ครบเครื่อง
ญ. อมตะ



วันจักรี 6 เมษายนของทุกปี ประวัติวันจักรี มีความสำคัญอย่างไร?

วันจักรี 2568 ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน 2568 เป็นวันหยุดราชการในประเทศไทย (หยุดชดเชยในวันจันทร์ที่ 7 เมษายน 2568) และยังเป็นวันสำคัญที่มีความเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ของกรุงรัตนโกสินทร์ มีประวัติความเป็นมาและความสำคัญอย่างไร ติดตามได้จากบทความนี้

วันจักรี คือวันอะไร ตรงกับวันที่เท่าไหร่?

วันจักรี (ภาษาอังกฤษ Chakri Memorial Day) คือ วันเสด็จปราบดาภิเษกขึ้นครองราชสมบัติของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) เป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2325 และตั้งกรุงเทพฯ เป็นเมืองหลวงของประเทศไทยมาจนถึงปัจจุบัน ทำให้วันที่ 6 เมษายนของทุกปี ถือเป็นวันครบรอบการก่อตั้งราชวงศ์จักรี จึงถูกเรียกว่า "วันจักรี" นั่นเอง และยังถือเป็นวันที่ระลึกถึงมหาจักรีบรมราชวงศ์อีกด้วย

ที่มาของคำว่า "ราชวงศ์จักรี"

บรรดาศักดิ์เดิมของรัชกาลที่ 1 สมัยที่รับราชการในสมัยกรุงธนบุรีก็คือ "เจ้าพระยาจักรีศรีองครักษ์" ตำแหน่งสมุหนายก จึงกลายเป็นที่มาของชื่อราชวงศ์จักรี นอกจากนี้ยังใช้ตราสัญลักษณ์ประจำราชวงศ์จักรีเป็นรูป "พระแสงจักร" และ "พระแสงตรี" ซึ่งเป็นรูปตรีศูลอันเป็นอาวุธของพระนารายณ์ โดยไทยได้รับอิทธิพลจากคติพราหมณ์-ฮินดู ที่เชื่อว่าพระมหากษัตริย์คือองค์อวตารของพระนารายณ์

ประวัติวันจักรี มีความเป็นมาอย่างไร?

หลังจากสิ้นสุดรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชแห่งกรุงธนบุรี พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) เสด็จขึ้นครองราชสมบัติและปราบดาภิเษกปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ทรงมีพระราชกรณียกิจที่สำคัญหลายประการ ทั้งทรงตรากฎหมายตราสามดวงขึ้นเพื่อสำหรับใช้บริหารบ้านเมือง และทรงให้สร้างราชธานีใหม่ โดยย้ายเมืองหลวงจากฝั่งธนบุรีมายังฝั่งพระนคร ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา หรือที่เราเรียกว่า "กรุงเทพฯ" ในปัจจุบัน

ต่อมาใน พ.ศ. 2416 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) โปรดเกล้าฯ ให้มีการหล่อพระบรมรูปพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 1-4 แห่งราชวงศ์จักรี ประดิษฐานไว้ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท จนกระทั่งในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) โปรดเกล้าฯ ให้ประดิษฐานพระบรมรูปของรัชกาลที่ 5 เพิ่มเติม และทรงประกาศตั้งพระราชพิธีถสายบังคมพระบรมรูป ทั้งพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ และประชาชน จะเข้าถวายบังคมปีละ 1 ครั้ง เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณขององค์พระมหากษัตริย์ไทยที่ทรงทำนุบำรุงประเทศเรื่อยมา รวมถึงโปรดเกล้าฯ ให้วันที่ 6 เมษายนของทุกปี เป็น "วันจักรี" และใช้มาจนถึงปัจจุบัน

ความสำคัญวันจักรีและกิจกรรมในวันจักรี 2568

ในวันจักรีของทุกๆ ปี คือวันที่พสกนิกรชาวไทยจะร่วมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) ผู้ทรงเป็นพระปฐมกษัตริย์ของราชวงศ์จักรีแห่งกรุงรัตนโกสินทร์

