่น ออกกำลังกาย เล่นดนตรี ร้องเพลง เพื่อบริหารสมองของคุณให้มีความตื่นตัวเพิ่มความคิดที่รวดเร็วฉับไวขึ้น ซึ่งส่งผลให้มีอาการหลงลืมน้อยลง
9.ลดการดื่มแอลกอฮอล์ การดื่มเป็นประจำหรือดื่มจนติดนั้นส่งผลต่อสมองโดยตรง ทำให้เกิดความจำเสื่อมขี้หลงขี้ลืม นอกจากนี้ยังส่งผลให้คนที่ดื่มสูญเสียการทรงตัว เดินไม่ตรงทาง มีการเปลี่ยนแปลงทางบุคลิกภาพ ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง มีผลต่อระบบทางเดินอาหารและตับ,ระบบเม็ดเลือด,อัตราการเกิดมะเร็งในอวัยวะต่างๆ ระบบขับถ่ายและอวัยวะสืบพันธุ์ นอกจากปัญหาสุขภาพส่วนบุคคลแล้ว ยังอาจเกิดอุบัติเหตุที่เกิดจากการมึนเมาอีกด้วย เพราะฉะนั้น ควรดื่มแต่พอดี ชั่งใจถึงผลได้ผลเสียไว้ด้วย หากเป็นไม่ได้การไม่ดื่มเลยจะเป็นการดีที่สุด
10.พูดกับตัวเองบ่อยๆ พูดกับตัวเองไม่ได้แปลว่าคุณเพี้ยนหรือสติไม่ดีนะ แต่การพูดกับตัวเองโดยไล่เรียงว่าวันนี้จะทำอะไร ไปไหนบ้าง ก่อนที่จะเริ่มต้นทำกิจกรรม ก็เป็นเหมือนการเตือนสติและย้ำกับตัวเองให้จำในสิ่งที่ต้องทำ ซึ่งจะทำให้เราจำได้นั่นเอง
11.ทำอะไรให้ช้าลง หากคุณเป็นคนคิดเร็ว ทำเร็ว พูดเร็ว จะทำให้คุณจดจำรายละเอียดต่างๆได้น้อยลง แต่ถ้าหากคุณทำให้ช้าลงหน่อย ค่อยๆคิด ค่อยๆทำ และใส่ใจในรายละเอียดของแต่ละสิ่งที่ทำมากขึ้น สมองของคุณก็จะจดจำเรื่องราวต่างๆได้มากขึ้น อาการขี้หลงขี้ลืมก็จะดีขึ้นด้วย
ลองนำเทคนิคพวกนี้ไปปรับใช้ดู น่าจะช่วยเรื่องความจำได้ไม่มากก็น้อย แต่หากวิธีที่ผมนำมาเสนอยังไม่ได้ผลและเกิดอาการหลงลืมบ่อยครั้งมากขึ้น หรือเป็นเรื้อรัง นั่นอาจเป็นสัญญาณของโรคทางสมอง เช่น โรคอัลไซเมอร์ เพื่อป้องกันโรคดังกล่าวเราควรดูแลตนเองให้มากขึ้น และ เข้าพบแพทย์เพื่อรับคำปรึกษาเมื่อเกิดปัญหาด้านความจำ เพื่อไม่ให้อาการเหล่านี้กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
ขอขอบคุณ
ข้อมูล :Wararin
ภาพ :iStock
‘นาซา’ ขอคืนซากแมลงสาบทดลอง พร้อมฝุ่นจากดวงจันทร์ หลังมีผู้นำออกประมูล
28 มิถุนายน 2565 : องค์การอวกาศสหรัฐ เรียกร้องให้ระงับการขายฝุ่นจากดวงจันทร์และซากแมลงสาบที่มาจากปฏิบัติการ Apollo 11 หลังจากพบว่า มีสถาบันประมูลนำออกมาประกาศขายและทำยอดในการประมูลได้มากกว่า 14 ล้านบาท
หลังจากที่องค์การอวกาศสหรัฐ หรือ ‘นาซา’ (NASA) พบว่าสถาบันการประมูล ‘Remarkable Rarities Auction’ (RR) จากเมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ นำสิ่งของจากปฏิบัติการ Apollo 11 เมื่อปี 2512 ออกมาประมูลในช่วงเดือน พ.ค.-มิ.ย.นี้ ก็ได้มีการเรียกร้องให้หยุดยั้ง และถอนสิ่งของเหล่านี้ออกจากการประมูล เนื่องจากถือว่ายังเป็นสมบัติในครอบครองของนาซา
ตามข้อมูลของสถาบันประมูล RR ซากแมลงสาบและเศษฝุ่นจากดวงจันทร์ เป็นสิ่งที่เคยนำมาใช้ในการทดลองของปฏิบัติการ Apollo 11 เพื่อหาคำตอบว่า เศษฝุ่นจากดวงจันทร์มีจุลินทรีย์ที่ก่อให้โรค ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตบนโลกนี้ ปนอยู่ด้วยหรือไม่
