ครบเครื่อง
ญ. อมตะ



แห่ดู ‘นกแขกเต้า’ ฝูงใหญ่นับหมื่นตัว บินอวดโฉมนักท่องเที่ยวทุ่งทานตะวันเขาใหญ่

นักท่องเที่ยวแห่ชม "นกแขกเต้า" นับหมื่นตัวบินอวดโฉมที่ทุ่งดอกทานตะวัน ไร่มณีศรเขาใหญ่ จ.นครราชสีมา ถือเป็นจุดดูนกแขกเต้าฝูงใหญ่แห่งแรกในประเทศไทย อย่างไม่เคยเห็นมาก่อน

เมื่อวันที่ 22 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากแห่ไปดูนกบริเวณทุ่งทานตะวัน ไร่มณีศรเขาใหญ่ หมู่บ้านคลองเสือ หมู่ 15 ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา โดยนกบินเกาะตามต้นไม้และบินเป็นฝูงโฉบไปมา ทั่วบริเวณเหนือทุ่งทานตะวัน ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าเป็น ”นกแขกเต้า” จะงอยปากโค้งงุ้ม ปลายหางยาว รูปร่างคล้ายนกแก้ว ประกอบกับเสียงร้องดัง อยู่ในตระกูลนกแก้ว

ด้านนายเทวา มหาศาล ผู้ปลูกดอกทานตะวัน กล่าวว่า ที่บ้านได้ทำไร่ทานตะวันติดต่อกันมานานหลายปีและเป็นแปลงที่ใหญ่ที่สุด เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวของเขต ต.หมูสี อ.ปากช่อง โดยให้นักท่องเที่ยวเข้าไปชมถ่ายภาพ ดอกทานตะวันออกดอกบานทั่วทุ่งกว้างกว่า 500 ไร่ หลังจากดอกบานเต็มที่มีสีเหลืองสวยงาม ก็มีนกแขกเต้ากว่าหมื่นตัวฝูงขนาดใหญ่มากอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ลงมากินเมล็ดทานตะวันที่ยืนต้นกำลังแห้ง เสียหายจำนวนกว่า 100 ไร่ โดยฝูงนกจะลงมากินเมล็ดทานตะวันช่วงเช้าตั้งแต่เวลา 06.00-08.00 น. และช่วงเย็น หลังจากนั้นก็จะบินขึ้นเขาใหญ่

สำหรับประวัตินกแขกเต้า เป็นนกแก้วชนิดหนึ่ง ถือเป็นนกประจำถิ่นพบได้ทุกภาค ยกเว้นภาคใต้เท่านั้นที่ไม่พบ มีสีสันสวยงาม มีหัวสีฟ้าอ่อน ปีกมีสีฟ้าเขียว อยู่กันเป็นฝูงใหญ่ กินอาหารเมล็ดพืช ลูกไม้และผลไม้ป่า นิสัยออกหากินในพื้นที่ไกลๆ และตามประกาศกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์พืช ถือว่านกแขกเต้าเป็นสัตว์ป่าตุ้มครองจำพวกนกใน 182 รายการ 835 ชนิด.... สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.dailynews.co.th/news/2923665/


CBAM เริ่มบังคับใช้ กระทบเอกชนแค่ไหน?

อย่างที่เราทราบในปัจจุบัน ทั่วโลกต่างตื่นตัวในการดูแลป้องกันปัญหาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และในหลายประเทศก็มีการนำเกณฑ์การแก้ปัญหาลดโลกร้อน การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างมาตรการกีดกันทางการค้าขึ้นมาอีกด้วย... สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.dailynews.co.th/news/2901398/

ที่เห็นได้ชัด คือ เมื่อ 1 ต.ค. 2566 กลุ่มประเทศสหภาพยุโรป (อียู) เพิ่งเป็นชาติแรก ๆ ที่ออกกฎระเบียบเกี่ยวกับการจำกัดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ หรือที่มีชื่อเต็มว่า “มาตรการปรับคาร์บอนก่อนเข้าพรมแดน (Carbon Border Adjustment Mechanism หรือ CBAM)” ซึ่งมีการเพิ่มข้อจำกัด หลักเกณฑ์เงื่อนไข ที่เกี่ยวพันกระทบต่อประเทศที่ทำมาค้าขายกับอียูโดยตรง ซึ่งหนึ่งในนั้นรวมถึงประเทศไทย ที่มีอียูเป็นตลาดส่งออกหลัก ติดท็อป 5 ของไทยด้วย