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จพระราชดำเนินไปยังปฐมบรมราชานุสรณ์ เชิงสะพานพระพุทธยอดฟ้า เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ในการพระราชพิธีวันพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และวันที่ระลึกมหาจักรีบรมราชวงศ์ ซึ่งตรงกับวันที่ 6 เมษายนของทุกปี

ทั้งนี้ ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี หน่วยงานรัฐ-เอกชน ข้าราชการ รวมถึงประชาชน จะเข้าร่วมพิธีวางพวงมาลาเนื่องในวันจักรี ขณะที่ประชาชนจะประดับธงชาติตามอาคารบ้านเรือนเพื่อระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของล้นเกล้ารัชกาลที่ 1


นักดาราศาสตร์พบบริวารใหม่ของดาวเสาร์เพิ่ม รวมเป็น 145

นักดาราศาสตร์พบบริวารใหม่ของดาวเสาร์เพิ่ม รวมเป็น 145 ดวง ทวงคืนบันลังก์ ราชาแห่งดวงจันทร์บริวาร กลายเป็นดาวเคราะห์ที่มีดวงจันทร์บริวารมากที่สุดในระบบสุริยะ

หลังจากที่เสียแชมป์ให้แก่ดาวพฤหัสบดีไปไม่ถึงครึ่งปี ดาวเสาร์ก็ทวงตำแหน่งคืนได้อีกครั้ง เมื่อนักดาราศาสตร์พบบริวารของดาวเสาร์เพิ่มขึ้นคราวเดียวถึง 62 ดวง เพิ่มจากของเดิม 83 ดวง ทำให้ยอดจำนวนบริวารของดาวเสาร์ตอนนี้มีมากถึง 145 ดวงแล้ว กลายเป็นดาวเคราะห์ที่มีดวงจันทร์บริวารมากที่สุดในระบบสุริยะ ส่วนดาวพฤหัสบดีแชมป์เก่ายังอยู่ที่ 95 ดวง เรียกว่าดาวเสาร์ ทวงคืนบันลังก์ 'ราชาแห่งดวงจันทร์บริวาร'

การค้นพบครั้งนี้เป็นผลงานของมหาวิทยาลัยบริติชโคลัมเบีย ซึ่งสำรวจดาวเสาร์โดยใช้กล้องโทรทรรศน์แคนาดา-ฝรั่งเศส-ฮาวายที่อยู่บนบนยอดเขามานาเคอา ความสามารถของกล้องที่ทรงพลังอย่างเดียวไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการค้นพบครั้งสำคัญนี้ แต่เป็นเทคนิคการประมวลภาพที่คณะนี้นำมาใช้ เรียกว่า วิธีเลื่อนแล้วซ้อน

นักวิทยาศาสตร์คณะนี้ได้ใช้ภาพถ่ายดาวเสาร์ที่ถ่ายระหว่างปี 2562 ถึง 2564 แล้วนำภาพถ่ายแต่ละภาพที่ถ่ายตามลำดับเวลากันมาวางให้เหลื่อมกันโดยให้มีระยะเหลื่อมสอดคล้องกับความเร็วในการเคลื่อนที่ของดวงจันทร์บนท้องฟ้า แล้วนำภาพในแต่ละภาพมาซ้อนกัน วิธีนี้ช่วยให้จุดภาพของดวงจันทร์ดวงเล็กที่จางมากจนมองไม่เห็นในแต่ละภาพปรากฏเด่นชัดขึ้นมาได้ นักดาราศาสตร์เคยใช้เทคนิคนี้ในการค้นหาดวงจันทร์ของดาวยูเรนัสและเนปจูนมาแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่มีการใช้เทคนิคนี้กับดาวเสาร์

