ครบเครื่อง
ญ. อมตะ



พบ “พระจันทร์น้อย” ดวงใหม่ โคจรรอบดาวยูเรนัส

องค์การอวกาศและการบินสหรัฐหรือ “นาซา” ประกาศวานนี้ (19 ส.ค. 2568) ถึงการค้นพบพระจันทร์ดวงใหม่ของดาวยูเรนัสที่มีขนาดเล็กมาก

ดวงจันทร์ดวงนี้มีชื่อชั่วคราวว่า S/2025 U1 ถูกค้นพบครั้งแรกเมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมาโดยกล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เวบบ์ มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 10 กิโลเมตร และเป็นดวงจันทร์ลำดับที่ 29 ของดาวยูเรนัสที่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ

มาเรียม เอล มูทามิด หัวหน้าทีมนักวิจัยจากสถาบันวิจัยเซาท์เวสท์ รีเสิร์ช กล่าวว่า การค้นพบครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากดวงจันทร์ S/2025 U1 เป็นวัตถุขนาดเล็กที่แม้แต่ยานสำรวจวอยเอเจอร์ 2 ก็ยังไม่สามารถมองเห็นได้เมื่อครั้งโคจรผ่านดาวยูเรนัสเมื่อเกือบ 40 ปีที่แล้ว...

แมทธิว ทิสคาเรโน สมาชิกทีมวิจัยจากสถาบัน SETI เสริมว่า ไม่เคยมีดาวเคราะห์ดวงไหนที่มีดวงจันทร์ขนาดเล็กอยู่ใกล้ตัวจำนวนมากเท่ากับดาวยูเรนัส และความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างดวงจันทร์กับวงแหวนที่เบาบางของดาวยูเรนัสบ่งชี้ว่าประวัติศาสตร์วิวัฒนาการของดาวดวงนี้อาจมีความวุ่นวายอย่างมาก...

ดวงจันทร์ดวงใหม่นี้โคจรอยู่ห่างจากใจกลางดาวยูเรนัสประมาณ 56,000 กิโลเมตร และมีวงโคจรเกือบเป็นวงกลม

ตามปกติแล้วดวงจันทร์ของดาวยูเรนัสจะถูกตั้งชื่อตามตัวละครจากผลงานของวิลเลียม เชกสเปียร์ หรืออเล็กซานเดอร์ โป๊ป ส่วนดวงจันทร์ดวงใหม่นี้ ทางนาซาระบุว่า จะมีการตั้งชื่ออย่างเป็นทางการโดยสหพันธ์ดาราศาสตร์สากลต่อไป...

ที่มา : news.sky.com

เครดิตภาพ : NASA, ESA, CSA, STScI, M. El Moutamid (SwRI), M. Hedman (University of Idaho)...


ฮือฮา ลูกไฟสว่างวาบ พุ่งตกจากท้องฟ้า เห็นได้หลายพื้นที่ในญี่ปุ่น ...

เจแปนทูเดย์ รายงานว่า โซเชียลมีเดีย ต่างพากันรายงานข่าวการพบเห็นวัตถุลึกลับที่ส่องสว่างเหนือท้องฟ้าทางตะวันตกของประเทศญี่ปุ่น ในคืนวันอังคารที่ผ่านมา...

สำนักข่าวเกียวโด ที่กำลังรายงานเหตุการณ์สดเหตุภูเขาไฟ บนภูเขาไฟซากุระจิมะ ในจ.คาโกชิมะ จับภาพเหตุการณ์ดังกล่าวได้ เมื่อเวลา 23.08 น. เจ้าหน้าที่จากสำนักงานอุตุนิยมวิทยาคาโกชิมะ สังกัดสำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น ระบุว่า “น่าจะเป็นลูกไฟหรือ ดาวตก”...

ช่วงเวลาราว 4 วินาที ที่ลูกไฟขนาดเล็กตกลงมาจากท้องฟ้ายามค่ำคืน และเปลี่ยนสีในเวลาสั้นๆ ปรากฏให้เห็นในหลายจังหวัด ในภูมิภาคคิงกิ คิวชู และ ชิโกกุ

“การได้เห็นวัตถุที่เปล่งแสงวาบรุนแรงเช่นนี้ อาจเป็นโอกาสเพียงครั้งเดียวในรอบปี” คาซึโยชิ อิมามูระ ภัณฑารักษ์ประจำศูนย์วิทยาศาสตร์อะนัน ในจังหวัดโทคุชิมะ ผู้บันทึกภาพเหตุการณ์ดังกล่าวเปิดเผย...

