ครบเครื่อง
ญ. อมตะ



โรคแพ้ภูมิตัวเอง (SLE) คืออะไร?

ปกติร่างกายจะมีระบบภูมิคุ้มกันตนเองที่ทำหน้าที่ต่อต้านเชื้อโรคต่างๆ แต่ในบางครั้งหากมีปัจจัยกระตุ้นและระบบภูมิคุ้มกันนี้กลับมาทำร้ายตัวเราเอง ต่อต้านเซลล์ในร่างกาย ก็จะเกิดโรคแพ้ภูมิตัวเอง (SLE) ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าระบบภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติขึ้นมาไปต่อต้านเซลล์หรือร่างกายในอวัยวะหรือระบบไหน ซึ่งมีได้หลายระบบเลย และอาการแสดงก็แตกต่างกันออกไป

โรคแพ้ภูมิตัวเอง เป็นโรคที่พบได้ทุกเชื้อชาติ ตั้งแต่วัยรุ่นถึงวัยกลางคน อายุระหว่าง 20-40 ปี แต่จะพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชายมากถึง 8-9 เท่า

สาเหตุของการเกิดโรคที่แท้จริงยังไม่สามารถสรุปได้ แต่เชื่อว่ามีปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้เกิดโรคนี้ได้ เช่น ปัจจัยทางพันธุกรรม ถ้าคุณพ่อคุณแม่มีประวัติเป็นโรคนี้ ลูกก็มีโอกาสเป็นมากขึ้น ปัจจัยสิ่งแวดล้อมที่สำคัญคือ แสงแดด เพราะสามารถกระตุ้นให้โรคกำเริบได้ เนื่องจากเวลาที่แสงแดดกระทบกับผิวหนัง ก็จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีเอ็นเอ หรือการติดเชื้อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นไวรัส แบคทีเรีย ก็ทำให้กระตุ้นโรคนี้ได้ นอกจากนี้ ฮอร์โมนเอสโตรเจนมีโอกาสกระตุ้นให้เกิดโรคนี้มากกว่าในผู้ชาย ส่งผลให้มีสถิติผู้หญิงเป็นมากกว่าผู้ชาย รวมถึงการกินยาบางกลุ่ม เช่น cimetidine, hydralazine, hydrochlorothiazide, mesantoin, para-aminobenzoic acid (PABA) เป็นต้น ก็เป็นหนึ่งในปัจจัยด้วยเช่นกัน

อาการแสดงของโรคแพ้ภูมิตัวเอง จะแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่ว่าเกิดความผิดปกติที่ระบบใดของร่างกาย ซึ่งอาการแสดงบ่อยมักเกิดที่ระบบผิวหนัง โดยพบได้ 70-80% เลย มักจะมารูปของผื่นแพ้แสง เป็นผื่นรูปผีเสื้อ เด่นบริเวณแก้ม จมูก บางรายพบผื่นที่บริเวณหู แผลในเพดานปาก ผมร่วง เป็นต้น

ถ้ามีความผิดปกติระบบข้อ ก็จะมีอาการปวดข้อร่วมด้วย กรณีที่มีอาการปัสสาวะเป็นฟอง อาการบวม หรือหากรุนแรงมากคนไข้ก็อาจจะไตวายได้ แสดงว่าเกิดความผิดปกติที่ไต

ในรายที่มีภาวะซีด เกล็ดเลือดต่ำ เลือดออกง่าย ช้ำง่าย ติดเชื้อง่าย แสดงว่าระบบเลือดผิดปกติ

อาการทางระบบประสาท การรับรู้เปลี่ยนแปลงไป อาการชัก แสดงว่าเกิดความผิดปกติที่ระบบประสาท

หากเกิดที่ปอด ก็จะมีอาการปอดอักเสบ หายใจแล้วเจ็บหน้าอกบริเวณปอด เป็นต้น

การรักษา มีดังนี้

1. แพทย์จะต้องวินิจฉัยโรคให้เร็ว เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้น

