ครบเครื่อง
ญ. อมตะ



“ความดันพุ่ง=เสี่ยงสโตรก!” หมอแนตเตือนภัยเงียบ อ่านค่าความดันให้เป็น ก่อนสายเกินไป!

เพจ "เรียนหมอ by หมอแกว หมอแนต" แชร์ความรู้สำคัญเกี่ยวกับโรคความดันโลหิตสูง พร้อมแนะนำวิธีสังเกตตัวเองจากค่าความดันที่วัดได้จากที่บ้าน ชี้หากความดันพุ่งเกิน 180/120 เสี่ยงกระทบอวัยวะสำคัญทันที เตือนแรง! อย่าชะล่าใจ แม้ไม่มีอาการก็อาจสายเกินไป

เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. ที่ผ่านมา เพจชื่อดังด้านสุขภาพ “เรียนหมอ by หมอแกว หมอแนต” ได้โพสต์ให้ความรู้เรื่อง การอ่านค่าความดันโลหิตแบบเข้าใจง่าย พร้อมเตือนถึงภัยเงียบของโรคความดันโลหิตสูง ที่อาจคร่าชีวิตได้โดยไม่ทันตั้งตัว

หมอแนต อธิบายว่า ค่าความดันโลหิตที่ปกติ คือ 120/80 มม.ปรอท และจะถือว่า “ความดันสูง” เมื่อค่าเกิน 140/90 มม.ปรอท ขึ้นไป ซึ่งหลายคนอาจวัดความดันที่โรงพยาบาลแล้วพบค่าสูง ทั้งที่วัดที่บ้านยังปกติ สาเหตุอาจมาจากความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือความกังวลเมื่อต้องพบแพทย์

ความสำคัญของการวัดความดันที่บ้าน

หมอแนตแนะนำว่า การวัดความดันที่บ้านสามารถเชื่อถือได้มาก เพราะเป็นช่วงเวลาที่ผ่อนคลายกว่าการมาวัดที่โรงพยาบาล และควร จดค่าความดันไว้ในสมุด เพื่อนำมาให้แพทย์วิเคราะห์เพิ่มเติมในภายหลัง

ความดันพุ่งสูงเกิน 180/120 อันตรายถึงชีวิต!

หากค่าความดันพุ่งสูงเกิน 180/120 มม.ปรอท ถือเป็นภาวะฉุกเฉิน ที่ต้องรีบไปโรงพยาบาลทันที เพราะอาจส่งผลกระทบต่ออวัยวะสำคัญ ได้แก่ : สมอง (เสี่ยงเส้นเลือดแตกหรืออุดตัน) หัวใจ ไต ตับ ดวงตา

อาการเตือน ได้แก่ ปวดหัว ตาพร่ามัว แขนขาอ่อนแรง หรือหมดสติ หากปล่อยไว้ อาจนำไปสู่โรคหลอดเลือดสมอง หรือ “สโตรก” ที่อาจทำให้พิการ หรือต้องนอนติดเตียงตลอดชีวิต

ความรู้เบื้องต้นในการอ่านค่าความดันโลหิต

ตัวบน (เช่น 120) : ความดันขณะหัวใจบีบตัวสูงสุด

ตัวล่าง (เช่น 80) : ความดันขณะหัวใจคลายตัวสูงสุด

อัตราการเต้นของหัวใจที่ “ปกติ” ไม่ควรเกิน 100 ครั้งต่อนาที

สรุป : วิธีป้องกันความดันสูงไม่ใช่เรื่องยาก

ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์

ออกกำลังกายเป็นประจำ

ลดอาหารเค็ม

พักผ่อนให้เพียงพอ

หมั่นวัดความดันและจดบันทึก

หมอแนตทิ้งท้ายว่า “อย่าชะล่าใจกับโรคความดันสูง แม้จะไม่มีอาการ แต่วันหนึ่งอาจส่งผลร้ายแรงแบบไม่ทันตั้งตัว”...