สำหรับสาระของมาตรการปรับคาร์บอนก่อนเข้าพรมแดน (CBAM) ได้กำหนดให้ผู้นำเข้าสินค้า 6 กลุ่ม ได้แก่ (1) เหล็กและเหล็กกล้า (2) อะลูมิเนียม (3) ซีเมนต์ (4) ปุ๋ย (5) ไฟฟ้า และ (6) ไฮโดรเจน ต้องแจ้งปริมาณสินค้าที่นำเข้ามาในอียู และปริมาณปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิตสินค้านั้น โดยมีผลไปแล้วตั้งแต่ 1 ต.ค. 66 ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ข้อดีคือในขณะนี้ อียูยังมีช่วงเว้นวรรคให้ประเทศคู่ค้ามีการปรับตัวไปพลางก่อน โดยในช่วง 3 ปีแรก (ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2566-31 ธันวาคม 2568) กำหนดให้เป็นระยะเวลาเปลี่ยนผ่าน แต่ผู้นำเข้าจะต้องแจ้งข้อมูลย้อนหลังทุกไตรมาส (เช่น ในเดือนมกราคม 2567 จะต้องแจ้งข้อมูลของช่วงระหว่าง 1 ตุลาคม 2566-ธันวาคม 2566)

จากนั้นตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 จะเริ่มบังคับใช้จริง โดยจะต้องแจ้งข้อมูลย้อนหลังทุกปี และอียูจะเริ่มมาตรการบังคับที่กำหนดให้ ผู้นำเข้าต้องซื้อ “ใบรับรอง CBAM” ตามปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของสินค้านั้นอย่างจริงจัง ซึ่งแน่นอนว่าจะทำให้ผู้ส่งออกที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ จำนวนมากเกินมาตรฐานที่อียูกำหนด จะต้องมีภาระค่าใช้จ่ายในการซื้อใบรับรอง CBAM มากขึ้น แต่ในทางกลับกัน หากผู้ประกอบการรายใดสามารถปรับตัว ปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ได้น้อย ก็จะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ หรือจ่ายน้อยกว่าปกติ เป็นต้น

ดังนั้น ระหว่างในเวลา 2 ปีเศษที่มีการปรับตัว ผู้ส่งออกไทยจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมรับมือกับมาตรการ CBAM ของสหภาพยุโรป ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ได้มีข้อแนะนำกับผู้ประกอบการไทย รวมถึงได้ติดตามความคืบหน้าและรายงานข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการ CBAM ให้ภาคเอกชนทราบเป็นระยะ และใช้ประโยชน์จากเวทีระหว่างประเทศ ทั้งระดับพหุภาคี ภูมิภาค และทวิภาคี ในการหารือแลกเปลี่ยนมุมมองและแสดงความเห็นและข้อห่วงกังวลกับประเทศต่าง ๆ รวมถึงอียู โดยการเตรียมรับมือกับมาตรการ CBAM ซึ่งผู้สนใจ สามารถติดตามหาข้อมูล และรับชมงานสัมมนาย้อนหลัง และร่วมแสดงความเห็นเพิ่มเติมได้ที่ Facebook กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ

ดังนั้น จึงเห็นได้ว่าการปรับตัวเกี่ยวกับ การปรับลดคาร์บอนฯ ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป โดยเฉพาะผู้คนที่ทำมาค้าขายส่งออกกับอียู หรือกลุ่มชาติตะวันตกอื่น ๆ จำเป็นต้องเร่งเตรียมหาข้อมูลมาเพื่อปรับตัวรับมืออย่างเร่งด่วน เพราะเทรนด์โลกกำลังหมุนไป อีก 2 ปีเศษ ๆ เท่านั้น CBAM ก็จะเริ่มบังคับใช้แบบทางการ ใครปรับตัวไม่ทันก็อาจตกขบวน เกิดความเสียหายทางธุรกิจตามมาได้อย่างแน่นอน....


