ครบเครื่อง
ญ. อมตะ



8+1 พหุศิลป์ POLY ARTS หนังสือและนิทรรศการศิลปะจาก ดร.ประทีป ตั้งมติธรรม ที่สร้างสรรค์ผลงาน

จากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญทั้งในวงการธุรกิจ ไปจนถึงศาสตร์และศิลป์มานานเกือบ 50 ปี โดยบูรณาการศิลปะทั้ง 8 แขนงออกมาอย่างงดงาม

นิทรรศการแสดงผลงานศิลปะอันทรงคุณค่าเพื่อสังคม และการเปิดตัวหนังสือ “8+1 พหุศิลป์ POLY ARTS” จัดขึ้นที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ที่ ดร.ประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมการมูลนิธิประทีป-อัจฉรา ตั้งมติธรรม บอกเล่าถึง “8+1 พหุศิลป์ POLY ARTS” ว่าได้บูรณาการศิลปะทั้ง 8 แขนง ได้แก่ สถาปัตยกรรม ประติมากรรม จิตรกรรม อักษรวิจิตร วรรณกรรม คีตกรรม เรขศิลป์

และการถ่ายภาพ พร้อมอีกหนึ่งแขนงพิเศษที่แตกต่าง คือ Management Art หรือศิลปะการบริจัดการนับเป็นการสร้างสรรค์จากแนวคิดที่สะท้อนชีวิตส่วนตัวและการทำงาน ซึ่งผลงานแต่ละชิ้นยังเป็นแรงบันดาลใจและแง่คิดที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างมีคุณค่าถ่ายทอดผ่าน 3 ภาษา ได้แก่ ไทย จีน และอังกฤษ ตัวอย่างผลงานที่โดดเด่น ได้แก่ "The Leaping-Forward Kangaroos" ประติมากรรมหมู่จิงโจ้ที่เกาะเกี่ยวกันในท่วงท่ากระโดด ซึ่งมีรูปทรงที่สอดคล้องกับยอดอาคารโค้งครึ่งวงกลมของโครงการ ศุภาลัย ไอคอน สาทร

นอกจากนี้ยังมีประติมากรรมอีกชิ้นหนึ่งคือ "The Illuminating Koalas" โคอาลาที่ปีนป่ายต้นไม้ในสวนและเปล่งแสงสว่างได้ในยามค่ำคืน มอบความสุขและความอบอุ่นให้กับผู้อยู่อาศัยและผู้คนที่เดินผ่านไปมา

สำหรับ Management Art หรือศิลปะการบริหารจัดการ เพื่อถ่ายทอดประสบการณ์และความเชี่ยวชาญที่ได้สั่งสมมา และส่งต่อผ่านบทความเรื่องการจัดการล้ำสมัยแบบศุภาลัย เพื่อให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ ดังตัวอย่างที่ถ่ายทอดออกมาเป็นตัวอักษร พร้อมกับฝีมือภาพถ่ายที่สวยงาม อาทิ

To believe you can, then you can. เชื่อว่าได้ถึงจะได้

Benevolence เมตตาธรรม Righteousness คุณธรรม Etiquette จารีตธรรม Wisdom ปัญญาธรรม

Trustworthiness สัตยธรรม The Power of imagination flies higher than anything. พลังจินตนาการ คือสิ่งที่บินสูงกว่าสิ่งใดๆ There are always more than one solutions. วิธีมีมากกว่าหนึ่งเสมอ

The greatness of a person is not the height or size, but the value of the person. ความยิ่งใหญ่ของคนไม่ได้อยู่ที่ขนาดสูงใหญ่ แต่อยู่ที่คุณค่าของคนๆ นั้น

งานนิทรรศการ "8+1 พหุศิลป์ POLY ARTS" จัดขึ้นระหว่างวันที่ 3-15 ธันวาคม 2567 ณ พื้นที่ผนังโค้ง ชั้น 3-5 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 10.00-19.00 น. ทุกวันอังคารถึงวันอาทิตย์ (ปิดวันจันทร์) สำหรับการจำหน่ายหนังสือ "8+1 พหุศิลป์ POLY ARTS" นั้น รายได้ทั้งหมดไม่หักค่าใช้จ่าย จะสนับสนุนการดำเนินโครงการของหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร และสนับสนุนการดำเนินโครงการของมูลนิธิประทีป-อัจฉรา ตั้งมติธรรม