ดวงจันทร์ที่พบใหม่ทั้งหมดเป็นดวงจันทร์ประเภทดวงจันทร์อปกติ ซึ่งหมายถึงเป็นดวงจันทร์ที่มีวงโคจรกว้างและรีมาก มีระนาบวงโคจรทำมุมกับระนาบเส้นศูนย์สูตรของดาวเสาร์มากกว่าปกติ บางดวงถึงกับโคจรรอบดาวเสาร์ในทิศทางสวนทางกับการหมุนรอบตัวเองของดาวเสาร์ วงโคจรที่แปลกประหลาดเช่นนี้ทำให้นักดาราศาสตร์เชื่อว่าดวงจันทร์ประเภทนี้เป็นวัตถุจากที่อื่นที่ผ่านเข้ามาแล้วถูกสนามความโน้มถ่วงของดาวเสาร์คว้าจับเอาไว้เป็นบริวาร

ดวงจันทร์อปกติมักเกาะกลุ่มกัน นักดาราศาสตร์พบว่าดาวเสาร์มีกลุ่มของดวงจันทร์อปกติสามกลุ่ม คือกลุ่ม อินูอิต กัลลิก และนอร์ส กลุ่มนอร์สมีจำนวนดวงจันทร์มากที่สุด ในจำนวนดวงจันทร์ 62 ดวงที่เพิ่งพบใหม่นี้พบว่ากระจายกันไปทั้งสามกลุ่ม โดยอยู่ในกลุ่มนอร์สมากที่สุด นักดาราศาสตร์เชื่อว่าการที่มีการเกาะกลุ่มกันเช่นนี้ แสดงว่าดวงจันทร์เหล่านี้เป็นชิ้นส่วนที่แตกออกมาจากการชนครั้งใหญ่ในอดีต


ครม. ไฟเขียวเสนอ "วัดพระมหาธาตุฯ นครศรีธรรมราช" ขึ้นทะเบียนมรดกโลก

เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบเอกสารนำเสนอขอประกาศขึ้นทะเบียนมรดกโลก (Nomination Dossier) ฉบับสมบูรณ์ของแหล่งวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร (วัดพระบรมธาตุ) จังหวัดนครศรีธรรมราช ไปยังศูนย์มรดกโลก ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส เพื่อนำเสนอเข้าสู่กระบวนการพิจารณาขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลก กระทรวงวัฒนธรรม ทั้งนี้ไทยเองมีการยกระดับการบริการของพิพิธภัณฑ์โบราณสถาน อุทยานประวัติศาสตร์ และมีการส่งเสริม สร้างสรรค์ทุนทางวัฒนธรรมให้เป็นทุนทางเศรษฐกิจ โดยให้มีแหล่งมรดกโลกครบทุกภูมิภาคและเร่งการขึ้นทะเบียนมรดกทางวัฒนธรรมทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับประเทศ และระดับโลก

นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวว่า หลังจากที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบให้นำเสนอเอกสารขอประกาศขึ้นทะเบียนมรดกโลก (Nomination Dossier) ฉบับสมบูรณ์ ของแหล่งวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร (วัดพระบรมธาตุ) จังหวัดนครศรีธรรมราช ไปยังศูนย์มรดกโลก หากวัดพระมหาธาตุฯ จังหวัดนครศรีธรรมราชได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนมรดกโลก จะเป็นแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมแหล่งที่ 6 ของประเทศไทย และเป็นแหล่งมรดกโลกแห่งแรกในภาคใต้ จะนำมาซึ่งความภาคภูมิใจและการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับท้องถิ่นและประเทศไทย เพิ่มศักยภาพการแข่งขันในเวทีโลก

กระบวนการพิจารณาประกาศขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกของแหล่งวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร (วัดพระบรมธาตุ)

1.ภายในวันที่ 31 มกราคม 2568 ดำเนินการจัดส่งเอกสารขอประกาศขึ้นทะเบียนมรดกโลก (Nomination Dossier) ฉบับสมบูรณ์ถึงศูนย์มรดกโลก

2. เดือนกุมภาพันธ์ – พฤษภาคม 2568 ศูนย์มรดกโลกนำเรื่องเข้าสู่กระบวนการประเมินซึ่งอาจมีการประสานจากศูนย์มรดกโลก เพื่อแจ้งการได้รับเอกสาร ความคืบหน้า หรือขอข้อมูลเพิ่มเติม