เปิดเงินรางวัลเวที ‘Miss Universe 2023’ แต่ละตำแหน่งได้เท่าไหร่?...

พาเปิดเงินรางวัลเวที "Miss Universe 2023" แต่ละตำแหน่งได้เงินเท่าไหร่บ้าง?...

เชื่อว่าเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 19 พ.ย. ทั่วประเทศพากันกรี๊ดสนั่นแน่นอน กับการชมลุ้นผลการประกวดเวที Miss Universe 2023 ครั้งที่ 72 ที่ประเทศเอลซัลวาดอร์ ซึ่งตัวแทนจากประเทศไทยคือ Anntonia Porsild (แอนโทเนีย โพซิ้ว) ลูกครึ่งสาวชาวไทย เชื้อสายเดนมาร์ก

โดยแอนโทเนียได้ทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างเต็มที่ และสมบูรณ์ที่สุดแล้วจนสามารถคว้ารางวัลรองอันดับ 1 ในรอบหลายปีของประเทศไทยอีกด้วย

ซึ่งหลังจากทุกคนทราบผลการแข่งขัน ต่างพากันสงสัยกับเงินรางวัลที่สาวงามจะได้รับ โดยพากันคอมเมนต์ถกเถียงตามสื่อโซเชียลมากมาย โดยอ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์ Sashes&Scripts Official ซึ่งเคยได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับนางงามเวทีต่าง ๆ ไว้ว่า...

สำหรับรางวัลเวที Miss Universe 2023

อันดับ 1 “เชย์นิส ปาลาซิออส” (Sheynnis Palacios) หรือ “มิสนิการากัว” ได้รับรางวัลหลายรางวัลทั้งเงินสดมูลค่า 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 106,186.50 บาท นอกจากนี้ยังรับมงกุฎที่รังสรรค์ด้วยเพชรมูลค่า 5.3 ล้านดอลลาร์ หรือราว 187,596,150 บาท และได้รับเงินเดือนประจำปีประมาณ 250,000 ดอลลาร์ ราว 8,848,875 บาท ทั้งหมด 196,554,212 บาท

รองอันดับ 1 “แอนโทเนีย โพซิ้ว” จะได้รับเงินมูลค่า 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 106,186.50 บาท

ขอบคุณข้อมูล : Sashes&Scripts Official...


โซลาร์ฟาร์มลอยน้ำ ที่อินโดฯ ใหญ่สุดในอาเซียน

อินโดนีเซีย เปิดตัวโครงการโซลาร์ฟาร์มลอยน้ำ “จิราตา” ครอบคลุมพื้นที่ราว 1,552 ไร่ ถือว่าใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน และใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก

โซลาร์ฟาร์ลอยน้ำจิราตานี้ั้งอยู่ในอ่างเก็บน้ำซีราตา จังหวัดชวาตะวันตกของอินโดนีเซีย สร้างขึ้นโดยบริษัท พาวเวอร์ไชน่า หัวตง เอ็นจิเนียริ่ง คอร์ปอเรชั่น ของจีน ที่ร่วมมือกับระหว่างพีแอลเอ็น บริษัทผลิตไฟฟ้าของรัฐบาลอินโดนีเซีย กับ มาสดาร์ บริษัท พลังงานหมุนเวียนที่มีฐานอยู่ที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

ใช้เงินลงทุนทั้งสิ้น 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และใช้เวลาในการก่อสร้างนานราว 3 ปี

โดยโซลาร์ฟาร์มแห่งนี้ ประกอบด้วยแผงโซลาร์เซลล์ลอยน้ำครอบคลุมผิวน้ำของอ่างเก็บน้ำฯ กว่า 340,000 แผง ซึ่งมีกำลังการผลิตสูงสุดถึง 192 เมกะวัตต์ และสามารถผลิตพลังงานได้ถึง 300 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี ซึ่งจะเพียงพอสำหรับการจ่ายไฟในเขตพื้นที่จิราตา

อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด กล่าวในพิธีเปิดอย่างเป็นทางการว่า จะมีการขยายกำลังการผลิตให้ได้มากถึง 500 เมกะวัตต์ ขณะที่พีแอลเอ็น ระบุว่า จริงๆแล้ว โรงไฟฟ้าแห่งนี้สามารถผลิตไฟฟ้าได้มากถึง 1,000 เมกะวัตต์เลยทีเดียว

นอกเหนือจากเป้าหมายเพื่อการจ่ายไฟให้แก่ชาวบ้านได้ใช้แล้ว ก็ยังมีเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นสูนย์ ภายในปี 2050 เพื่อแลกกับการจัดหาเงินทุนสำหรับแผน Just Energy Transition Partnership (JETP) ที่มีมูลค่า 20,000 ล้านดอลลาร์ โดยแผนดังกล่าว รัฐบาลอินโดนเซียให้คำมั่นว่าจะทำให้การผลิตไฟฟ้าลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนให้เหลือ 250 ล้านเมตริกตัน ภายในปี 2030 จากก่อนหน้านี้ที่มีการปล่อยที่ 290 ล้านเมตริกตัน

และมีแผนขยายสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนให้ได้ 23 เปอร์เซ็นต์ของพลังงานทั้งหมดที่ใช้อยู่ในปัจจุบันภายในปี 2025

วิโดโด บอกด้วยว่า เขาหวังว่าจะมีพลังงานหมุนเวียนมาใช้ ที่สร้างขึ้นได้ในประเทศเอง อย่างเช่น โซลาร์ พลังงานน้ำ พลังงานความร้อนใต้พิภพ และพลังลม

โดยอินโดนีเซีย ยังประกาศว่าจะหยุดการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินแห่งใหม่ขึ้นมา แต่ระหว่างนี้ ก็ยังคงเดินหน้าก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินที่สร้างค้างอยู่ แม้ว่าจะถูกคัดค้านจากกนักเคลื่อนไหวก็ตาม


เช็กภาวะสมองล้า หลังทำงานหนัก ต้นเหตุของซึมเศร้า-อัลไซเมอร์ พร้อมวิธีคลายเครียดเบื้องต้น

ชวนเช็กภาวะสมองล้า ต้นเหตุของการเกิดโรคซึมเศร้าและโรคอัลไซเมอร์ มีสาเหตุมาจากอะไร และวิธีคลายเครียดเบื้องต้นเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะทางสมองนี้

ภาวะสมองล้า (Brain Frog Syndrome) เกิดขึ้นได้จากการทำงาน การเรียน และมีกิจกรรมที่หนักจนเกินไป ส่งผลให้อารมณ์และความรู้สึกแปรปรวน ณ ขณะหนึ่ง ถึงแม้ภาวะสมองล้าอาจจะหายเองได้จากการพักผ่อน

แม้โรคนี้มักจะเกิดได้บ่อยในผู้สูงอายุ แต่ถ้าหากเผชิญกับภาวะความเครียดบ่อยครั้ง อาจส่งผลได้โดยไม่จำกัดอายุ ทำให้เกิดโรคทางอารมณ์และสมองอื่นๆ ที่ตามมาได้เช่นกัน

ภาวะสมองล้า หนึ่งในสิ่งที่กำลังเป็นที่น่ากังวล เพราะในปัจจุบันนั้นเกิดขึ้นกับกลุ่มบุคคลที่มีอายุน้อย วัยรุ่น และกำลังเข้าสู่วัยทำงาน มีความเสี่ยงทำให้คนเกิดภาวะซึมเศร้าเยอะขึ้น และส่งผลต่อโรคอัลไซเมอร์ ความจำระยะสั้นในขณะวัยเยาว์ และอาจทวีความรุนแรงได้เมื่อเข้าสู่ช่วงสูงวัย