รู้จักภาวะน้ำตาลในเลือดสูง อาการเป็นแบบไหน จะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายได้บ้าง

ทำความรู้จักภาวะน้ำตาลในเลือดสูง ภาวะของร่างกายที่มีระดับน้ำตาลเกินกว่า 100 มิลลิกรัม ซึ่งส่งผลกระทบต่อร่างกายทำให้เกิดโรค และเป็นแหล่งที่มาสำคัญของโรคร้ายแรง

ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง คือ ภาวะที่ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดเกินกว่า 100 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ซึ่งโดยปกติร่างกายคนเรามีน้ำตาลในเลือดอยู่แล้ว เนื่องจากร่างกายต้องใช้น้ำตาล เพื่อช่วยให้ระบบการทำงานของอวัยวะภายในร่างกายและเนื้อเยื่อต่างๆ สามารถทำงานได้เป็นปกติยิ่งขึ้น

สาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูง

ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง ส่วนใหญ่จะมีสาเหตุ และต้นตออยู่หลากหลายปัจจัย ทั้งที่ควบคุมได้ และควบคุมไม่ได้ การทำความเข้าใจสาเหตุเหล่านี้ จะช่วยให้คุณป้องกันและรับมือกับภาวะนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

กรรมพันธุ์

การที่มีพ่อแม่ที่เคยเป็นโรคเบาหวานจะเพิ่มความเสี่ยงน้ำตาลในเลือดมากขึ้นได้เหมือนกัน เนื่องจากการรับส่งต่อยีนบางชนิด ที่สามารถเพิ่มแนวโน้มที่ร่างกายจะดื้อต่ออินซูลิน (Insulin Resistance) รวมถึงการผลิตที่ไม่เพียงพอ

ความอ้วน

สาเหตุสำคัญที่พบได้บ่อยที่สุดในปัจจุบัน ความอ้วนเป็นปัจจัย และตัวเร่งให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูง ผู้ที่มีดัชนีมวลกายเกิน 25 ถือว่าเป็นโรคอ้วนที่มีความเสี่ยงต่อโรคหลายๆ โรค

โรคอ้วน มีผลมาจากเมื่อร่างกายมีไขมันสะสมมากเกินไป โดยเฉพาะไขมันที่หน้าท้อง เซลล์ไขมันเหล่านี้จะผลิตสารบางอย่างที่ขัดขวางการทำงานของอินซูลิน ทำให้ร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้จะมีอินซูลินอยู่ก็ตาม

รวมถึงการเพิ่มภาระต่อตับอ่อน เพราะอวัยวะนี้จะทำงานหนักขึ้นเพื่อผลิตอินซูลินให้มากขึ้น เป็นการชดเชยภาวะดื้ออินซูลิน หากตับอ่อนทำงานหนักต่อเนื่องเป็นเวลานาน อาจทำให้เซลล์ที่ผลิตอินซูลินเสื่อมสภาพในที่สุด

พฤติกรรมการใช้ชีวิต

พฤติกรรมการใช้ชีวิตเป็นอีกส่วนที่สำคัญ เพราะนอกจากยีนแล้ว การเติบโตในสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมพฤติกรรมการกินและใช้ชีวิตที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ก็อาจเป็นอีกหนึ่งปัจจัยเสริมที่สามารถเกิดขึ้นได้ในหลายๆ ครอบครัว

รวมถึงการกินอาหารประเภทแป้ง ไขมัน หรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง และการไม่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ก็เป็นอีกพฤติกรรมเพิ่มความเสี่ยงโรคเบาหวาน เป็นผลมาจากภาวะน้ำตาลในเลือดสูงได้เช่นกัน

ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง ส่งผลอะไรต่อร่างกาย

สำหรับคนที่มีน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นมาก ๆ จะเริ่มส่งผลกระทบต่ออวัยวะในร่างกาย และถ้ายังคงสูงอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน อาจร้ายแรงถึงขั้นที่ทำให้อวัยวะเสื่อมได้ เช่น ไต หรือที่เรียกว่า เบาหวานลงไต คนไข้จำเป็นต้องล้างไต หรือหากเบาหวานขึ้นตา คนไข้จะมีอาการตาพร่ามัว มองไม่เห็น อาจถึงขั้นตาบอดได้