ไทยเฮ ยูเนสโกรับรอง “ต้มยำกุ้ง” ขึ้นทะเบียนมรดกจับต้องไม่ได้

“สุดาวรรณ” รมว.วัฒนธรรม เผยยูเนสโก รับรอง ‘ต้มยำกุ้ง’ อาหารชื่อดังของประเทศไทย ขึ้นทะเบียนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ ประจำปี 2567

4 ธ.ค. 67 นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.วัฒนธรรม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลเพื่อการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ครั้งที่ 19 (The nineteenth session of the Intergovernmental Committee for the Safeguarding of the Intangible Cultural Heritage: IGC-ICH) ขององค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ UNESCO เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2567 ระหว่างเวลา 14.50 - 16.30 น. (เวลาท้องถิ่น) ณ นครอซุนซิออน (Asuncion) สาธารณรัฐปารากวัย หรือตรงกับวันที่ 4 ธันวาคม ระหว่างเวลา 00.50 – 02.30 น. (ของประเทศไทย) มีมติรับรองให้ “ต้มยำกุ้ง” (Tomyum Kung) ขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ (Representative List of the Intangible Cultural Heritage of Humanity : RL) ประจำปี 2567 ต่อจากรายการ โขน นวดไทย โนรา และสงกรานต์ ในปีที่ผ่านมา

รมว.วัฒนธรรม กล่าวอีกว่า ในการเสนอต้มยำกุ้งขึ้นทะเบียนมรดกฯ กับยูเนสโกนี้ คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2564 เห็นชอบให้กระทรวงวัฒนธรรม(วธ.) โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม(สวธ.) เสนอขอขึ้นทะเบียน “ต้มยำกุ้ง” (Tomyum Kung) เป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ ภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ค.ศ. 2003 ของยูเนสโก หลังจากที่ต้มยำกุ้ง ได้รับการประกาศขึ้นบัญชีมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติเมื่อปี พ.ศ. 2554 ในสาขาความรู้และการปฏิบัติเกี่ยวกับธรรมชาติและจักรวาล ประเภทอาหารและโภชนาการ ด้วยต้มยำกุ้ง เป็นมรดกภูมิปัญญาฯ ที่สะท้อนให้เห็นถึงวิถีการดำเนินชีวิตของคนไทย ที่มีความเรียบง่าย มีสุขภาวะทั้งกายและใจที่แข็งแรง รู้จักการพึ่งพาตนเองด้วยวิธีธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรอบตัว เป็น “กับข้าว” ที่คนในชุมชนเกษตรกรรมริมแม่น้ำในพื้นที่ภาคกลาง นำวัตถุดิบที่มีอยู่ในชุมชนท้องถิ่นมาสร้างสรรค์เป็นอาหารเพื่อสุขภาพ โดยชื่อ ต้มยำกุ้ง เกิดจากการนำคำ 3 คำมารวมกันได้แก่ “ต้ม” “ยำ” และ “กุ้ง” ซึ่งหมายถึงกระบวนการทำอาหารที่นำเนื้อสัตว์ คือ กุ้ง ต้มลงในน้ำเดือดที่มีสมุนไพรซึ่งปลูกไว้กินเองในครัวเรือนอย่างข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด และปรุงรสจัดจ้านแบบยำ ให้มีรสเปรี้ยวนำด้วยมะนาว ตามด้วยรสเค็มจากเกลือหรือน้ำปลา รสเผ็ดจากพริก รสหวานจากกุ้ง และขมเล็กน้อยจากสมุนไพร นั่นเอง