2. จะต้องพิจารณาดูว่าโรคเกิดขึ้นที่ระบบใดของร่างกาย ถ้าอาการแสดงน้อยก็อาจจะให้แค่ยากินลดการอักเสบ ยาแก้ปวดร่วมกับยาทาเพื่อลดการอักเสบ โดยเฉพาะอาการทางผิวหนังก็อาจจะมีการทายาในกลุ่มสเตียรอยด์ เพื่อลดการอักเสบบริเวณผิวหนัง และแนะนำป้องกันแสงแดดให้ถูกต้อง

3. ถ้าคนไข้มีอาการทางระบบอื่นๆ ภายในร่างกาย เช่น ระบบไต ปอด ระบบสมอง ระบบเลือดมาเกี่ยวข้อง ก็อาจจะต้องมีการให้ยากดภูมิ ซึ่งเป็นยาในกลุ่มของสเตียรอยด์ ซึ่งยาเหล่านี้ ถ้าคนไข้มีอาการมาก ก็จะต้องใช้ยาในขนาดที่สูงขึ้น และเนื่องจากภูมิคุ้มกันที่ถูกกดอยู่แล้ว ก็จะส่งผลให้คนไข้ติดเชื้อง่าย เพราะฉะนั้นคนไข้กลุ่มนี้จะต้องดูแลตัวเองให้ร่างกายแข็งแรงอยู่เสมอ โดยการพักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงไปในที่ชุมชนแออัด กินอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ และหมั่นออกกำลังกายสม่ำเสมอ

ข้อควรปฏิบัติอื่นๆ มีดังนี้

1. รับประทานยาอย่างสม่ำเสมอ โดยไม่ต้องกังวลว่าการกินยากดภูมิจะทำให้ร่างกายอ่อนแอ เพราะแพทย์จะพิจาณาปริมาณยาให้เหมาะสม

การให้ยากดภูมิในคนไข้โรคภูมิแพ้ตัวเอง เพื่อป้องกันไม่ให้ภูมิไปทำลายอวัยวะอื่นๆ ให้มีอาการแสดงมากขึ้น ดังนั้น การกินยาในขนาดที่เหมาะสม มาตรฐาน จะช่วยป้องกันโรคได้ดีกว่า ไม่แนะนำให้หยุดยาเอง เพิ่มหรือลดยาเอง เนื่องจากการให้ยาอยู่ในความควบคุมของแพทย์

2. หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นที่จะทำให้โรคกำเริบ เช่น หลีกเลี่ยงแสงแดด ทาครีมกันแดด สวมเสื้อแขนยาว เป็นต้น

3. หมั่นดูแลร่างกายให้แข็งอยู่เสมอ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ

แหล่งข้อมูล

อ.นพ.ธีรพงษ์ รัตนนุกรม สาขาวิชาโรคผิวหนัง ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล


“น่อเป๊โจ่วฮ์” ประเพณีปีใหม่ม้ง ความสุข-ความเชื่อ...เหนือกาลเวลา

เสียงหัวเราะสนุกสนานของทั้งเด็กและผู้ใหญ่ดังมาจากหมู่บ้านบนเขาใน อ.พบพระ จ.ตาก การเริ่มต้นเทศกาลปีใหม่ม้ง ซึ่งตรงกับวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 1 ของม้ง และ ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 2 หรือปฏิทินจีน คือ ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 12 ของทุกปี โดยส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงเวลาระหว่างเดือนธันวาคม-มกราคมของทุกปี