นอกจากนี้ คนไข้เบาหวานยังเป็นโรคหัวใจ และโรคเส้นเลือดในสมองได้ง่ายขึ้น มีอาการชาตามปลายมือปลายเท้า รู้สึกเหมือนมีเข็มจิ้ม เส้นเลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ไม่ดี โดยเฉพาะขาและเท้า เมื่อเกิดแผลจึงหายช้า เป็นสาเหตุให้คนไข้โรคเบาหวานที่มีแผลที่เท้ามักถูกตัดขา

ระดับน้ำตาลในเลือดสูงแค่ไหนเข้าเกณฑ์

คนไข้ ที่มีระดับน้ำตาลในเลือดเกิน 126 มิลลิกรัม/เดซิลิตร คือผู้ป่วยโรคเบาหวาน

ส่วนคนไข้ มีระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ที่ 100-126 มิลลิกรัม/เดซิลิตร คนกลุ่มนี้จะอยู่ในภาวะเสี่ยงเบาหวาน หรือภาวะก่อนเบาหวาน และคนปกติควรมีระดับน้ำตาลในเลือดไม่เกิน 100 มิลลิกรัม/เดซิลิตร

ปัจจุบันยังมีการตรวจอีกประเภทที่เรียกว่า HbA1c เป็นการวัดระดับน้ำตาลสะสมในเลือดในช่วง 3 เดือน โดยคนปกติไม่ควรเกิน 5.7 mg% และถ้าอยู่ระหว่าง 5.7-6.5 mg% จะถือว่ามีภาวะเสี่ยงเบาหวาน และเมื่อไรที่เกิน 6.5 mg% จะถือว่าเป็น โรคเบาหวาน การตรวจแบบนี้เป็นการตรวจเพื่อหาแนวทางลดค่าน้ำตาลในเลือด และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้ถูกต้อง

น้ำตาลในเลือดสูง มีอาการอย่างไร

อาการคอแห้ง หิวน้ำบ่อย: เมื่อน้ำตาลในเลือดสูง ร่างกายจะพยายามขับน้ำตาลส่วนเกินออกทางปัสสาวะ ทำให้คุณปัสสาวะบ่อยและร่างกายขาดน้ำ จึงรู้สึกคอแห้งและหิวน้ำมากกว่าปกติ

ปัสสาวะบ่อย: อีกหนึ่งสัญญาณสำคัญ ที่มีผลมาจากน้ำตาลในเลือดที่สูงจะถูกขับออกทางไต ทำให้ปัสสาวะมากผิดปกติ โดยเฉพาะในตอนกลางคืน หากคุณต้องลุกเข้าห้องน้ำ 2-4 ครั้งต่อคืน อาจเป็นสัญญาณของโรคเบาหวานได้ ซึ่งปกติคนทั่วไปจะลุกไม่เกิน 1-2 ครั้ง

ส่วนอาการ ขี้โมโห หงุดหงิดง่าย และอาการง่วงนอน นั้นไม่เกี่ยวกับภาวะน้ำตาลในเลือดสูงเพราะ และไม่ส่งผลกระทบต่ออารมณ์ได้โดยตรง แต่อาจทำให้รู้สึกไม่สบายตัว อ่อนเพลีย ที่เป็นต้นตอของสาเหตุการหงุดหงิด และง่วงนอนได้

หากสังเกตพบอาการเหล่านี้บ่อยครั้ง หรือมีอาการหลายอย่างพร้อมกัน โดยเฉพาะการปัสสาวะบ่อยผิดปกติ และหิวน้ำบ่อย ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจระดับน้ำตาลในเลือดและรับการวินิจฉัยที่ถูกต้องอย่างทันท่วงที

วิธีดูแลตัวเองเพื่อป้องกันภาวะน้ำตาลในเลือดสูง

การป้องกันภาวะน้ำตาลในเลือดสูง สามารถทำได้ไม่ยาก เพียงแค่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน และการใช้ชีวิตให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้นได้ทั้งหมดดังนี้

