ครบเครื่อง
ญ. อมตะ



นาซาชี้ ดาวเคราะห์น้อย “2024 YR4” แทบไม่มีโอกาสชนโลกแล้ว

ดาวเคราะห์น้อย “2024 YR4” ซึ่งทำให้เกิดกระแสความกังวลว่ามันอาจจะพุ่งชนโลกในอีก 7 ปีข้างหน้า ล่าสุดนาซาลดโอกาสที่มันจะชนโลกลงจนแทบจะเป็นศูนย์แล้ว

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โลกเกิดกระแสความกังวลว่าดาวเคราะห์น้อย 2024 YR4 จะพุ่งชนโลกในอีก 7 ปีข้างหน้า โดยองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐฯ หรือ นาซา ปรับเพิ่มโอกาสที่มันจะชนโลกขึ้นอย่างรวดเร็วไปจนถึง 3.1% แต่การประเมินล่าสุดความเสี่ยงดังกล่าวลดลงจนแทบเป็นศูนย์แล้ว

ดาวเคราะห์น้อย 2024 YR4 ถูกค้นพบเมื่อ 27 ธ.ค. 2567 มีความกว้างประมาณ 40-90 ม. เล็กกว่าดาวเคราะห์น้อยที่ทำให้ไดโนเสาร์สูญพันธุ์มาก แต่นักวิทยาศาสตรประเมินว่า หากมันพุ่งชนโลกก็อาจก่อให้เกิดความเสียหายรุนแรง เนื่องจากมันสามารถปล่อยพลังงานได้เทียบเท่าระเบิดทีเอ็นทีหนัก 7.8 เมกะตัน

การประเมินดังกล่าวทำให้ทั่วโลกตื่นตัว ผู้เชี่ยวชาญเริ่มติดตามการโคจรของดาวเคราะห์น้อยดวงนี้อย่างใกล้ชิด และโอกาสที่มันจะพุ่งชนโลกในวันที่ 22 ธ.. 2575 ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จาก 1% ตอนประเมินในช่วงสิ้นเดือนมกราคม เป็น 3.1% ในวันที่ 18 ก.พ.

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลล่าสุดจากนาซาชี้ว่า ตอนนี้โอกาสที่ 2024 YR4 จะพุ่งชนโลกในวันดังกล่าวลดลงจนเหลือเพียง 0.0017% เท่านั้น หรือมองในมุมกลับคือ มีโอกาสถึง 99.9981% ที่มันจะโคจรผ่านโลกไปอย่างปลอดภัย และระดับความเสี่ยงชนโลกของมันตามมาตราโตริโน ก็ถูกปรับลดลงจากระดับ 3 เป็นระดับ 0

ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวไม่เหนือความคาดหมายของผู้เชี่ยวชาญ โดยเจ้าหน้าที่ของสำนักงานอวกาศยุโรป หรือ อีซา ชี้ว่า โอกาสชนโลกของดาวเคราะห์น้อยมักเพิ่มขึ้นก่อนจะลดลงมา เพราะนักวิทยาศาสตร์มีการสังเกตการณ์เพิ่มเติม

ขณะที่ ศ.โคลิน สนอดกราส ศาสตราจารย์วิชาดาวเคราะห์วิทยาจากมหาวิทยาลัยเอดินบะระ กล่าวว่า การตื่นตัวแบบนี้จะกลายเป็นสิ่งที่เป็นปกติมากขึ้น และมันไม่ควรเป็นสาเหตุให้เกิดความแตกตื่น เพราะการพบดาวเคราะห์น้อยเพิ่มขึ้นเป็นสัญญาณว่าเทคโนโลยีของเราพัฒนามากขึ้น ทำให้มนุษย์มีเวลาเตรียมตัวหากพบดาวเคราะห์น้อยอันตรายขึ้นมาจริงๆ

ที่มา : theguardian


แก๊งคอลเซ็นเตอร์ คืออะไร รู้ทันกลลวง พร้อมวิธีป้องกันก่อนเป็นเหยื่อ

“แก๊งคอลเซ็นเตอร์” กลุ่มมิจฉาชีพที่ทำงานหลอกลวงเหยื่อเป็นขบวนการ และกลายเป็นปัญหาระดับชาติ หลังจากมีประชาชนตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก ซึ่งส่งผลให้เกิดความเสียหายทางด้านเศรษฐกิจในภาพรวม บทความนี้ ไทยรัฐออนไลน์จะพาไปทำความรู้จักแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ คือใคร มีกลลวงอย่างไร พร้อมวิธีป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ

แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ คือใคร

แก๊งคอลเซ็นเตอร์ คือ กลุ่มมิจฉาชีพที่ทำงานเป็นขบวนการหลอกลวงเหยื่อด้วยเทคนิคต่างๆ ผ่านทางโทรศัพท์ โดยส่วนใหญ่จะอ้างตนเป็นหน่วยงานรัฐหรือเจ้าที่ราชการจากหน่วยงานต่างๆ เพื่อหลอกลวงเหยื่อให้เกิดความวิตกกังวล หวาดกลัว จนขาดสติโอนเงินในที่สุด

รู้ทันการหลอกลวงของแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ปัจจุบันกลการหลอกลวงของแก๊งคอลเซ็นเตอร์มีหลายรูปแบบ โดยส่วนใหญ่ที่พบได้บ่อย มีดังนี้

อ้างว่าติดต่อจากธนาคาร

กรณีอ้างว่าติดต่อจากธนาคาร มิจฉาชีพจะใช้วิธีหลอกล่อโดยแจ้งว่าบัตรเครดิตมียอดค้างชำระ บัญชีมีปัญหา หรือถูกอายัด และเหยื่อจะต้องโอนเงินเพื่อดำเนินการอีกที

อ้างว่าเป็นเจ้าหนี้นอกระบบ

ส่วนใหญ่มิจฉาชีพจะอ้างว่ามีคนใช้ชื่อ บัญชีธนาคารของเหยื่อไปกู้เงินนอกระบบ เพื่อไม่ให้ถูกประจานหรือถูกทำร้ายร่างกาย เหยื่อจะต้องโอนเงินคืนเพื่อใช้หนี้จำนวนดังกล่าว

อ้างว่าติดต่อจากขนส่งและตำรวจ

อีกหนึ่งกลลวงยอดฮิตคือ มิจฉาชีพจะอ้างว่าตนเองเป็นขนส่ง โดยจะแจ้งว่ามีพัสดุผิดกฎหมายที่เกี่ยวกับการฟอกเงินส่งถึงเหยื่อ โดยจะต้องโอนเงินเพื่อทำการตรวจสอบ บางรายจะได้โอนสายคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจปลอม เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์

หลอกว่าโอนเงินผิดบัญชี

กลลวงของการโอนเงินผิดบัญชี คือ มิจฉาชีพจะโอนเงินเข้าบัญชีเหยื่อก่อน 1 ครั้ง จากนั้นจะติดต่อมาเพื่อแจ้งว่าโอนผิดบัญชี และหลอกล่อให้เหยื่อโอนเงินคืนไปยังบุคคลที่สามแทน

หลอกให้ทำงานออนไลน์

การหลอกให้ทำงานออนไลน์พบได้บ่อยบนโซเชียลมีเดีย ส่วนใหญ่ระบุรายละเอียดงานว่าเป็นงานง่ายๆ รายได้ดี และใช้เวลาทำเพียงสั้นๆ ค่าแรงคุ้มค่า เพียงแต่หากจะรับค่าแรงต้องโอนค่าธรรมเนียมก่อน

หลอกว่าเป็นผู้โชคดี

กรณีนี้แก๊งคอลเซ็นเตอร์จะหลอกเหยื่อว่าเป็นผู้โชคดีจากการร่วมกิจกรรม ได้รับรางวัลใหญ่ที่มีมูลค่าสูง ซึ่งหากต้องการจะรับรางวัล จะต้องโอนจ่ายค่าภาษีก่อน

อ้างว่าเป็นนักธุรกิจ หลอกให้ร่วมลงทุน

กลลวงหลอกให้ลงทุนธุรกิจนั้น จะอธิบายถึงธุรกิจคร่าวๆ จากนั้นจะหลอกเหยื่อร่วมลงทุน และแจ้งกับเหยื่อว่าได้กำไรเพิ่มขึ้นแล้ว โดยเหยื่อจะต้องโอนเงินเพื่อเป็นค่าธรรมเนียมในการถอนเงินมาให้ก่อน

