

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 9 ธันวาคม ที่บ้านเลขที่ 100 หมู่ 11 อำเภอหนองพอก จังหวัดร้อยเอ็ดพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ นายชัชวาล เบญจสิริวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เชิญตะกร้าสิ่งของพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ไปมอบแก่ญาติของจ่าสิบเอก ศตวรรษ สุจริต กำลังพลที่เสียชีวิตจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2568
ต่อจากนั้น เวลา 14.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ นายชัชวาล เบญจสิริวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เชิญพวงมาลาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพวงมาลาของสมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ไปวางที่หน้าหีบศพ จ่าสิบเอก ศตวรรษ สุจริต กำลังพลที่เสียชีวิตจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2568 โดยตั้งศพบำเพ็ญกุศล ณ บ้านเลขที่ 100 หมู่ 11 อำเภอหนองพอก จังหวัดร้อยเอ็ด
จากนั้นเวลา 17.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ นายณรงค์ เทพเสนา ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เชิญพวงมาลาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพวงมาลาของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ไปวางที่หน้าหีบศพ นางสาวสมจิตร สุกรี ราษฎรที่เสียชีวิตจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2568 โดยตั้งศพบำเพ็ญกุศล ณ วัดบ้านหนองเงินน้อย อำเภอเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี
ในโอกาสนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ และเจ้าคุณพระสินีนาถ พิลาสกัลยาณี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม และโปรดให้ ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ดเชิญพวงมาลาพระราชทาน และพวงมาลาประทาน วางที่หน้าหีบศพด้วย
ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมทรงรับศพผู้เสียชีวิตไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมในการพระราชทานน้ำหลวง และพระราชทานเพลิงศพเป็นกรณีพิเศษด้วย ยังความปลื้มปีติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแก่ครอบครัวของกำลังพลที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว อย่างหาที่สุดมิได้..
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.matichon.co.th/royal/news_5497126
จากการรายงานของกองทัพภาคที่ 2 เผยว่าฝ่ายกัมพูชา นำโดรนพลีชีพ (Kamikaze UAV) มาใช้ในการปะทะครั้งนี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อระบุพิกัดและทำลายฐานที่มั่นของทหารไทย
โดรนพลีชีพ ทำงานอย่างไร
โดรนพลีชีพ (Kamikaze UAV) เป็นอาวุธโจมตีทางอากาศแบบไร้คนขับ ลักษณะการทำงานคือเมื่อปล่อยโดรนแล้วจะทำการบินสำรวจเหนือพื้นที่เป้าหมาย จากนั้นก็ใช้กล้องและระบบ GPS สแกนและยืนยันเป้าหมายที่ต้องการโจมตี เมื่อเจอเป้าหมาย โดรนจะพุ่งดิ่งด้วยความเร็วสูงและระเบิดเมื่อปะทะ
คุณสมบัติสำคัญคือการทำลายตัวเองพร้อมกับทำลายเป้าหมาย สามารถบินรออยู่เหนือพื้นที่เป้าหมายได้นาน ก่อนตัดสินใจโจมตี รวมทั้งยังติดตั้งหัวรบและระบบนำวิถีที่สามารถโจมตีเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ และมีต้นทุนต่ำกว่าขีปนาวุธแบบดั้งเดิม โดยนำมาใช้ในการรบเพื่อทำลายเป้าหมายทางยุทธวิธี เช่น รถถัง, ยานพาหนะ, หรือโครงสร้างสำคัญ
การปะทะในครั้งนี้ มีรายงานข่าวจาก กองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า ในช่วงเช้าของวันนี้ (9 ธ.ค. 2568) ฝ่ายกัมพูชาได้ระดมยิงด้วยอาวุธนานาชนิด โดยยิงจรวด BM-21 และปืนใหญ่ พร้อมโดรนทิ้งระเบิด มาฝั่งไทยบริเวณตำบลกระสุนตกในแผ่นดินไทยพื้นที่ ปราสาทตาควาย, ปราสาทตาเมือน, ช่องปลดต่าง, เขาพระวิหาร, ช่องระยี, ภูมะเขือ, เนิน 600, บ้านภูมิซรอล ม.12, ช่องอานม้า, ช่องบก, ปราสาทตาควาย, พลาญยาว
สำหรับตำบลกระสุนตก ที่ทางฝ่ายกัมพูชาใช้โดรนพลีชีพถล่มลงหนัก ในพื้นที่ พญาสัตบรรณ, ช่องอานม้า, เนิน 561 ส่งผลให้มีทหารไทยเสียชีวิตจากการถูกโจมตีด้วยโดรนทิ้งระเบิดและโดรนพลีชีพในบางพื้นที่ปะทะ เช่น บริเวณฐานปฏิบัติการภูผาเหล็ก และพื้นที่กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ
เนื่องจากเหตุการณ์ปะทะระหว่างไทยและกัมพูชาในพื้นที่บริเวณชายแดน ส่งผลให้ประชาชนต้องอพยพจากบ้านเรือน รวมถึงทหารที่ได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ซึ่งเราได้รวมที่รับบริจาคเลือด รวมถึงสิ่งของและเงินเพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยมาให้ดังต่อไปนี้
1. บริจาคเลือด
โรงพยาบาลในจังหวัดชายแดนหลายแห่งประกาศขอรับบริจาคเลือดเพื่อสำรองใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ทั้งสำหรับทหารและประชาชน โดยสามารถไปบริจาคได้ที่
จ.อุบลราชธานี
รพ.สรรพสิทธิประสงค์ งานธนาคารเลือด ชั้น 2 อาคารผ่าตัดฯ (ทุกวัน 09.00-19.00 น.)