“ปัจจุบันภูมิปัญญาการทำต้มยำกุ้งได้มีการสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นอย่างต่อเนื่อง และแพร่กระจายไปยังพื้นที่อื่น อย่างกว้างขวางทั้งในประเทศและต่างประเทศ ก่อให้เกิดการสร้างสรรค์สูตรต้มยำกุ้งที่แปลกใหม่มากมาย เพื่อตอบสนองต่อสภาพทางภูมิศาสตร์ วิถีชีวิต และรสนิยมการบริโภคอาหารที่แตกต่างกันไปของคนกลุ่มต่าง ๆ ทั้งยังเป็นอาหารที่ได้รับความนิยม ชื่นชอบของชาวต่างชาติ ถือเป็น Soft power ด้านอาหาร เมนูสำคัญของประเทศไทย ที่วธ.พร้อมสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาต่อยอดเป็นเมนูยอดนิยมของคนทั่วโลก” รมว.วัฒนธรรม กล่าว

ทั้งกล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากรายการต้มยำกุ้งแล้ว ในวันที่ 4 ธ.ค. เวลาระหว่าง 09.30 - 12.30 น. (ท้องถิ่น) สาธารณรัฐปารากวัย ซึ่งตรงกับเวลาประเทศไทยระหว่าง 19.30 – 22.30 น. ขอเชิญชวนชาวไทยโดยเฉพาะพี่น้องภาคใต้เตรียมลุ้น “เคบายา” รายการมรดกวัฒนธรรมที่เสนอขึ้นร่วม 5 ประเทศ คือ มาเลเซีย บรูไน อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และไทย จะได้รับการรับรองให้ขึ้นทะเบียนในปีเดียวกันอีกด้วย ทั้งนี้วธ.โดยสวธ. ขอเชิญพี่น้องประชาชนร่วมกิจกรรมงานฉลองต้มยำกุ้งและเคบายา มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ ระหว่างที่ 6 – 8 ธ.ค. 67 ณ Quartier Avenue ชั้น G ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์ โดยในวันที่ 6 ธ.ค. เวลา 18.00 น.จะมีพิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการ ภายในงานพบกับเชฟไอซ์ ศุภักษร จงศิริ ผู้สร้างประวัติศาสตร์พาร้านอาหารไทย 'ศรณ์' คว้ารางวัล สามดาวมิชลินเป็นแห่งแรกของโลก และการสาธิตการทำต้มยำกุ้ง โดยเชฟตุ๊กตา (ครัวบ้านยี่สาร) หนึ่งในผู้เข้าแข่งขันเชฟกระทะเหล็กประเทศไทย พร้อมให้ชิมต้มยำกุ้งฟรี รวมถึงการแสดงแฟชั่นโชว์ชุดเคบายาด้วย


เตือนภัย! ซื้อสินค้าออนไลน์ระวังร้านค้าปลอม

เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.67 เพจ ตำรวจสอบสวนกลาง แจ้งว่า กลับมาอีกครั้งกับช่วงเทศกาลปลายปี ไม่ว่าจะเป็น ปีใหม่หรือคริสต์มาส หลายๆ คนคงเริ่มจะหาของขวัญสำหรับเทศกาลสำคัญแบบนี้ แต่ก็ต้องระวังมิจฉาชีพ เพราะในช่วงนี้จะเป็นช่วงเวลาที่มิจฉาชีพชอบฉวยโอกาสในการหลอกลวงมากที่สุด

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) จึงขอแนะนำวิธีสังเกตร้านค้าปลอม ที่มิจฉาชีพมักใช้หลอกลวง

ตั้งราคาถูกเกินจริง - โดยจะมีการอ้างว่าเป็นโปรโมชั่นพิเศษช่วงเทศกาล ถ้าเจอราคาที่ถูกกว่าในท้องตลาดมากๆ ให้คิดไว้ก่อนว่าอาจเป็นมิจฉาชีพ