เทศกาล “น่อเป๊โจ่วฮ์” หรือปีใหม่ม้ง เป็นงานประเพณีที่ชาวม้งต่างรอคอย เพราะเป็นวันที่ทุกคนจะได้มาพบปะ สังสรรค์ร่วมกันระหว่างกลุ่มญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง ขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์และผู้อาวุโส ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ความสนุกสนานที่เกิดขึ้นเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการสืบทอดประเพณีที่เป็นความสัมพันธ์ทางสังคม ในวิถีความผูกพันและความเชื่อของชนเผ่าที่ปฏิบัติสืบต่อกันมา

เทศกาลปีใหม่ม้ง เป็นวันที่หนุ่มๆสาวๆในหมู่บ้านจะได้เลือกคู่ โดยหนุ่มๆสาวๆจะแต่งกายด้วยชุดสวยงาม ฝ่ายหญิงจะเป็นฝ่ายทำลูกช่วง โดยใช้ผ้าปั้นเป็นลูกกลมๆ และวานให้เพื่อนหญิงหรือจะเป็นหญิงที่แต่งงานแล้วเป็นผู้นำลูกช่วงของตนไปมอบให้กับชายหนุ่มที่ตนพึงพอใจ และหญิงสาวที่ทำหน้าที่เป็นแม่สื่อนี้จะบอกกับชายหนุ่มว่าลูกช่วงนั้นเป็นของหญิงสาวคนใดเพื่อที่ชายหนุ่มจะได้นำลูกช่วงนี้ไปโยนหรือขว้างเล่นกับหญิงสาวผู้เป็นเจ้าของลูกช่วงต่อไป หรือหากผู้ชายหมายตาหญิงสาวคนใดไว้ก็จะไปขอโยนลูกช่วงด้วย ถ้าฝ่ายหญิงไม่พอใจก็จะไม่โยนด้วย ระหว่างที่ชายหนุ่มหญิงสาวโยนลูกช่วงก็จะพูดจาจีบกันในเวลานี้ และส่วนใหญ่แล้วคู่โยนลูกช่วงจะมีการสู่ขอแต่งงานกันหลังงานปีใหม่ นอกจากนี้ยังมีการแข่งขันล้อเลื่อนไม้ หรือ The Wooden Kart Racing ซึ่งถือเป็นทั้งเสน่ห์และสีสันของงานด้วย

ธมลวรรณ เจริญวงศ์พิสิฐ ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานตาก บอกว่า ในปีนี้ จ.ตากกำหนดจัดงานเทศกาลปีใหม่ม้ง ที่อำเภอพบพระ จังหวัดตาก ระหว่างวันที่ 23-29 ธันวาคม 2565 เพื่อเป็นการสืบสานขนบธรรมเนียม ประเพณีและวัฒนธรรมดั้งเดิมที่ยึดปฏิบัติกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว และสร้างความรัก ความผูกพันกันของทุกคนในชนเผ่า เป็นการเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมอันดีงามของท้องถิ่นให้เป็นที่รู้จักแพร่หลาย ส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดตาก ส่งเสริมความรักความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน รักและหวงแหนในประเพณีและวัฒนธรรมของชนเผ่า ถือได้ว่าเป็นประเพณีที่รวมกลุ่มของชาวเผ่าม้งที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดตาก

“ประเพณีปีใหม่ของชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง มีความหมายมากกว่าการจัดงานสนุกสนานรื่นเริง ขั้นตอนต่างๆสะท้อนในทัศนคติที่แฝงไว้ด้วยค่านิยม โดยการตอกย้ำอยู่ในขั้นตอนพิธีกรรมต่างๆของสังคมชาวม้ง ที่ปลูกฝังและสืบทอดกันต่อๆมา ทั้งทางศีลธรรมและความกตัญญู โดยการจัดเตรียมเครื่องเซ่น จุดตะเกียงหรือธูป พิธีกรรมเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงการนับถือบรรพบุรุษ และตอกย้ำอีกครั้งโดยการทำพิธีดำหัวผู้ล่วงลับ” ผอ.ททท.ตากบอก พร้อมกับเชิญชวนนักท่องเที่ยว มาสัมผัสประเพณีปีใหม่ม้ง เพื่อเรียนรู้ วิถีชีวิตของชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง ซึ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ ตั้งใจจัดขึ้นโดยมีการจัดกิจกรรมการละเล่นพื้นบ้าน ทั้งการโยนลูกช่วง การตีลูกข่าง การยิงหน้าไม้ แบบภูมิปัญญาที่สืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่น การประกวดมิสม้งตาก การประกวดหนูน้อยอนุรักษ์ผ้าใยกัญชง ตลอดจนการแสดงของเด็ก เยาวชน และประชาชนในพื้นที่