หลีกเลี่ยงน้ำตาล: งดเครื่องดื่มรสหวาน น้ำผลไม้ และขนมหวานในปริมาณที่มากจนเกินไป

ควบคุมปริมาณคาร์โบไฮเดรต: สามารถทำได้ด้วยการจำกัดปริมาณข้าว แป้ง และอาหารกลุ่มคาร์โบไฮเดรตอื่น ๆ

ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: ห้ามปล่อยให้ตัวเองมีน้ำหนักเกินเกณฑ์ ให้หมั่นออกกำลังกาย เพื่อคงระดับมวลกาย และน้ำหนักให้อยู่ในมาตรฐาน

ทั้งหมดนี้จะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานได้ หากมีภาวะน้ำตาลในเลือดสูงจนได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวาน และแพทย์ได้ให้ยาแล้ว สิ่งสำคัญคือต้อง กินยาอย่างสม่ำเสมอ และ ไปพบแพทย์เพื่อตรวจติดตามอาการทุก 3-4 เดือน เพื่อให้แน่ใจว่าระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในเกณฑ์ปกติ

การดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณควบคุมโรคและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน ดังนั้นผู้ที่มีความเสี่ยง หรือผู้ป่วยหากมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและดูแลสุขภาพอย่างดีก็มีโอกาสที่จะสามารถควบคุมโรคนี้ได้เช่นกัน

ข้อมูล: สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)


ภาพแรกของโลก! "กาแล็กซี" และ "ดาวฤกษ์" ทางช้างเผือกหลายล้านดวง จากกล้องที่ใหญ่ที่สุด

หอสังเกตการณ์ NSF –DOE Vera C. Rubin ซึ่งเป็นศูนย์วิทยาศาสตร์แห่งใหม่ที่ได้รับทุนสนับสนุนจากมูลนิธิวิทยาศาสตร์แห่งชาติของสหรัฐอเมริกา และสำนักงานวิทยาศาสตร์ของกระทรวงพลังงานของสหรัฐอเมริกา ได้เผยแพร่ภาพชุดแรกที่งานกิจกรรมที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.

ภาพดังกล่าวแสดงให้เห็นปรากฏการณ์จักรวาลที่จับภาพได้ในขนาดที่ไม่เคยมีมาก่อน ในระยะเวลาเพียง 10 ชั่วโมงของการทดสอบสังเกตการณ์ หอสังเกตการณ์ NSF–DOE Rubin ได้จับภาพกาแล็กซีและดาวฤกษ์ทางช้างเผือกได้หลายล้านดวง รวมถึงดาวเคราะห์น้อยอีกหลายพันดวง ภาพดังกล่าวเป็นเพียงตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ ของภารกิจทางวิทยาศาสตร์ 10 ปีของหอสังเกตการณ์ Rubin ที่จะสำรวจและทำความเข้าใจความลึกลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบางส่วนของจักรวาล

Michael Kratsios ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทำเนียบขาว กล่าวว่า“หอสังเกตการณ์ Vera C. Rubin ของ NSF-DOE แสดงให้เห็นว่าสหรัฐอเมริกายังคงเป็นผู้นำในด้านวิทยาศาสตร์พื้นฐานระดับนานาชาติ และเน้นย้ำถึงความสำเร็จอันน่าทึ่งที่เราได้รับเมื่อหลายส่วนขององค์กรวิจัยระดับชาติทำงานร่วมกันหอสังเกตการณ์ Rubin เป็นการลงทุนเพื่ออนาคตของเรา ซึ่งจะวางรากฐานความรู้ในวันนี้ที่ลูกหลานของเราจะสร้างด้วยความภาคภูมิใจในวันพรุ่งนี้”

“หอดูดาว Rubin ของ NSF–DOE จะรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับจักรวาลของเราได้มากกว่ากล้องโทรทรรศน์ออปติกทั้งหมดในประวัติศาสตร์รวมกัน”ไบรอัน สโตน ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการ NSF กล่าว“ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกทางวิทยาศาสตร์อันน่าทึ่งนี้ เราจะสำรวจความลึกลับของจักรวาลมากมาย รวมถึงสสารมืดและพลังงานมืดที่แผ่กระจายไปทั่วจักรวาล”