ตำรวจท้องถิ่นกล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้


ห้องสมุดสุดอัศจรรย์! ถูกบรรจงสร้างบนผาหินชัน ท้าทายความกล้าเข้าเยี่ยมชม...

ทึ่ง! ‘ห้องสมุดเมี่ยนฮวา’ สุดยอดสถานที่อ่านหนังสือแห่งโลก ถูกแกะสลักอยู่ในถ้ำบนหน้าผาหินชัน ใกล้หมู่บ้านเมี่ยนฮวา ในมณฑลกวางสี ประเทศจีน

ตั้งแต่เปิดให้บริการในเดือนพฤษภาคมปีนี้ “ห้องสมุดเมี่ยนฮวา” ได้รับความนิยมอย่างมากในโซเชียลมีเดียของจีน โดยปกติแล้วห้องสมุดมักไม่ค่อยเป็นที่สนใจในโลกออนไลน์ แต่นี่ไม่ใช่ห้องสมุดธรรมดา เพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าทึ่ง ไม่เพียงแต่สำหรับคนรักหนังสือ แต่ยังสำหรับนักเดินทางที่ต้องการชมวิวสุดงดงามอีกด้วย

ห้องสมุดเมี่ยนฮวาตั้งอยู่บนขอบหน้าผาสูงลิบลิ่ว ท่ามกลางธรรมชาติสีเขียวขจี ซึ่งดูแล้วอาจเหมือนกับสิ่งที่สร้างขึ้นโดยปัญญาประดิษฐ์ แต่แท้จริงแล้ว! นี่คือสถานที่จริงที่ทุกคนสามารถเยี่ยมชมได้ เพียงแต่ต้องพร้อมสำหรับการเดินทางที่ท้าทายเพื่อไปถึงที่นั่น

โดยภายนอกของห้องสมุดสร้างความประทับใจแรกพบด้วย “ทางเดินไม้” และ “ระเบียง” ที่แขวนอยู่บนผาหิน แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนต้องตะลึงคือภายในของห้องสมุดเมี่ยนฮวาที่ตั้งอยู่ในถ้ำขนาดใหญ่ ซึ่งมีหนังสือหลายพันเล่มเรียงรายตามผนังที่ไม่เรียบเสมอกัน

ห้องสมุดตั้งอยู่ในพื้นที่ชนบท แม้ว่าจะเปิดโอกาสให้ชุมชนท้องถิ่นเข้าถึงหนังสือได้ แต่จริง ๆ แล้วมันกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วประเทศมาเยี่ยมชมแล้ว...

เรียกได้ว่า ด้วย “ความสวยงาม” และ “เอกลักษณ์เฉพาะตัว” ของเมี่ยนฮวา ห้องสมุดแห่งนี้จึงไม่ใช่เพียงแค่สถานที่สำหรับอ่านหนังสือ แต่กลายเป็นจุดหมายสำคัญที่นักท่องเที่ยวทั่วประเทศไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนมณฑลกวางสี ที่ประเทศจีน...

ขอบคุณที่มา: odditycentral...


เพื่อนตัวเล็ก - จากสัตว์ตัวแรกสู่พันล้านชีวิต 75 ปีองค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก

ตลอด 75 ปีที่ผ่านมา องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก หรือ World Animal Protection ขับเคลื่อนภารกิจเพื่อยุติความทุกข์ทรมานของสัตว์ทั่วโลก

เริ่มต้นจากการลงพื้นที่ช่วยเหลือในจุดที่ต้องการมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการเปิดศูนย์พักพิงสัตว์ที่ถูกทารุณในคอสตาริกา หรือสนับสนุนคลินิกสัตว์เคลื่อนที่เพื่อดูแลม้าและลาที่ต้องทำงานหนักในสภาพแวดล้อมอันโหดร้ายในโคลัมเบีย อัฟกานิสถานและกัมพูชา

ก่อนที่เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในสาธารณรัฐซูรินาม เมื่อปี พ.ศ. 2507 จะกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เมื่อภาพสัตว์ป่าที่หิวโหยและหวาดกลัวยืนเกาะต้นไม้ท่ามกลางกระแสน้ำ จุดประกายให้เกิด “Operation Gwamba” ภารกิจช่วยชีวิตสัตว์กว่า 10,000 ตัว และกลายเป็นต้นแบบระดับโลกของการปกป้องสัตว์ในภาวะภัยพิบัติ