3. เดือนสิงหาคม 2568 เป็นต้นไปจะเข้าสู่กระบวนการตรวจประเมินประกอบด้วย 3 ส่วน ได้แก่ การประเมินศักยภาพของแหล่งในพื้นที่, การประเมินคุณค่าของแหล่งตามเอกสารที่นำเสนอและการตอบข้อซักคำถาม

4. เดือนพฤษภาคม 2569 ศูนย์มรดกโลกจะรวบรวมความเห็นขององค์กรที่ปรึกษาฯ และจัดทำร่างมติผลการพิจารณาประกาศขึ้นทะเบียนมรดกโลกแจ้งต่อรัฐภาคี และพิจารณาบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ และเดือนมิถุนายน – กรกฎาคม 2569 คณะกรรมการมรดกโลกพิจารณาตัดสินการประกาศขึ้นทะเบียนมรดกโลก


วว.พัฒนาเทคโนโลยีผลิต ‘ถ่านคาร์บอน’ จากกาแฟ สร้างอาชีพ พลังงานทดแทน ลดก๊าซเรือนกระจก

“กาแฟ” เป็นเครื่องดื่มยอดนิยมที่ผู้คนทั่วโลกต่างหลงใหล ด้วยรสชาติที่เข้มข้นทำให้ร่างกายสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ไม่ว่าจะดื่มในตอนเช้าหรือบ่ายส่งผลให้อุตสาหกรรมกาแฟเติบโตอย่างรวดเร็ว เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค โดยการบริโภคกาแฟของโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเฉลี่ย 1.9% ต่อปี

ทว่าในเบื้องหลังความหอมหวานของกาแฟนั้นยังมีอีกด้านหนึ่งที่หลายคนอาจมองข้าม นั่นคือ ของเหลือทิ้งมหาศาลที่เกิดขึ้นจากกระบวนการผลิตและแปรรูปกาแฟ ตั้งแต่การปลูก การเก็บเกี่ยว การแปรรูป จนถึงการบริโภค ของเหลือทิ้งเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นเปลือกกาแฟเชอรี่ เนื้อเชอรี่ กะลากาแฟ และกากกาแฟ ล้วนเป็นปัญหาที่ท้าทายต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน โดยเฉพาะกะลากาแฟที่ย่อยสลายยาก ซึ่งจะใช้เวลานานกว่า 10 ปี ก่อให้เกิดปัญหามลพิษทางดินและน้ำ ส่วนเนื้อเชอรี่ที่เน่าเสียง่าย จะส่งกลิ่นเหม็น ก่อให้เกิดปัญหามลพิษทางน้ำอีกด้วย

จากโจทย์ปัญหาดังกล่าว กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมหุ่นยนต์และเครื่องจักรกลอัตโนมัติ (ศนย.) สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) จึงได้วิจัยและพัฒนา “เทคโนโลยีผลิตถ่านคาร์บอนจากของเหลือทิ้งกาแฟ” เพื่อนำของเหลือทิ้งมาใช้ประโยชน์ แทนที่จะปล่อยให้เป็นภาระต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน โดยเฉพาะกะลากาแฟซึ่งมีคุณสมบัติที่เหมาะสมในการแปรรูปเป็นถ่านคาร์บอน มีคุณสมบัติ ให้ความร้อนสูง ติดไฟง่าย เผาไหม้ได้นาน ไม่แตกปะทุและไม่มีควัน

การผลิตถ่านคาร์บอนจากของเหลือทิ้งแปรรูปกาแฟดังกล่าว มุ่งเน้นนำของเหลือทิ้ง เช่น เปลือกกะลากาแฟ และเปลือกกาแฟเชอรี่ มาใช้เป็นวัตถุดิบหลัก โดยการออกแบบ พร้อมจำลองสถานการณ์ (Simulation) การเผาไหม้ผ่านโปรแกรมคอมพิวเตอร์ รวมทั้งทดสอบการกระจายตัวของความเร็วอากาศภายในเตาเผา เพื่อสร้างเตาเผาถ่านคาร์บอนต้นแบบซึ่งมีรูปทรงที่เหมาะสมในการเพิ่มและควบคุมกระบวนการเผาไหม้ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้ ยังพัฒนาสูตรผสมและกระบวนการอัดขึ้นรูป เพื่อผลิตถ่านอัดแท่งที่มีคุณภาพสูงลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและสร้างรายได้เสริมให้กับชุมชน