รพ.ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ ห้องบริจาคโลหิต ชั้น 2 อาคารเฉลิมพระเกียรติ (วันเวลาราชการ)
ภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ 7 (ใกล้หอนาฬิกาอุบลฯ)
จ.ศรีสะเกษ
รพ.ศรีสะเกษ: ธนาคารเลือด อาคาร 10 ชั้น 2 (ทุกวัน 08.30-16.00 น.)
จ.สุรินทร์:
รพ.สุรินทร์: คลังเลือด อาคารพยาธิวิทยา ชั้น 2 (ทุกวัน 08.30-16.00 น.)
จ.บุรีรัมย์:
รพ.บุรีรัมย์ และ รพ.นางรอง
ส่วนกลาง
กรุงเทพฯ: ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ถ.อังรีดูนังต์ โดยระบุว่าบริจาคสมทบทุนคลังเลือดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
2. บริจาคสิ่งของ
ไปรษณีย์ไทย ได้เปิดโครงการพิเศษ “ส่งน้ำใจไปชายแดน” ให้คุณส่งของบริจาคได้ฟรี (กล่องละไม่เกิน 5 กก.) ตั้งแต่วันนี้ - 19 ธ.ค. 2568 โดยจ่าหน้าถึง “ตู้ ปณ.ศูนย์อพยพเหตุไทย–กัมพูชา” ตามด้วยรหัสไปรษณีย์จังหวัดปลายทางที่ต้องการส่งไปช่วยเหลือ ได้แก่
อ.เขาฉกรรจ์ จ.สระแก้ว 27000
อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ 31000
อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ 33000
อ.เมือง จ.อุบลราชธานี 34000 (นำไปฝากส่งที่เคาน์เตอร์ไปรษณีย์ได้ทุกสาขาทั่วประเทศ)
สิ่งของที่ต้องการ ได้แก่
อาหารแห้ง เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป, ปลากระป๋อง
ของใช้ส่วนตัว เช่น สบู่, ยาสีฟัน, ผ้าอนามัย, ผ้าอ้อมเด็ก/ผู้ใหญ่
ยากันยุง
เสื้อผ้า/ผ้าห่ม ที่มีสภาพดี
งดส่งของเหลวและอาหารสด
จุดรับบริจาคในพื้นที่ (สำหรับผู้อยู่ใกล้เคียง)
จ.ศรีสะเกษ: หอประชุมอำเภอเมือง (ศาลากลางจังหวัด)
จ.สุรินทร์: ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด (ศาลากลางชั้น 1) และที่ว่าการอำเภอทุกแห่ง
กรุงเทพฯ: ศาลาว่าการ กทม. (เสาชิงช้า) และสำนักงานเขตทั้ง 50 เขต (ตรวจสอบเวลาทำการก่อนเดินทาง)
3. บริจาคเงิน
ขณะนี้ยังไม่มีบัญชีกลางฉุกเฉินระดับประเทศที่เปิดขึ้นมาเฉพาะกิจสำหรับเหตุการณ์นี้โดยเฉพาะ ขอให้ระมัดระวังการโอนเงินเข้าบัญชีส่วนบุคคลที่แอบอ้าง แนะนำให้บริจาคผ่านองค์กรที่เชื่อถือได้และมีภารกิจหลักในพื้นที่ ดังนี้
สภากาชาดไทย: เพื่อสนับสนุนภารกิจบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัย และนำไปลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า ผ่านระบบ e-Donation โดย Scan QR Code ด้วย Mobile Banking Application ที่ www.letthemseelove.com/donate
โรงพยาบาลในพื้นที่: สามารถบริจาคเข้ากองทุนพัฒนาตึกหรือจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์ของ รพ. ประจำจังหวัดนั้นๆ ได้โดยตรง เช่น รพ.สรรพสิทธิประสงค์, รพ.สุรินทร์ ซึ่งจะได้ช่วยค่ารักษาพยาบาลทหารและประชาชนโดยตรง
เนื่องจากสถานการณ์มีความอ่อนไหว การช่วยเหลือผ่านสิ่งของ เช่น อาหารแห้ง ของใช้ต่างๆ และเลือด เป็นสิ่งที่ทางพื้นที่ต้องการมากที่สุดและถึงมือผู้เดือดร้อนเร็วที่สุดในขณะนี้
ผู้เชี่ยวชาญเผย 7 ผลไม้ วิตามินซีสูง มีส่วนช่วยในการบำรุงปอด เสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย สามารถต้านโรคในหน้าหนาวได้ แถมหากินง่ายมาก เมื่ออากาศเริ่มเย็นและแห้ง ระบบทางเดินหายใจจะอ่อนแอต่อไวรัส แบคทีเรีย และมลพิษทางอากาศ จึงจำเป็นต้องปกป้องปอด