Harriet Kung รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานวิทยาศาสตร์ของกระทรวงพลังงานกล่าวว่า“เรากำลังเข้าสู่ยุคทองของวิทยาศาสตร์อเมริกัน หอสังเกตการณ์ Rubin ของ NSF–DOE สะท้อนให้เห็นถึงสิ่งที่เป็นไปได้เมื่อรัฐบาลกลางสนับสนุนวิศวกรและนักวิทยาศาสตร์ระดับโลกด้วยเครื่องมือในการเป็นผู้นำ สิ่งอำนวยความสะดวกนี้จะขับเคลื่อนการค้นพบ สร้างแรงบันดาลใจให้กับนักประดิษฐ์ในอนาคต และปลดปล่อยความเป็นเลิศของอเมริกาผ่านความเป็นผู้นำทางวิทยาศาสตร์”


สุดสง่า! 'เสือดำ'เดินอวดโฉมจุดชมผีเสื้อ ป่าแก่งกระจาน ตอกย้ำความอุดมสมบูรณ์

วันที่ 25 มิถุนายน 2568 นายมงคล ไชยภักดี หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เผยภาพ "เสือดำ" สัตว์ป่าหายาก ที่ปรากฏตัว ณ บริเวณฝ่ายน้ำกิโลเมตรที่ 18 ของอุทยานฯ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะ "จุดชมผีเสื้อ" โดยสามารถบันทึกภาพเสือดำสุดสง่า ได้เมื่อเวลาประมาณ 17.20 น. ของวันนี้ (25 มิถุนายน 2568) ตอกย้ำถึงความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าแก่งกระจาน

นายมงคล กล่าวว่า ปกติแล้วในช่วงนี้ของปี บริเวณกิโลเมตรที่ 18 จะเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวและผู้ที่สนใจธรรมชาติเดินทางมาชมความสวยงามของผีเสื้อนานาชนิด แต่การปรากฏตัวของเสือดำในครั้งนี้ ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง และเป็นเครื่องยืนยันถึงความหลากหลายทางชีวภาพและความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าแก่งกระจาน แม้จะเข้าสู่ช่วงที่ผีเสื้ออาจลดจำนวนลงตามฤดูกาล การพบเห็นเสือดำในบริเวณนี้ แสดงให้เห็นว่าผืนป่าแห่งนี้ยังคงเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมและปลอดภัยสำหรับสัตว์ป่าหายาก ซึ่งรวมถึงเสือดำด้วย

ทีมเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ยังคงเดินหน้าปฏิบัติงานอย่างเข้มข้นในการลาดตระเวน ดูแล และป้องกันการบุกรุกทำลายป่า รวมถึงเฝ้าระวังพฤติกรรมของสัตว์ป่าอย่างใกล้ชิด เพื่อให้สัตว์ป่าทุกชนิดสามารถดำรงชีวิตอยู่ในถิ่นอาศัยตามธรรมชาติได้อย่างปลอดภัย

อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานยังคงเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสความงดงามของธรรมชาติ และยังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นแหล่งเรียนรู้และอนุรักษ์ธรรมชาติที่สำคัญของประเทศไทย ทั้งนี้จึงขอความร่วมมือจากประชาชนและนักท่องเที่ยวทุกท่าน หากพบเห็นเสือดำหรือสัตว์ป่าในพื้นที่ควรเว้นระยะห่างและไม่เข้าไปใกล้หรือรบกวน ควรหยุดรถให้ห่างจากสัตว์ป่าอย่างน้อย 30 เมตร และหลีกเลี่ยงการส่งเสียงดังรบกวน และห้ามให้อาหารสัตว์ป่าเพราะการให้อาหารสัตว์ป่า อาจทำให้พวกมันคุ้นเคยกับการเข้าใกล้คน และอาจนำไปสู่พฤติกรรมที่ไม่คาดคิดได้