จริงๆแล้วการจัดงานปีใหม่ม้งในประเทศไทยมีหลายแห่ง ทั้งที่ จ.ตาก เพชรบูรณ์ แม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ ในพื้นที่ที่มีชาวม้งอาศัยอยู่

ประเพณี “น่อเป๊โจ่วฮ์” ของชาวม้ง เป็นอีกหนึ่งวิถีที่สะท้อนความผูกพันระหว่างผู้คนกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ความสัมพันธ์กับธรรมชาติ ในส่วนของการละเล่นก็แฝงไว้ด้วยความสัมพันธ์ของสังคม เช่น การโยนลูกช่วง ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้หนุ่มสาวพบปะเลือกคู่กันตามครรลองของวัฒนธรรม ประเพณีจึงมีความหมายและคุณค่าของการดำรงอยู่ของบุคคลและสังคม.


เตรียมตัวให้พร้อม ปี 2023 โลกร้อนกว่าเดิม ส่วน “ลานีญา” ยังไม่จากไปเร็ว

สภาพอากาศในปี 2023 หรือปี 2566 นี้ “ลานีญา” ยังคงอยู่อีกสักพัก หลังจากอยู่มานานกว่า 3 ปีแล้ว รอพ้นต้นปี จากนั้นโลกก็จะต้องสู้กับ เอลนีโญ เจออุณหภูมิสูงขึ้น อากาศร้อน และ แล้ง

โลกร้อนเป็นที่รับรู้กันมานานนับสิบปี แต่ช่วง 3 ปีที่ผ่านมาอาจพักความร้อน แต่โลกก็เจออากาศแปรปรวนกันไปอย่างสาหัส และล่าสุดกรมอุตุนิยมวิทยาโลก ได้คาดการณ์ว่าในปี 2023 นี้ อุณหภูมิจะสูงขึ้น 1.08-1.32 องศาเซลเซียส เมื่อเปรียบกับช่วงเวลาก่อนยุคอุตสาหกรรม หรือในช่วงปี 1900 ซึ่งเป็นช่วงที่โลกมีการใช้พลังงานจากน้ำมันเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว

ก่อนหน้านี้กรมอุตุนิยมวิทยาของอังกฤษ ก็ได้พยากรณ์อากาศย้ำว่า ในปี 2023 อากาศจะร้อนกว่าปี 2022 หรือปี 2565 หลังจากช่วง 3 ปีที่ผ่านมา อากาศในโลกใบนี้ในฝั่งแปซิฟิกหนาวเย็น และมีฝนตกหนัก ซึ่งในปี 2023 ผลกระทบจากภาวะก๊าซเรือนกระจกหลังยุคอุตสาหกรรม ยังคงส่งผลให้อุณหภูมิบนโลกใบนี้สูงขึ้น คาดการณ์ไปถึงขนาดที่ว่า ปี 2023 จะเป็นปีที่ร้อนที่สุดปีหนึ่งเลยทีเดียว