โดยเฉพาะการเพิ่มความชุ่มชื้นและเสริมภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ
7 ผลไม้บำรุงปอดช่วงอากาศหนาว
1. มะนาว มะนาวเป็นที่รู้จักกันว่าเป็น “แหล่งสะสมวิตามินซี” ตามธรรมชาติ ซึ่งจำเป็นต่อการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและต่อสู้กับโรคหวัดทั่วไปในฤดูหนาว นอกจากนี้ยังมีกรดอินทรีย์ที่มีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรียที่ดีเยี่ยม การดื่มน้ำมะนาวอุ่น ๆ ไม่เพียงแต่ช่วยเสริมวิตามินซีเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ชุ่มคอ ช่วยต่อสู้กับแบคทีเรียในระบบทางเดินหายใจอีกด้วย
2. ลูกแพร์ ลูกแพร์ช่วยลดอาการผิวแห้งและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับปอด มีฤทธิ์ในการดับร้อน ขับสารพิษ กระตุ้นการผลิตน้ำ ซึ่งดีต่อปอด หลอดลม และระบบทางเดินหายใจส่วนบนเป็นอย่างมาก งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าการรับประทานลูกแพร์เป็นประจำสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของปอดและปกป้องปอดจากผลกระทบด้านลบของมลพิษทางอากาศ
3. กีวี กีวีขึ้นชื่อว่าอุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินอี และไฟเบอร์ วิตามินซีสูงในกีวีเป็นเกราะป้องกันร่างกายจากไวรัสหวัดและโรคติดเชื้อได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ กีวียังมีเซโรโทนินซึ่งช่วยปรับอารมณ์ให้คงที่ และไฟเบอร์ยังช่วยย่อยอาหาร ซึ่งเป็นรากฐานของร่างกายที่แข็งแรง
4. แอปเปิ้ล แอปเปิ้ลอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติ เช่น วิตามินซี วิตามินอี และโพลีฟีนอล สารประกอบเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยปกป้องสุขภาพของระบบหัวใจและหลอดเลือดและระบบหลอดเลือดสมองเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างการทำงานของปอด ช่วยให้ระบบทางเดินหายใจทำงานได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น
5. ทับทิม ทับทิมอุดมไปด้วยแร่ธาตุ โดยเฉพาะสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลังสองชนิด ได้แก่ แอนโทไซยานินและโพลีฟีนอล นอกจากนี้ ทับทิมยังมีวิตามินซีและกรดโฟลิก ซึ่งช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวและเยื่อบุทางเดินหายใจได้อย่างรวดเร็ว
6. องุ่น องุ่นถือเป็นขุมทรัพย์แห่งสารอาหาร ด้วยสารแอนโทไซยานินในเมล็ดซึ่งมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าวิตามินซีหลายเท่า องุ่นยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุและฟลาโวนอยด์ ซึ่งมีฤทธิ์ชะลอวัยและกำจัดอนุมูลอิสระในร่างกาย นอกจากนี้ องุ่นยังมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ช่วยให้ร่างกายขับสารพิษที่สะสมหลังฤดูร้อนและคลายความร้อน
7.พริกหวาน แม้ว่าจะถูกจัดเป็นผัก แต่กลับมีวิตามินซีสูง เหนือกว่าผลไม้รสเปรี้ยวหลายชนิด วิตามินซีที่มีอยู่มากมายในพริกหวานช่วยเสริมสร้างผนังหลอดเลือดและเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน มีบทบาทสำคัญในการปกป้องเซลล์ปอดจากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระและโรคภัยไข้เจ็บในฤดูหนาว
ที่มา: soha... อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.khaosod.co.th/lifestyle/news_10046132