อ้างว่าจะถูกตัดไฟหรือน้ำประปา

มิจฉาชีพจะอ้างว่าเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ของการไฟฟ้าหรือการประปา จากนั้นจะแอบอ้างว่ามีการเปลี่ยนอุปกรณ์ หรือมียอดค้างชำระ และเพื่อไม่ให้ถูกตัดน้ำหรือไฟ เหยื่อจะต้องโอนเงินเพื่อดำเนินการทันที

อ้างว่าเป็นพนักงานจากเครือข่ายโทรศัพท์

มิจฉาชีพจะอ้างว่าเป็นหนึ่งในพนักงานของเครื่อข่ายโทรศัพท์ จากนั้นจะแจ้งข้อมูลของเหยื่อ โดยระบุว่าได้ดำเนินการผิดกฎหมาย ก่อนจะโอนสายไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจปลอมพูดคุยต่อ

อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่สรรพากร

กรณีนี้มิจฉาชีพจะอ้างตนว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของสรรพากร โดยหลอกว่าเหยื่อได้รับสิทธิ์คืนภาษี ต้องไปดำเนินการที่ตู้ ATM ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นการโอนเงินให้กับมิจฉาชีพแทน

หลอกว่ามีรูปหรือวิดีโอหลุด

มิจฉาชีพจะส่งคลิปลิงก์รูปหรือวิดีโอมาให้ โดยแจ้งว่าเป็นคลิปของเหยื่อ สามารถสร้างความอับอายต่อตนเองหรือครอบครัวได้ เมื่อเหยื่อเกิดความกังวลและกดคลิก จะถูกดูดเงินออกจากบัญชี

10 วิธีป้องกันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทำอย่างไรได้บ้าง

วิธีป้องกันและรับมือกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์มีดังนี้

ตั้งสติ พิจารณาไตร่ตรองข้อมูลก่อนเสมอ

ระวังการรับสายจากเบอร์ที่ไม่รู้จัก หรือเบอร์แปลก

ตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์ก่อนรับสาย โดยอาจจะค้นหาใน Google หรือแอปพลิเคชัน Whoscall ช่วยกรอกเบอร์แปลก

คำนึงไว้เสมอว่าหน่วยงานราชการ สถาบันการเงิน หรือเจ้าหน้าที่รัฐจะไม่สอบถามข้อมูลผ่านโทรศัพท์

หลีกเลี่ยงการให้ข้อมูลส่วนตัว เลขบัญชี รหัส หรือที่อยู่

เลี่ยงการโอนเงินให้เบอร์ที่น่าสงสัยทุกกรณี

หากไม่แน่ใจว่าปลายสายเป็นใคร ให้ติดต่อสอบถามข้อมูลกับธนาคารหรือหน่วยงานนั้นๆ โดยตรง

ห้ามคลิกลิงก์หรือไฟล์ที่ได้รับมาเด็ดขาด เนื่องจากอาจจะมีไวรัสที่ควบคุมการทำงานจากระยะไกลได้

หลีกเลี่ยงการเพิ่มเพื่อนทางแอปพลิเคชันไลน์ เพื่อติดต่อกับเจ้าหน้าที่

ดูแลผู้สูงอายุ หรือคนในครอบครัว อธิบายข้อมูลและวิธีป้องกันของแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ข้อควรปฏิบัติเมื่อให้ข้อมูลกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไปแล้ว

หากใครที่ให้ข้อมูลส่วนตัวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นรหัสผ่าน หรือข้อมูลบัตร แนะนำข้อควรปฏิบัติ ดังนี้

เปลี่ยนรหัสผ่านใหม่ทั้งหมด โดยเลี่ยงใช้รหัสที่คล้ายเดิม, วัน เดือน ปีเกิด, เลขเรียง, ชื่อภาษาอังกฤษ หรือเลขที่คาดเดาได้ง่าย

ระงับการใช้บัตรเดบิตหรือบัตรเครดิต

แจ้งธนาคารเจ้าของบัญชี

รวบรวมหลักฐานเพื่อแจ้งความ

หากถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกต้องทำอย่างไร

อย่างไรก็ดี หากตกเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แนะนำให้แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยเร็ว เพื่อติดต่อประสานงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และนำเอกสารมาติดต่อธนาคารที่ทำรายการโอนเงิน ส่วนใครที่ต้องการแจ้งความตลอด 24 ชั่วโมง สามารถแจ้งผ่านช่องทาง ดังนี้