อ้างว่ามีสินค้าจำนวนจำกัด - ทำให้เราจำเป็นต้องตัดสินใจเร็วๆ

ใช้ข้อความในร้านค้าแปลกๆ - ไม่ว่าจะเป็นคำที่ผิดไวยากรณ์ ตัวอักษรที่ดูแปลกๆ สระลอยๆ และรูปแบบการเรียงประโยคที่ดูเหมือนใช้โปรแกรมแปลภาษา ถ้าพบเจอลักษณะนี้ ให้คิดไว้ก่อนว่าอาจเป็นมิจฉาชีพ

ให้โอนเงินผ่านบัญชีที่ไม่เกี่ยวข้องกับร้านค้า - ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าทางการแต่ให้โอนในบัญชีส่วนตัว หรือเป็นบัญชีที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับร้านค้าเลย เมื่อเราโอนเงินไปแล้วก็บล็อก และติดต่อไม่ได้

ร้านค้ามีรีวิวน้อย หรือ ไม่มีการรีวิวใดๆ เลย - ชื่อร้านค้ามีการใช้อักขระแปลกๆ โดยเฉพาะร้านค้าทางการ ที่ไม่ควรมีตัวอักษรแปลกๆ ในการสะกด และร้านค้า ถึงแม้จะมีรีวิวคะแนนที่สูง แต่ว่ามีจำนวนที่น้อยมาก หากพบเจอลักษณะแบบนี้ ให้คิดไว้ก่อนว่าอาจจะเป็นมิจฉาชีพได้

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) จึงฝากเตือนภัยให้ทุกท่าน ก่อนซื้อสินค้าทุกครั้งอย่าลืมตรวจสอบร้านค้า และบัญชีก่อนโอนเงินทุกครั้ง หรือเลือกซื้อผ่านแพลตฟอร์มที่มีการรับประกัน หรือมีบริการคืนเงิน และหากสงสัยว่าถูกหลอก สามารถปรึกษาได้ที่สายด่วนศูนย์ AOC 1441 ตลอด 24 ชั่วโมง

ขอบคุณ เพจ ตำรวจสอบสวนกลาง

#เพจปลอม #ร้านค้าปลอม #เตือนภัย #AOC1441 #ตำรวจสอบสวนกลาง #CIB


'หมูเด้ง' ซุปตาร์ดันวัฒนธรรมไทยสู่ระดับโลก

“หมูเด้ง”ซุปเปอร์สตาร์ฮิปโปแคระที่โด่งดังเป็นไวรัลทั่วโลกจากความน่ารักขี้เล่น สื่อต่างประเทศนำไปลงข่าว นิตยสาร TIME พาดหัวข่าวเป็นไอคอนไลฟ์สไตล์ที่กิน นอน และแอคชั่นดราม่า สร้างปรากฎการณ์หมูเด้ง ช่วยให้ยอดนักท่องเที่ยวเข้าชมสวนสัตว์เปิดเขาเขียว จ.ชลบุรี เพิ่มทวีคูณ

จากความฮอตหมูเด้ง กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ร่วมกับสวนสัตว์เปิดเขาเขียว เปิดตัวโครงการส่งเสริม Thai Cultural Content for Soft Power Presented by Moo Deng เพื่อขับเคลื่อนนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจวัฒนธรรม ผ่าน”หมูเด้ง” ฮิปโปแคระ ในสวนสัตว์เปิดเขาเขียวที่กำลังโด่งดังในโลกออนไลน์ มาสื่อสารความเป็นไทยสู่สากล พร้อมเปิดตัวมาสคอต “น้องหมูเด้ง” ให้เป็นที่รู้จักเป็นที่แีก ที่สวนสัตว์เปิดเขาเขียว เมื่อวานนี้

น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.วัฒนธรรม กล่าวว่า ขณะนี้หมูเด้งโด่งดังทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก มีการทำคอนเทนท์ต่างๆในการสื่อสารความน่ารักของตัวหมูเด้ง โดยไม่มีการแบ่งอายุ เพศ เชื้อชาติ จึงหวังว่าจะนำหมูเด้งจะมาเป็นตัวแทนของประเทศไทย ในการสื่อสารความเป็นไทยไปให้คนทั่วโลกได้เห็นและเข้าใจง่าย โดยเฉพาะการส่งเสริมวัฒนธรรมของไทยหรือช่วยโปรโมทประเพณี อาหาร หรือซอฟต์พาวเวอร์ด้านอื่นๆ แบบละมุนละม่อม ไม่ยัดเยียดผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลต่างๆไม่ว่าจะเป็น เฟซบุ๊ก อินสตราแกรม และ ติ๊กต๊อก เป็นต้น