ที่ผ่านมาฤทธิ์ลานีญา ส่งผลให้เกิดสภาพอากาศเลวร้ายในแต่ละภูมิภาคต่างกัน แต่ที่เหมือนกันคือ ผลกระทบที่สร้างความเสียหายให้กับชีวิตผู้คนบนโลกมากมาย ทั้งร้อนจัด หนาวจัด น้ำท่วมหนัก และแล้งจัด อย่างเช่น ในช่วงก่อนสิ้นปี 2022 ที่สหรัฐอเมริกา เกิดเหตุพายุหิมะรุนแรง เกิดภัยพิบัติจากสภาพอากาศในรูปแบบอุทกภัย อย่างที่ปากีสถาน พื้นที่ 1 ใน 3 ของประเทศถูกน้ำท่วมอย่างหนัก และอีกหลายพื้นที่ในโลกที่เกิดภาวะแห้งแล้งอย่างหนัก เช่น ที่จีน ยุโรป อเมริกาเหนือ และใต้ รวมไปถึงประเทศในด้านตะวันออกสุด ที่อยู่ตรงจะงอยของทวีปแอฟริกา เช่น โซมาเลีย เอธิโอเปีย

สำหรับสภาพอากาศของประเทศไทยนั้น กรมอุตุนิยมวิทยาของไทย เพิ่งพยากรณ์สภาพอากาศเมื่อกลางเดือนธันวาคม 2022 ว่า จากการที่โลกยังต้องเจอกับภาวะลานีญา ที่อุณหภูมิผิวน้ำทะเลในมหาสมุทรแปซิฟิกบริเวณเขตศูนย์สูตรยังคงเย็นต่อเนื่อง วัดได้ในช่วงต้นเดือนธันวาคม อุณหภูมิผิวน้ำทะเลเฉลี่ยต่ำกว่าค่าปกติประมาณ 0.5-1.0 องศาเซลเซียส

ส่วนอุณหภูมิน้ำทะเลที่อยู่ลึกจากผิวน้ำลงไปจนถึงระดับ 300 เมตร ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมามีอุณหภูมิสูงกว่าค่าปกติ และขยายพื้นที่จากฝั่งตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิกไปทางตอนกลาง

ลักษณะนี้ทำให้มีลมตะวันออกกำลังแรงพัดปกคลุมทั่วบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกเขตศูนย์สูตร จึงคาดว่าผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประเทศไทย จากนี้จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2023 จะมีปริมาณฝนบริเวณประเทศไทยตอนบนจะใกล้เคียงค่าปกติ ส่วนบริเวณภาคใต้จะสูงกว่าค่าปกติเล็กน้อย รวมไปถึงอุณหภูมิของประเทศไทยส่วนใหญ่จะมีค่าใกล้เคียงค่าปกติเช่นกัน

เมื่อพ้นช่วงต้นปี 2023 แล้ว ค่อยจับตาดูว่า ลานีญาจะจากไป แล้วโลกรวมทั้งไทย จะเผชิญกับความร้อนและแล้งมากแค่ไหน.


วิธีแก้ปัญหานอนไม่หลับ หลังกลับจากงานปาร์ตี้ที่แสนรื่นรมย์

ปัญหานอนไม่หลับ ไม่ได้เป็นเฉพาะกับคนที่มีเรื่องกลุ้มใจหรือเครียดเท่านั้น แต่หลายคนแม้ได้ผ่านความสนุกสนานจากงานเลี้ยง ปาร์ตี้สุดเหวี่ยง มีความสุขเต็มที่มาแล้ว หลังจากงานเลี้ยงเลิกราแล้วหลายชั่วโมงเมื่อถึงเวลาต้องนอน แต่กลับนอนไม่หลับซะอย่างนั้น กลายเป็นคำถามในหัวตลอดทั้งคืน ว่าทำไมนอนไม่หลับ จนเช้าแล้วก็ยังถามอยู่อย่างนั้น จริงไหม?