ปัจจุบันองค์กรมีสำนักงานใน 12 ประเทศ และดำเนินงานใน 47 ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย เพื่อให้เสียงของสัตว์ได้รับการรับฟังและไม่มีชีวิตใดต้องเผชิญความทุกข์เพียงลำพังอีกต่อไป

สัตว์กว่า 80 พันล้านตัวทั่วโลกกำลังทนทุกข์ทรมานในฟาร์มอุตสาหกรรม ขณะที่สัตว์ป่าอีก 5.5 พันล้านตัวถูกเลี้ยงไว้ในระบบฟาร์มเชิงพาณิชย์ที่โหดร้าย องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลกถือกำเนิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2493 ซึ่ง 75 ปีที่ผ่านมา องค์กรเดินหน้าต่อสู้เพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตเหล่านี้ ไม่ใช่แค่ในพื้นที่เกิดเหตุ แต่ในระดับระบบรัฐและอุตสาหกรรม เพราะเชื่อว่าสัตว์ไม่ควรถูกทำร้ายเพื่อความบันเทิง ไม่ควรเกิดมาเพื่อถูกขังในฟาร์มอุตสาหกรรม และไม่ควรเป็นเพียงทรัพย์สินหรือสินค้าในสายตาของมนุษย์

องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลกร่วมกับคนกว่า 1.4 ล้านคน หยุดกฎหมายล่าสัตว์ในบราซิล ผลักดันบริษัทท่องเที่ยวระดับโลกให้เลิกขายกิจกรรมที่ทารุณสัตว์ เปิดโปงฟาร์มจระเข้ที่ทุกข์ทรมานของแบรนด์หรู จนเกิดแรงกระเพื่อมในวงการแฟชั่นทั่วโลกที่เวียดนาม องค์กรฯ ร่วมมือกับรัฐบาลยุติการสกัดน้ำดีจากหมี จากหลายพันตัวเหลือไม่ถึง 300 ตัวในฟาร์ม และที่ประเทศไทยองค์กรฯ ร่วมกับปางช้างกว่า 10 แห่ง เปลี่ยนผ่านสู่การท่องเที่ยวอย่างมีจริยธรรมและเป็นมิตรต่อช้าง

สํานักงานประเทศไทยก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2550 โดยทำงานร่วมกับมูลนิธิพิทักษ์สัตว์แห่งโลก (ประเทศไทย) ตั้งแต่โครงการวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า การเปิดตัว ChangChill ปางช้างแบบไม่ขี่แห่งแรกของโลก ไปจนถึงการสร้างเครือข่าย FANSEA ที่ขยายผลงานสู่ระดับภูมิภาค สนับสนุน 8 องค์กรใน 4 ประเทศเพื่อยุติความทุกข์ทรมานของฟาร์มแบบโรงงาน ตลอดจนยังคงช่วยเหลือสัตว์เมื่อภัยพิบัติมาเยือน รวมถึงมหาอุทกภัยภาคเหนือและแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในเมียนมาที่ผ่านมา ประเทศไทยกลายเป็นหนึ่งในพลังขับเคลื่อนสำคัญของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ผลักดันการปกป้องสัตว์สู่ระดับภูมิภาค

ทริเซีย โครสดอล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก กล่าวว่า “75 ปีแห่งประวัติศาสตร์นำเรามาถึงจุดนี้ แต่ผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเรายังอยู่ข้างหน้า เราจะสร้างโลกที่สัตว์เป็นอิสระจากความทุกข์ รัฐบาลและบริษัทมีความรับผิดชอบและความเมตตาเป็นพื้นฐานของการตัดสินใจ”

เธอชี้ว่าการปกป้องสัตว์วันนี้ไม่ใช่แค่เรื่องจริยธรรม แต่คือการรับมือกับวิกฤตโลก-โรคระบาด ภัยพิบัติ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แนวคิด “One Health” ที่เชื่อมโยงสุขภาพของคน สัตว์และสิ่งแวดล้อม จึงกลายเป็นหัวใจของยุทธศาสตร์ใหม่ที่ใช้ขับเคลื่อนเวทีโลก

“เราจะไม่หยุดจนกว่าสัตว์ทุกตัวจะได้รับการปกป้อง” ทริเซียประกาศ พร้อมเผยแผนงานที่มุ่งสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงระบบที่รากฐาน การยกเลิกฟาร์มอุตสาหกรรมที่โหดร้าย การยุติอุตสาหกรรมความบันเทิงที่เอาเปรียบสัตว์และการสร้างระบบอาหารที่ยั่งยืน “ทั้งหมดนี้คืออนาคตที่เราจะร่วมกันสร้าง”