รมว.วธ.กล่าวต่อว่า ใกล้ถึงเทศกาลลอยกระทง ถือเป็นประเพณีสำคัญของประเทศไทย วธ. จึงนำร่องแนวความคิดใช้หมูเด้งเป็นสื่อกลางเชิญชวนให้คนไทยออกมาลอยกระทง เป็นหนึ่งในพรีเซนเตอร์ และอินฟลูเอนเซอร์ทางวัฒนธรรมของประเทศไทยที่จะทำให้คนทั่วโลกได้รับรู้และรู้จักประเพณีลอยกระทงของไทย โดยเริ่มนำเสนอผ่านช่องทางติ๊กต๊อกที่ให้หมูเด้งมาโชว์ความน่ารักจากนั้นจะนำเสนอในเทศกาลอื่นๆ ต่อไป

นายประสพ เรียงเงิน กล่าวว่า ขอบคุณองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยและสวนสัตว์เปิดเขาเขียวเปิดโอกาสให้ สวธ. จัดโครงการส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ผ่านน้องหมูเด้งซึ่งโด่งดังไปทั่วโลก ถ้าเทียบกับศิลปินระดับโลกคงจะมีค่าตัวที่แพงมาก ความเป็นหมูเด้ง คือ ความเป็นไทยที่ถูกใส่เข้าไปในตัวน้องหมูเด้งผ่านทีมงานของสวนสัตว์เขาเขียว ทั้งหมดเป็นจุดที่รมว.วธ. และสวธ.เห็นตรงกันถ้าน้องหมูเด้งเป็นตัวแทนที่จะสื่อสารความเป็นไทยจะต้องร่วมมือกัน หลังประสานได้รับการตอบรับที่ดี จึงจัดโครงการดังกล่าวขึ้น ที่ผ่านมาจะใช้บุคคลเป็นทูตวัฒนธรรม ทั้ง นักกีฬา บุคคลที่มีชื่อเสียง ส่วนหมูเด้งมีความน่ารัก เป็นตัวของตัวเอง ทีมงานสวนสัตว์ได้ส่งเสริมคอนเทนต์ในมุมมองที่ดีมากผ่านโซเชียล หากเราใช้ความเป็นไทยเสนอผ่านหมูเด้งจะเป็นประโยชน์อย่างมาก ประกอบกับ ปีนี้ วธ.ยกระดับ “ประเพณีลอยกระทง” เป็น World Event ที่ทุกคนตั้งใจมา และมีธีม

นายอรรถพร ศรีเพ็ญ ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมป์ กล่าวว่า การร่วมโครงการส่งเสริม Thai Cultural for soft power presented by Moo Deng กับกระทรวงวัฒนธรรม ทางสวนสัตว์เปิดเขาเขียวไม่ได้คิดค่าตัว เพราะหมูเด้งเป็นสมบัติของคนไทย หมูเด้งถือเป็นสัตว์เจนเนอเรชั่น 3 ของสวนสัตว์เปิดเขาเขียวที่โด่งดังมาก มีคนตามติดชีวิต 24 ชม. ก่อนหน้านี้ เป็นคาปิบาร่าที่คนรู้จักในชื่อไทย “กะปิ -ปลาร้า ” และสลอต ส่วนหมูเด้งได้นำเสนอภาพน่ารักให้ทุกคนได้เห็น โดยผู้เลี้ยงนำภาพทั้งการอาบน้ำ ฮิปโปกินอาหาร ที่ทุกคนไม่เคยเห็น ซึ่งเป็นความน่ารักของคนเลี้ยงและสัตว์ จากปรากฎการณ์หมูเด้งขณะนี้ขยายวงกว้างเกิดจักรวาลฮิปโปขึ้นแล้ว