ซีเกมส์ 2025 (SEA Games) หรือ มหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 เริ่มต้นอย่างเป็นทางการแล้ว โดยมีพิธีเปิดซีเกมส์ในวันอังคารที่ 9 ธันวาคม 2568 ซึ่งถือเป็นการแข่งขันกีฬาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้รับความสนใจมากที่สุด แฟนกีฬาจะได้ชมบรรยากาศเชียร์กีฬาที่เต็มไปด้วยสีสัน กระตุ้นความร่วมมือของประเทศสมาชิก พร้อมเปิดโอกาสให้นักกีฬาหน้าใหม่ได้แจ้งเกิดในเวทีนานาชาติ
พิธีเปิดซีเกมส์ ครั้งที่ 33 (SEA Games 2025) ถ่ายทอดสดช่องไหน
สำหรับพิธีเปิดการแข่งขันมหกรรมซีเกมส์ ครั้งที่ 33 หรือ SEA Games 2025 ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ จะมีการจัดพิธีเปิดอย่างยิ่งใหญ่ ณ ราชมังคลากีฬาสถาน กรุงเทพฯ โดยเริ่มในวันที่ 9 ธันวาคม เวลา 19.00 น. ถ่ายทอดสดผ่านทางช่อง NBT, PPTV HD 36, T SPORT 7 และ TrueVision Now
ส่วนไฮไลต์ในพิธีเปิดกีฬาซีเกมส์ 2025 คว้าตัวศิลปินไทยชื่อดัง แบมแบม-กันต์พิมุกต์ ภูวกุล ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกวง GOT7 พร้อมด้วยกองทัพศิลปินอีกมากมาย ส่วนผู้ที่จะมาจุดคบเพลิงในพิธีเปิดซีเกมส์ครั้งนี้ ก็คือ เทนนิส-พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ อดีตนักกีฬาเทควันโดหญิงชาวไทย แชมป์เหรียญทองโอลิมปิก 2 สมัย
ซีเกมส์ 2025 (SEA Games 2025) จัดวันไหน พิกัดสถานที่ไหนบ้าง
การแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 33 หรือซีเกมส์ 2025 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9 - 20 ธันวาคม พ.ศ. 2568 โดยมีประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 7 แล้วที่ประเทศไทยรับหน้าที่เจ้าภาพจัดงาน
สถานที่จัดมหกรรมแข่งขันกีฬาซีเกมส์ 2025 จัดขึ้นที่ กรุงเทพฯ และ จ.ชลบุรี โดยแต่เดิมมีกำหนดจัดที่ จ.สงขลา ด้วย แต่เนื่องจากเกิดเหตุการณ์อุทกภัยน้ำท่วม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จึงต้องย้ายการแข่งขันกีฬาบางชนิดที่จัดในสงขลา ไปจัดที่กรุงเทพฯ และ จ.ชลบุรีแทน
กีฬาซีเกมส์ 2025 มีรายชื่อประเทศอะไรบ้าง
ประเทศที่เข้าร่วมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 (SEA Games 2025) มีทั้งหมดจำนวน 11 ประเทศ ซึ่งเป็นชาติสมาชิกของ ASEAN ได้แก่
1. ไทย (เจ้าภาพ)
2. กัมพูชา
3. อินโดนีเซีย
4. ลาว
5. มาเลเซีย
6. เมียนมา
7. ฟิลิปปินส์
8. สิงคโปร์
9. บรูไน
10. เวียดนาม
11. ติมอร์-เลสเต
ซีเกมส์ 2025 มีจัดแข่งขันกีฬาอะไรบ้าง
ซีเกมส์ 2025 มีการแข่งขันทั้งหมด 50 ชนิดกีฬา พร้อมกีฬาสาธิตอีก 3 ชนิด ครอบคลุมตั้งแต่กีฬามาตรฐานสากล กีฬาโอลิมปิก ไปจนถึงกีฬาพื้นบ้านประจำภูมิภาค เช่น แบดมินตัน, ยิงธนู, กรีฑา, เบสบอล, มวยสากลสมัครเล่น, กอล์ฟ, อีสปอร์ต, ยิมนาสติก, เรือใบ, เซปักตะกร้อ, ยิงปืน, เทควันโด, ยกน้ำหนัก, วอลเลย์บอล เป็นต้น ทำให้ซีเกมส์ปีนี้ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในครั้งที่ท้าทายและน่าสนใจที่สุดของอาเซียน โดยนักกีฬาจะมาร่วมกันชิงชัยทั้งหมดจำนวน 574 เหรียญทอง
อย่างไรก็ตาม การแข่งขันซีเกมส์ 2025 นับเป็นอีกก้าวสำคัญของวงการกีฬาอาเซียน ที่สะท้อนพลังความร่วมมือ และศักยภาพของนักกีฬาทุกประเทศอย่างเต็มเปี่ยม ส่วนเจ้าภาพซีเกมส์ครั้งที่ 34 ก็คือ "ประเทศมาเลเซีย" จะมารับหน้าที่จัดการแข่งขันอย่างยิ่งใหญ่ในปี 2027