สายด่วน สอท. 1441

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โทร. 1599

แจ้งความออนไลน์ผ่านเว็บไซต์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังคงระบาดหนักและมีเหยื่อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หากรู้เท่าทันกลลวง อีกทั้งจะต้องมีสติอยู่เสมอ และไม่กดคลิกลิงก์แปลกปลอมใดๆ ก็ช่วยป้องกันการตกเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้แล้ว


แค่ดูเล็บมือก็บอกได้ว่า “คุณ”จะมีเวลาในชีวิตเหลืออยู่เท่าไหร่

ดร.เดวิด ซินแคลร์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการมีอายุยืนยาว กล่าวว่าเล็บเป็นสัญญาณสำคัญที่บ่งบอกว่าคุณจะมีชีวิตอยู่ได้นานแค่ไหน ซึ่งทำไมคุณควรติดตามการเจริญเติบโตของเล็บของคุณ เว้นแต่คุณจะเป็นคนที่ขาดความใส่ใจในการทำเล็บ เล็บของคุณสามารถช่วยให้คุณทราบได้ว่า ชีวิตที่เหลืออยู่ในตัวคุณเท่าไร

ดร. เดวิด ซินแคลร์ เป็นตำนานในโลกแห่งพันธุศาสตร์ และมีชื่อเสียงจากงานวิจัยของเขาว่าทำไมเราถึงสูงวัย และเราจะชะลอผลกระทบของเข็มแห่งกาลเวลาได้อย่างไร...

เขาสอนชีววิทยาการสูงวัยและเวชศาสตร์การแปลที่ Harvard Medical School มาตั้งแต่ปี 1999 ดังนั้นเขาจึงรู้เรื่องเกี่ยวกับการแก่ตัวอย่างแน่นอน

นักวิชาการวัย 55 ปีที่เกิดในออสเตรเลียรายนี้เปิดเผยว่า คุณสามารถดูข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับปริมาณเชื้อเพลิงที่เหลืออยู่ในร่างกายของคุณได้ โดยเพียงแค่จับตาดูเล็บของคุณ...

“อัตราการเจริญเติบโตของเล็บเป็นตัวบ่งชี้ที่ดีว่าคุณอายุมากขึ้นหรือไม่แก่เลย” ดร. ซินแคลร์กล่าวเมื่อเร็ว ๆ นี้ระหว่างตอนของพอดแคสต์ Lifespan ของเขา

“ทุกครั้งที่ฉันต้องตัดเล็บ ฉันคิดว่า ‘ฉันตัดเล็บไปนานแค่ไหนแล้ว?'”

เขาอธิบายว่าสุขภาพเล็บของคุณสามารถบอกคุณได้มากมายเกี่ยวกับอัตราที่ร่างกายของคุณสร้างเซลล์ใหม่ที่มีสุขภาพดี และยิ่งใช้เวลาเร็วเท่าไรก็ยิ่งดีเท่านั้น...

ดร. ซินแคลร์ กล่าวว่า การหมุนเวียนของเซลล์อย่างรวดเร็วแปลว่าคุณมีอายุทางชีวภาพที่น้อยกว่า เนื่องจากในขณะที่คุณเติบโตเต็มที่ กระบวนการนี้จะช้าลง

“ทั้งหมดนี้เกิดจากการศึกษาในปี 1979 ที่พวกเขาติดเทปวัดเล็กๆ เหล่านี้เข้ากับเล็บของผู้คน และวัดมันเป็นเวลาหลายปี” ผู้เชี่ยวชาญกล่าว

ผลการวิจัยพบว่าอัตราการเติบโตของเล็บรายสัปดาห์ลดลงประมาณ 0.5% ในแต่ละปี หลังจากที่ผู้เข้าร่วมมีอายุครบ 30 ปี

“และจริงๆ แล้ว เมื่อดูผู้คนหลายพันคน ตอนนี้เรารู้แน่แล้วว่าอัตราการเจริญเติบโตของเล็บลดลง [โดย] ประมาณครึ่งเปอร์เซ็นต์ต่อปี” ดร. ซินแคลร์กล่าวต่อไป

“ถ้าคุณวัดสิ่งนั้น มันก็เป็นตัวบ่งชี้ที่ดีว่าคุณอายุเท่าไรทางชีววิทยา”

ดร.ซินแคลร์ ยอมรับว่า ถึงแม้เขาจะไม่ได้วัดขนาดเล็บของเขาในตอนนี้ แต่เขา ‘ให้ความสนใจว่าเล็บของฉันเติบโตช้าลงหรือไม่’...