“ จากหมูเด้งสวนสัตว์เปิดเขาเขียว จ.ชลบุรี ไป จ.อุบลราชธานี มีน้องคากิ หลานหมูเด้งและน้องพะโล้ ส่วนที่จ. ขอนแก่นมีฮิปโปแคระด้วงมะพร้าวเปลี่ยนลื่อเป็นหมูด้วง เชียงใหม่ก็มีเช่นกัน ส่วนจ.ศรีษะเกษกำลังโหวตตั้งชื่อทราบว่า มีชื่อหอมแดง ส่งประกวดด้วย แก๊งค์หมูเด้งขยายวงกว้าง ชื่อสัตว์ก็สื่อสารความเป็นไทย ทำให้เกิดการเข้าถึงวัฒนธรรมแต่ละภูมิภาค เรามีแผนนำสวนสัตว์เปิดเขาเขียวก้าวไปข้างหน้า โดยไม่ทิ้งเสน่ห์ความเป็นไทย ภายใน3 ปี จะผลักดันให้หมูเด้งเป็นสัตว์ยอดนิยม Top5 ในเอเชีย “ นายอรรถพร กล่าว

“ลอยกระทงวิถีไทย ปลอดภัย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ” ดังนั้น เรื่องที่อยากจะสื่อสาร นอกจากประเพณี ยังมีน้องหมูเด้งกับการดูแลธรรมชาติสิ่งแวดล้อม จะทำให้คนอยากมาเที่ยวประเทศไทยมากขึ้น

นายอรรถพล หนุนดี ผู้ดูแลหมูเด้ง และแอดมินเพจ“ขาหมูแอนด์เดอะแก๊งค์” กล่าวว่า ตอนนี้หมูเด้งจะพักผ่อนเยอะ นอนอย่างเดียว จะมีช่วงวิ่งเล่น 10 นาที แต่ตนจะถ่ายภาพและบันทึกวิดีโอไว้ ตัดมาลงในโซเชียล คนจึงคิดว่า หมูเด้งวิ่งทั้งวัน แต่จริงๆ นอนหลับ ซึ่งคนชอบดูตอนวิ่งเล่นมากกว่า หมูเด้งมีกล้องติดตามชีวิต24 ชม. โดยในช่วง 6 เดือนนี้ หมูเด้งจะมีความน่ารักในวัยเด็ก แต่ตนคิดว่า เมื่อเติบโตขึันความน่ารักจะแตกต่างออกไป ช่วงนี้น้องโตเร็วมาก ถ้าอยากดูตอนตัวเล็กๆ มาชมตอนนี้ จะเห็นความผูกพันลูกฮิปโปกับแม่ฮิปโป ซึ่งจะแม่ลูกจะตัวติดกันไปจนถึงอายุ 5 ปี ฝากชมความน่ารักกันต่อไป

นอกจากเปิดตัวโครงการแล้ว มีพิธีมอบเกียรติบัตร “Thai cuteness : ตัวตึง ถึงไทย” ให้แก่น้องหมูเด้ง ในฐานะผู้สื่อสารความเป็นไทยสู่สากล รวมถึงจะมีกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการประชาสัมพันธ์ด้วยสื่อนวัตกรรมรูปแบบต่าง ๆ เช่น สื่อในประเพณีลอยกระทง สงกรานต์ ตลอดจนกิจกรรมทางวัฒนธรรมส่งเสริมคุณค่ามรดกภูมิปัญญาวัฒนธรรมไทยสู่สายตานานาชาติที่คาดว่าจะเป็นกระแสโลกได้ โดยมีน้องหมูเด้ง “Thai cuteness : ตัวตึง ถึงไทย”เป็นสื่อเผยแพร่ผ่านช่องทางสื่อและกิจกรรมต่าง ๆ คาดว่า จะทำให้วัฒนธรรมไทย และกิจกรรม สินค้าบริการของไทยได้รับความสนใจมากขึ้น โกยเงินเข้าประเทศ