โดย วว. ดำเนินการวิจัยและพัฒนา “เทคโนโลยีผลิตถ่านคาร์บอนจากของเหลือทิ้งกาแฟ” ดังนี้ 1.ศึกษาและสำรวจข้อมูล เริ่มต้นด้วยการสำรวจปริมาณของเหลือทิ้ง เช่น กะลากาแฟ และกะลากาแฟผสมเนื้อเชอรี่ เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิต, 2.ออกแบบเตาเผาและจำลองสถานการณ์ด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เพื่อจำลองทิศทางและความเร็วของอากาศในเตาเผา โดยเปรียบเทียบการกระจายตัวของความเร็วอากาศสองรูปแบบ เพื่อหาค่ารูปแบบอุณหภูมิที่เหมาะสม, 3.ทดสอบและปรับปรุงประสิทธิภาพ โดยทดสอบประสิทธิภาพทั้งเตาเผา เครื่องบดผสม และเครื่องอัดถ่านคาร์บอน เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพและประสิทธิภาพของกระบวนการ รวมทั้งปรับปรุงตามผลการทดสอบเพื่อให้ได้ผลผลิตที่ตรงตามมาตรฐาน และ 4.ถ่ายทอดเทคโนโลยี ถ่ายทอดความรู้และทักษะการผลิตถ่านคาร์บอนให้กับกลุ่มวิสาหกิจชุมชน เพื่อเพิ่มมูลค่าจากของเหลือทิ้งและสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนอย่างยั่งยืน

“เทคโนโลยีผลิตถ่านคาร์บอนจากของเหลือทิ้งกาแฟ” ประกอบด้วย 1.ต้นแบบเตาเผาถ่าน ที่มีประสิทธิภาพในการแปรรูปวัสดุเหลือทิ้ง เช่น กะลากาแฟและ กะลากาแฟผสมเนื้อเชอรี่ ให้กลายเป็นถ่านอัดแท่งที่มีคุณภาพสูง, 2.ช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อม ถ่านคาร์บอนที่ผลิตได้สามารถใช้เป็นพลังงานทดแทน ลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลและไม้ฟืนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทั้งยังช่วยจัดการของเสียจากการแปรรูปกาแฟอย่างยั่งยืนในชุมชน 3.เตาเผาถ่านคาร์บอนสามารถผลิตถ่านคาร์บอนสูงสุดได้ 15 กิโลกรัมต่อการเผา1 ครั้ง โดยเวลาเฉลี่ยในการเผาต่อเตาอยู่ที่ 1 ชั่วโมง และ4.นอกจากการออกแบบและสร้างต้นแบบเตาเผาถ่านคาร์บอนแล้ว ยังมีการพัฒนาเครื่องบดผสมและเครื่องอัดถ่านจากวัสดุเหลือทิ้ง ทำให้การใช้งานตอบโจทย์ได้ครบวงจร

วว. ได้นำร่องถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีการผลิตถ่านคาร์บอนให้กับชุมชนที่เป็นผู้ปลูกและแปรรูปกาแฟในพื้นที่ภาคเหนือ เช่น วิสาหกิจชุมชนกาแฟดอยหลวง จังหวัดเชียงราย (มีกำลังการผลิตกาแฟเฉลี่ย 500 ตัน/ปี) และกาแฟเทพเสด็จ จังหวัดเชียงใหม่ (มีกำลังการผลิตกาแฟเฉลี่ย 300 ตัน/ปี) โดยทั้งสองชุมชนมีปริมาณของเหลือทิ้งเฉลี่ย 160 ตัน/ปี เพื่อนำไปผลิตเป็นเชื้อเพลิงทดแทนในท้องถิ่นสร้างอาชีพและรายได้ใหม่ให้กับชุมชน ซึ่งเป็นการเสริมสร้างเศรษฐกิจในชุมชนอย่างยั่งยืน