ภาวะสมองล้าในวัยทำงาน เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงของกรมการแพทย์ โดย นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองอธิบดีกรมการแพทย์ ได้เปิดเผยว่า “ปัจจุบันสังคมต้องมีการแข่งขันกันมากขึ้น การทำงานที่ต้องแข่งกับเวลา ทำให้มีโอกาสดูแลสุขภาพน้อยลง ทำให้บ่อยครั้งที่วัยทำงานต้องเผชิญกับความเจ็บป่วยมารบกวน ทั้งการใช้ชีวิต อาชีพ และการเข้าสังคม หากไม่นับความเจ็บป่วยทางกาย ยังมีความเจ็บป่วยทางใจและระบบประสาท โดยเฉพาะปัญหาด้านความจำที่แย่ลง ปกติควรพบในวัยสูงอายุ แต่มาพบในวัยทำงาน” อ่านเพิ่มเติม

อาการของภาวะสมองล้า

คิดไม่ออก สมองตื้อ

อารมณ์แปรปรวนได้ง่าย

ไม่มีสมาธิ

นึกคำพูดไม่ออก

มีความรู้สึกมึนงง

ไม่สดใส และไม่สดชื่น

ปวดศีรษะเรื้อรัง

นอนหลับไม่สนิท

ความจำแย่ลง ขี้ลืม

เหนื่อยง่าย และอ่อนเพลีย


วิธีคลายเครียดเบื้องต้น หากเกิด “ภาวะสมองล้า”

ยืดเส้นยืดสายของร่างกายตัวเอง

พักและละเว้นจากภาระหน้าที่หากเกิดอาการ

ฝึกกำหนดลมหายใจเข้า-ออก และนั่งสมาธิ

นำตัวเองออกมาจากสถานการณ์ความเครียด

รู้จักปล่อยวาง

หากิจกรรมทำแก้เครียดระหว่างวัน

พบแพทย์เพื่อปรึกษา หาคำแนะนำ

ผู้ที่มีอาการดังกล่าว และสงสัยว่าจะเกิดภาวะสมองล้านี้ ให้ลองสังเกตอาการด้วยตนเองว่ามีปัญหาเรื่องความจำ อารมณ์ ขาดสมาธิ หรือปวดศีรษะ จนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันหรือไม่ เพื่อที่จะเข้าพบแพทย์เพื่อประเมินอาการ หาสาเหตุ และรับการรักษาให้ทันท่วงที

ภาพ : istock


แพทย์เปิด 5 สาเหตุ ปวดหัวหลังตื่นนอน เป็นได้ตั้งแต่ไมเกรน นอนกรน ยันเนื้องอก

เชื่อว่าหลายๆ คน อาจจะมีอาการ “ปวดหัว” ที่ต่างกันไป ไม่ว่าจะทั้งตอนเจอกับอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย นอนไม่พอ หรือเป็นอาการจากโรคที่เป็น

ทว่าล่าสุด เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน ผศ.นพ.สุรัตน์ ตันประเวช แพทย์เวชปฏิบัติทางประสาทวิทยาที่มีความเชี่ยวชาญพิเศษด้านสมอง และความผิดปกติทางประสาทวิทยา ได้โพสต์เฟซบุ๊ก สาระสมองกับ อจ.หมอสุรัตน์ ให้ความรู้เรื่องอาการปวดหัวหลังตื่นนอน ที่ควรไปพบหมอ ว่ามีสาเหตุมาจากอะไรได้บ้าง ไว้ดังนี้

5 โรคปวดหัว หลังตื่นนอน

1. ไมเกรน ปวดตื่นนอนได้นะจ๊ะ

2. กระดูกคอเสื่อม นอนท่าไม่ดี คอหนีบเส้น

3. แรงดันน้ำไขสันหลังสูง เวลานอน มันเทไปที่หัว

4. นอนกรนลมหายใจอุดกั้น มีออกซิเจน ไม่พอ มี co2 คั่ง ซึ่งจะมีอาการ ปวดตื้อๆ ทั่วๆ ศีรษะ บริเวณขมับ และเบ้าตาเป็นหลัก

5. เนื้องอกท้ายทอย ตรงก้านสมอง

ทั้งนี้ ยังตอบคำถามที่มีผู้มาถามด้วยว่า กรดไหลย้อนจะเกี่ยวไหม ว่าไม่เกี่ยว “ไม่ปวดครับ”