ด้านแมทธิว ลาปลานเต พิธีกรร่วมของเขายอมรับว่าเขาไม่ได้ติดตามความยาวของเล็บของเขาเช่นกัน โดยกล่าวว่า “ฉันกัดเล็บ ซึ่งฉันรู้ว่ามันเป็นนิสัยแย่มาก”

โดยพื้นฐานแล้ว วิทยาศาสตร์แนะนำว่าหากเล็บของคุณยังคงยาวได้อย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ ที่อายุเท่าคุณ คุณก็อาจจะแก่ช้ากว่าพวกเขา

ดังนั้น ให้ตบหลังตัวเองถ้าคุณมีกรงเล็บดีๆ ติดอยู่

เมื่อคุณอายุมากขึ้น ร่างกายของคุณจะผลิตเคราตินน้อยลง ส่งผลให้เล็บของคุณเปราะบางมากขึ้น ตามที่ดร. มิเชลล์ เฮนรี ผู้ก่อตั้ง Skin and Aesthetic Surgery of Manhattan กล่าว

ก่อนหน้านี้เธอบอกกับ Huff Post ว่า “เมื่อเราอายุมากขึ้น ร่างกายของเราจะเริ่มผลิตโปรตีนตามธรรมชาติที่พบในเล็บน้อยลง ซึ่งอาจทำให้เล็บเปราะ แห้ง และมีแนวโน้มที่จะแตกหักมากขึ้น”

“โปรตีนเคราตินเหล่านี้ยังพบได้ในรูขุมขนของเราด้วย ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเราอาจเห็นการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเส้นผมเมื่อเราอายุมากขึ้น”

อ้างอิงข้อมูลจาก https://www.ladbible.com : 18 ก.พ.68


ใครใส่แหวนนอนต้องระวัง! กูรูเตือน “สวมแหวนนอน” เสี่ยงทั้งสุขภาพ-ทรัพย์สิน

ใครชอบใส่แหวนนอนต้องรู้ไว้! กูรูเตือน “สวมแหวนนอน”เสี่ยงทั้งสุขภาพ-ทรัพย์สิน แนะให้ทำอย่างนี้ร่างกายจะได้พักผ่อน

แหวนแต่งงาน และแหวนหมั้น เป็นสัญลักษณ์แห่งความรักที่มีไว้เพื่อคงอยู่ตลอดไป พวกเราหลายคนไม่เคยปล่อยให้แหวนหมั้น หรือแหวนแต่งงานหลุดมือไป อย่างไรก็ตาม การอุทิศตนเพื่อความรักที่แท้จริงนั้น แท้จริงแล้วอาจก่อให้เกิดผลร้ายมากกว่าผลดีได้

“นีล ดุตตา” (Neil Dutta) ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องประดับจาก Angelic Diamonds แบรนด์เครื่องประดับจากสหราชอาณาจักร เปิดเผยว่า การสวมแหวนข้ามคืนอาจทำให้เกิดอาการระคายเคือง อาการแพ้ และแม้แต่การติดเชื้อแบคทีเรียได้ นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายต่อแหวนเมื่อคุณนอนและพลิกตัว

ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ถอดแหวนออกก่อนเข้านอนเป็นนิสัยเพื่อยืดอายุแหวนให้ยืนยาวและทำให้ผิวของคุณแข็งแรง ไม่ว่าพวกเขาจะพิเศษหรือซาบซึ้งแค่ไหน คุณคงไม่อยากให้พวกเขากลายเป็นปัญหาเมื่อเวลาผ่านไป

“การสวมแหวนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะระหว่างการนอนหลับ จะสร้างสภาพแวดล้อมที่พร้อมสำหรับปัญหาผิวหนัง แหวนของคุณทำหน้าที่เสมือนเกราะป้องกัน กักความชื้น เซลล์ผิวที่ตายแล้ว และแบคทีเรียไว้กับผิวของคุณ” นีล ดุตตา กล่าว