ของชิ้นสำคัญในการประมูลที่โดนเพิกถอนไปนั้น ประกอบด้วยซากแมลงสาบสายพันธุ์เยอรมัน 3 ตัว และฝุ่นจากดวงจันทร์น้ำหนัก 40 มก. โดยเริ่มเปิดประมูลในวันที่ 25 พ.ค. 2565 เป็นวันแรก และสามารถทำยอดการประมูลได้ถึง 400,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 14.12 ล้านบาท)
ตัวแทนทางกฎหมายของนาซา ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. ที่ผ่านมาว่า สิ่งของดังกล่าวมาจากการทดลองขององค์การ ถือเป็นสมบัติของราชการ ซึ่งไม่มีบุคคล สถานศึกษา หรือหน่วยงานเอกชนใด ๆ ได้รับอนุญาตให้เก็บรักษาไว้เป็นการส่วนตัว หลังจากผ่านการวิเคราะห์วิจัย ทำลาย หรือใช้ประโยชน์อื่น ๆ โดยเฉพาะการนำออกจำหน่ายหรือจัดแสดง
สถาบันประมูล RR ได้ระงับการประมูลไปเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 23 มิ.ย. 2565 แต่ยังไม่มีการส่งของคืนให้ทางนาซา ทั้งที่ตัวแทนกฎหมายของนาซา ได้ส่งจดหมายแจ้งให้สถาบัน RR ร่วมกับผู้ที่ถือครองวัตถุทั้งสองชิ้นในปัจจุบัน ส่งคืนสิ่งของทั้งหมดให้องค์การตั้งแต่วันที่ 22 มิ.ย. ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ทางตัวแทนกฎหมายของสถาบันการประมูล RR ก็ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า พร้อมให้ความร่วมมือกับทางการและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเต็มที่
แหล่งข่าว : insider.com
เครดิตภาพ : rrauction.com
ดวงดาวที่รอดชีวิตจากซุปเปอร์โนวา
28 มิ.ย. 2565:ซุปเปอร์โนวาคือการระเบิดครั้งใหญ่ของดาวฤกษ์ โดยเฉพาะการระเบิดนิวเคลียร์ความร้อน หรือเทอร์โมนิวเคลียร์ของซุปเปอร์โนวาที่ฉีกทำลายล้างแม้แต่ดาวแคระขาวที่เป็นซากของดาวฤกษ์นั้นๆไปอย่างสิ้นเชิง โดยไม่ทิ้งอะไรไว้เบื้องหลัง แต่บางครั้งก็มีเรื่องเหลือเชื่อให้นักดาราศาสตร์ค้นพบ
เมื่อเร็วๆนี้ทีมนักดาราศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานตา บาร์บารา และหอดูดาวลาส คุมเบร ในสหรัฐอเมริกาเผยว่า หลังจากส่องดูด้วยกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลไปยังที่ตั้งของซุปเปอร์โนวาที่มีการระเบิดแบบเทอร์โมนิวเคลียร์ชนิดพิเศษแบบ Type Iax supernova
ซึ่งซุปเปอร์โนวาได้รับการตั้งชื่อว่า SN 2012Z ทีมนักดาราศาสตร์ก็ต้องตกตะลึงเมื่อพบว่ามีดวงดาวเหลือรอดจากการระเบิดอย่างรุนแรง และไม่เพียงแต่จะรอดชีวิต ดาวดวงนั้นยังสว่างขึ้นหลังจากเหตุการณ์ซุปเปอร์โนวามากกว่าที่เคยเป็นมาด้วยเช่นกัน ซึ่งการค้นพบนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อวงการดาราศาสตร์
ทั้งนี้ ในปี 2553 ซุปเปอร์โนวา SN 2012Z ถูกตรวจพบในกาแล็กซีทรงกังหันชื่อ NGC 1309 ที่อยู่ใกล้เคียง และได้รับการศึกษาในเชิงลึกและจับภาพจากกล้องฮับเบิลจำนวนมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่มีการระบุดาวที่เป็นต้นกำเนิดของซุปเปอร์โนวา.
Galaxy NGC 1309. Credit : NASA, ESA, The Hubble Heritage Team (STSCI/AURA), and A. Riess (JHU/STSCI)