กว่า 80,000 คนอพยพหนีน้ำท่วมรุนแรงในจีนตะวันตกเฉียงใต้

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพุธที่ 25 มิถุนายน 2568 กล่าวว่า จีนกำลังเผชิญกับฤดูร้อนที่เต็มไปด้วยสภาพอากาศเลวร้าย คลื่นความร้อนแผดเผาพื้นที่กว้างใหญ่ของประเทศ ขณะที่พายุฝนกระหน่ำพื้นที่อื่นๆ

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ประชาชนราว 80,900 คนได้อพยพออกจากพื้นที่ในมณฑลกุ้ยโจวทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ

ขณะที่ในเขตหรงเจียง สนามฟุตบอลแห่งหนึ่งจมอยู่ใต้น้ำลึกสามเมตร

ภาพจากกล้องวงจรปิดของสถานีโทรทัศน์แห่งชาติเผยให้เห็นว่าน้ำท่วมรุนแรงได้คุกคามหมู่บ้านและทำลายสะพานในพื้นที่ภูเขาแห่งหนึ่งของมณฑล

เจ้าหน้าที่กู้ภัยจำเป็นต้องใช้เรือลากจูงอพยพผู้คน โดยเฉพาะกับภารกิจเร่งขนย้ายเด็กๆ ที่ติดอยู่ตามโรงเรียน

นอกจากนี้ ยังพบเห็นเจ้าหน้าที่กำลังเตรียมโดรนเพื่อส่งมอบสิ่งของจำเป็นรวมทั้งข้าวสารให้แก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่ติดค้างอยู่ตามบ้านเรือน

น้ำท่วมยังถล่มเขตกว่างซีที่อยู่ใกล้เคียง โดยสื่อของรัฐเผยแพร่คลิปวิดีโอที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังพาผู้อยู่อาศัยไปยังที่ปลอดภัย

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประชาชนหลายหมื่นคนอพยพออกจากพื้นที่ในมณฑลหูหนานทางตอนกลางของจีน เนื่องจากเผชิญภาวะฝนตกหนัก

และประชาชนเกือบ 70,000 คนในภาคใต้ของจีนต้องอพยพออกไปก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน หลังจากเกิดน้ำท่วมหนักอันเนื่องมาจากพายุโซนร้อนหวู่ติบ

ทางการจีนออกประกาศเตือนภัยสีแดงครั้งแรกของปีเมื่อสัปดาห์ที่แล้วสำหรับภาวะฝนตกหนักบนภูเขาในหกภูมิภาค ซึ่งเป็นระดับการเตือนภัยที่รุนแรงที่สุดในระบบเตือนภัยสี่ระดับของประเทศ

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่าบางพื้นที่ในภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบมีแนวโน้มสูงที่จะเสี่ยงเพิ่มเติมในอีกไม่กี่วันข้างหน้า โดยรัฐบาลท้องถิ่นเรียกร้องให้ออกคำเตือนประชาชนอย่างทันท่วงที

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ระบุว่ามีสาเหตุมาจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทำให้ปรากฏการณ์สภาพอากาศสุดขั้วดังกล่าวเกิดขึ้นบ่อยครั้งและรุนแรงมากขึ้น

เมื่อสัปดาห์นี้ เจ้าหน้าที่ในกรุงปักกิ่งได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับความร้อนสูงสุดเป็นสถิติอันดับสองสำหรับเมืองหลวงในวันที่มีอากาศร้อนที่สุดวันหนึ่งของปี

ปีที่แล้วเป็นปีที่ร้อนที่สุดในจีนเท่าที่มีการบันทึกไว้ และสี่ปีที่ผ่านมาเป็นช่วงที่ร้อนที่สุดเท่าที่เคยมีมา

จีนเป็นผู้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกรายใหญ่ที่สุดในโลก แต่ก็เป็นแหล่งพลังงานหมุนเวียนด้วยเช่นกัน โดยมุ่งหวังที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้เหลือศูนย์ภายในปี 2060.