สิ่งนี้สามารถนำไปสู่โรคผิวหนังอักเสบจากการสัมผัส ซึ่งเป็นภาวะที่ทำให้เกิดผื่นแดง คัน โดยเฉพาะในผู้ที่แพ้โลหะ สภาพที่อบอุ่นและชื้นของเตียงยังกระตุ้นให้เกิดการเจริญเติบโตของเชื้อราและการติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งอาจทำให้สภาพผิวที่มีอยู่เดิมรุนแรงขึ้นได้

นีล กล่าวว่า “การถอดแหวนออกตอนกลางคืน จะเป็นการช่วยให้ผิวของคุณได้หายใจ ลดการสร้างความชื้น และลดความเสี่ยงต่อสุขภาพที่อาจเกิดขึ้น ลองคิดว่ามันเป็นการ “ดีท็อกซ์” ให้กับนิ้วของคุณทุกคืนจากข้อจำกัดด้านเครื่องประดับ”

อ้างอิงข้อมูลจาก https://www.getsurrey.co.uk...


6 วิธีเซ็นบัตรประชาชนแบบไหน ให้ปลอดภัยจาก ‘มิจฉาชีพ’

รู้ไว้ไม่เสียหาย! 6 วิธีเซ็นบัตรประชาชนแบบไหน ให้ปลอดภัยจาก "มิจฉาชีพ" “ธนาคารกรุงไทย” ได้ออกมาโพสต์เพจเฟซบุ๊กแนะนำวิธีการเซ็นบัตรประชาชนอย่างไรให้ปลอดภัยจากมิจฉาชีพ โดยระบุว่า ทันมุกทุกมิจ 6 Checklist เซ็นบัตรประชาชนอย่างไรให้ปลอดภัย เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินข่าว การถูกแอบอ้างเอกสารสำคัญไปทำธุรกรรมต่าง ๆ จนสร้างความเสียหาย โดยเฉพาะสำเนาบัตรประชาชนที่เราต้องใช้บ่อยที่สุด ล่าสุด สคบ. ได้แนะนำวิธีการเซ็นรับรองสำเนาแบบปลอดภัย ที่จะช่วยให้เรายื่นสำเนาบัตรประชาชนได้อย่างมั่นใจ ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดอีกต่อไป

1.ถ่ายแค่หน้าบัตรเท่านั้น ไม่ถ่ายหลังบัตรเด็ดขาด เพราะมีรหัส Laser ID ที่ใช้ยืนยันตัวตนในการทำธุรกรรมการเงิน ถ้ารหัสนี้หลุดไปอาจถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดได้

2.ขีด 2 เส้นคร่อมบนสำเนาบัตร ไม่ทับรูปถ่าย เพราะจะทำให้ยากต่อการยืนยันตัวตน ทับเฉพาะข้อมูลที่สำคัญเพื่อป้องกันการปลอมแปลง

3.ระบุการใช้งานให้ชัดเจน เขียนระหว่างเส้นคร่อมว่าใช้สำหรับอะไร เช่น “ใช้สำหรับสมัครงานเท่านั้น” ป้องกันการนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์

4.ใส่ # หัว-ท้ายประโยค ป้องกันไม่ให้มีการเติมข้อความเพิ่ม

5.ลงวันที่ให้ชัดเจน ระบุ วัน/เดือน/ปี ที่เซ็นสำเนา ช่วยกำหนดอายุการใช้งานสำเนา

6.เซ็นรับรองสำเนาให้ถูกต้อง เขียน “สำเนาถูกต้อง” พร้อมเซ็นชื่อทับลงบนตัวบัตรเพื่อความปลอดภัยสูงสุด

ยุคที่มิจฉาชีพพัฒนาไปไกลขึ้น มีสติทุกครั้ง ป้องกันตัวเองง่ายๆ แค่นี้ อาจช่วยคุณได้มากกว่าที่คิด “เงินอยู่ในกระเป๋าเรา อย่าปล่อยให้ใครเอาไป กดแชร์เพื่อไม่ให้ใครโดนหลอกอีกต่อไป”….

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ : @Krungthai Care...