มีข้อมูลของสื่อต่างชาติที่รวบรวมจากงานวิจัยต่างๆ พบว่าปัญหานอนไม่หลับหลังผ่านงานปาร์ตี้นั้นเกิดขึ้นด้วยสาเหตุ ดังนี้

ปริมาณกาเฟอีนและแอลกอฮอล์ในร่างกาย ส่งผลกระทบต่อวงจรการนอนหลับ ถ้าดื่มกาเฟอีนมาก จะทำให้คุณรู้สึกตื่นตลอดเวลา ส่วนแอลกอฮอล์นั้น ที่หลายคนคิดว่าดื่มเข้าไปแล้ว จะทำให้ง่วงหลับลึกนั้น เป็นความเข้าใจผิด เพราะแอลกอฮอล์ทำให้วงจรการนอนสะดุด และทำให้ตื่นกลางดึกอีกด้วย

ความตื่นเต้น และฮอร์โมนอะดรีนาลีนหลั่ง มีพลังงานล้นเหลือ เพราะมาจากความตื่นเต้น และการปฏิสัมพันธ์กับผู้คนในงานปาร์ตี้ ซึ่งทำให้ต้องใช้เวลานานกว่าพลังงานที่พลุ่งพล่านในร่างกายจะสงบลง และหลับลงได้

บรรยากาศ สิ่งแวดล้อมรอบตัวในห้องนอนไม่เอื้อต่อการนอน เรื่องนี้เกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ว่าจะผ่านสถานการณ์อะไรมา ถ้านอนในสถานที่หรือห้องที่สว่างเกินไป เสียงดังอื้ออึง ร้อนหรือหนาวเย็นเกินไป ก็ทำให้หลับยาก

พฤติกรรมการนอนแย่ๆ ในการเข้านอน โดยเฉพาะการเข้านอนไม่เป็นเวลาเป็นประจำ ทำให้นอนหลับไม่เพียงพอ และเมื่อมาเจองานปาร์ตี้แล้ว ในคืนนั้นก็จะยิ่งหลับยากมากขึ้นอีก

ความเครียดและความกังวล เพราะไม่ใช่ว่าทุกงานปาร์ตี้จะมีแต่เสียงหัวเราะล้วน บางงานที่บางคนต้องไปทั้งที่ไม่อยากไป ก็ทำให้เกิดความเครียด โดยเฉพาะงานที่ทำให้กังวลว่าต้องทำตัวอย่างไรให้ดูน่าประทับใจ

วิธีแก้ปัญหานอนไม่หลับ มีดังนี้

พยายามหลีกเลี่ยงกิจกรรมรบกวนการหลับก่อนนอน เช่น การดูหน้าจอต่างๆ เช่น โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ ทีวี อย่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อนเข้านอน เพราะแสงสีฟ้าจากหน้าจออุปกรณ์ต่างๆ จะกระทบต่อวงจรการนอนในร่างกายของเรา

หาหนังสือที่ชอบมาอ่าน หรืออาบน้ำอุ่น

หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่กระทบต่อการหลับ เช่น เครื่องดื่มที่มีกาเฟอีน และแอลกอฮอล์

จัดบรรยากาศในห้องนอนให้เอื้อต่อการนอน เช่น เตียงนอนสบาย อากาศเย็นสบาย ห้องนอนมืดพอ ไม่มีเสียงรบกวน

ลองฝึกเทคนิคช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย เช่น ฝึกการหายใจลึกๆ ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ก็ช่วยให้นอนหลับได้ง่ายขึ้น

ถ้าพยายามทำหลายวิธีแล้ว ยังไม่ดีขึ้น ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ยังนอนไม่หลับอีก และเป็นบ่อย ควรไปปรึกษาแพทย์ เพื่อเร่งแก้ไขก่อนที่จะมีปัญหาสุขภาพอื่นๆ ตามมา เพราะผลจากการนอนไม่หลับจะทำให้เกิดโรคต่างๆ ตั้งแต่ระบบร่างกายรวน ท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย การถ่ายอุจจาระไม่ปกติ ไปจนถึงมะเร็งลำไส้ เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ เบาหวาน และอารมณ์แปรปรวน