75 ปีของประวัติศาสตร์พิสูจน์แล้วว่าเมื่อเราร่วมมือกัน การเปลี่ยนแปลงที่ดูเป็นไปไม่ได้ก็เป็นจริงได้ ในโอกาสครบรอบ 75 ปี ขอเชิญชวนร่วมแสดงพลังด้วยแคมเปญ “อย่าลืมพวกเขา – Don’t Forget Them” ด้วยการสนับสนุนการช่วยเหลือสัตว์ 4 กลุ่มเปราะบาง ได้แก่ สัตว์ในชุมชน สัตว์ในฟาร์มอุตสาหกรรม สัตว์ในภัยพิบัติและ สัตว์ที่ถูกเอาเปรียบในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว

เพราะสัตว์ควรได้รับการเคารพ เพราะมนุษย์อยู่ร่วมกับสัตว์ได้อย่างสมดุลและเพราะโลกของเราจะดีขึ้นเมื่อไม่มีสัตว์ตัวไหนถูกทอดทิ้ง

ร่วมสนับสนุนเพื่อสร้างโลกที่สัตว์ทุกตัวได้รับการปกป้อง ไม่มีสัตว์ตัวใดต้องทุกข์ทน ถูกลืม หรือถูกทำร้ายอีกต่อไป www.worldanimalpro tection.or.th เฟซบุ๊ก WorldAnimalProtection Thailand


สืบสานประเพณี!'ไคยจูวหล่าเขาะว์'เรียกขวัญของชาวกะเหรี่ยงแห่งบ้านโมระข่า สังขละบุรี

ชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยงใน อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ร่วมกันสืบสานประเพณีเก่าแก่ "ผูกข้อมือเรียกขวัญเดือนเก้า" หรือ "ไคยจูวหล่าเขาะว์" เพื่อเรียกขวัญที่อาจหลงหายไปจากตัวให้กลับคืนมาสู่ร่างกาย สร้างขวัญและกำลังใจในการดำเนินชีวิตตามความเชื่อดั้งเดิม

ทุกวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 9 ของทุกปี ชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยงบ้านโมระข่า อ.สังขละบุรี จะรวมตัวกันที่วัดโมระข่าเพื่อร่วมพิธี "ผูกข้อมือเรียกขวัญเดือนเก้า" หรือ "ไคยจูวหล่าเขาะว์" โดยในปีนี้มีชาวบ้านจากหมู่บ้านใกล้เคียงมาร่วมพิธีอย่างคับคั่งเช่นกัน

ในพิธีช่วงเช้า ผู้เข้าร่วมจะทำบุญตักบาตรและกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้ญาติผู้ล่วงลับ จากนั้นจึงเข้าสู่พิธีผูกข้อมือ ซึ่งจะมีการใช้เด็กชายหญิง 7 คู่ ถือเครื่องประกอบพิธีที่บรรจุสิ่งมงคลอันเป็นตัวแทนของความสุขและความเจริญรุ่งเรือง เช่น ข้าวสุก ด้ายสีขาว กล้วย และอ้อย ซึ่งล้วนมีความหมายเชิงสัญลักษณ์ที่ลึกซึ้ง

ผู้สูงอายุที่ได้รับการยกย่องจากชาวบ้านในด้านการใช้ชีวิตอันดีงาม จะเป็นผู้ประกอบพิธี โดยจะนำสิ่งของมงคลมาวนรอบเทียนและผูกด้ายสีขาวที่ข้อมือของผู้เข้าร่วม พร้อมกับกล่าวคำเรียกขวัญเป็นภาษากะเหรี่ยงว่า "ปรื้อยหล่า ปรื้อยหล่า" เพื่อเรียกขวัญที่อาจหายไปกลับคืนสู่ร่างกาย และขอพรให้ทุกคนปราศจากทุกข์โศกโรคภัย มีแต่ความสุขความเจริญ

นายทน ศรีวัฒนา ปราชญ์ชาวบ้าน กล่าวว่า ชาวกะเหรี่ยงเชื่อว่ามนุษย์มีขวัญ 7 ตัวคอยปกปักรักษา แต่เมื่อตกใจจากเหตุการณ์ต่างๆ ในป่า ขวัญอาจหายไปจนทำให้เจ็บป่วยได้ ดังนั้นพิธีนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อจิตใจ เพื่อให้ทุกคนมีสุขภาพกายและใจที่แข็งแรงดังเดิม