โดยทั้งสองกลุ่มวิสาหกิจชุมชนดังกล่าว ได้รับประโยชน์จากการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตถ่านคาร์บอนโดยตรง ทำให้สามารถนำของเหลือทิ้งจากกระบวนการผลิตกาแฟมาสร้างมูลค่าเพิ่มได้ ช่วยสร้างอาชีพเสริมและรายได้ที่มั่นคง ลดปัญหาการสะสมของของเสียและลดค่าใช้จ่ายในการกำจัดขยะ รวมทั้งลดการใช้ไม้ฟืนและแก๊สหุงต้มในชุมชน ลดการตัดไม้และการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ปัจจุบัน วว. ได้ยื่นจดอนุสิทธิบัตรการออกแบบเตาเผาถ่านคาร์บอนจากกะลากาแฟแล้ว รวมทั้งได้ทำการทดสอบและปรับปรุงอุปกรณ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตถ่านคุณภาพสูงที่สอดคล้องกับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) โดยในอนาคต วว. มุ่งขยายผลการดำเนินงานนี้ซึ่งมีศักยภาพในการพัฒนาเป็นแหล่งพลังงานทดแทนในชุมชนต่างๆ ของประเทศให้ยั่งยืนต่อไป


เทศกาลสงกรานต์ 2568 ตรงกับวันไหน มีวันสำคัญอะไรบ้าง

อีกเพียงแค่ 3 อาทิตย์ก็ใกล้จะถึงเทศกาลสงกรานต์ 2568 แล้ว สำหรับปีนี้จะตรงกับวันใด และวัน สำคัญอะไรบ้าง ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2568 อยู่ในระหว่างวันที่ 13-16 เมษายน 2568 นอกจากเป็นวันหยุดยาวที่หลายคนรอคอยแล้ว ทั้ง 4 วันนี้ยังตรงกับวันสำคัญที่น่าสนใจด้วยเช่นกัน

วันอาทิตย์ที่ 13 เมษายน 2568

เป็นวันมหาสงกรานต์ หมายถึง วันที่พระอาทิตย์เคลื่อนเข้าสู่ราศีเมษอีกครั้ง หลังจากผ่านเข้าสู่ราศีอื่นๆ แล้วจนครบ 12 เดือน ซึ่งนอกจากจะเป็นวันมหาสงกรานต์แล้ว รัฐบาลยังกำหนดให้เป็น "วันผู้สูงอายุแห่งชาติ" อีกด้วย เพราะเป็นวันที่ทุกคนในครอบครัว ญาติพี่น้อง ได้มีโอกาสมารวมตัวกันเป็นการให้คุณค่าและตระหนักถึงความสำคัญกับผู้สูงอายุ ร่วมกันส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้สูงอายุมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ ตามศักยภาพของตนเองอีกด้วย

วันจันทร์ที่ 14 เมษายน 2568

เป็นวันครอบครัวแห่งชาติ ที่กำหนดขึ้นเพื่อให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของสถาบันครอบครัว แม้จะเป็นหน่วยที่เล็กที่สุด แต่ก็มีความสำคัญอย่างมาก ซึ่งในประเทศต่างๆ ทั่วโลกก็มี "วันแห่งครอบครัว" ที่มีการกำหนดช่วงวันและเดือนที่แตกต่างกันออกไป

สำหรับในประเทศไทย กำหนดให้วันครอบครัวตรงกับวันที่ 14 เมษายนของทุกปี ซึ่งอยู่ในช่วงเทศกาลวันสงกรานต์ หรือวันปีใหม่ไทย เป็นช่วงเวลาที่คนไทยไม่ว่าจะพักอาศัยอยู่ที่ไหน ก็มักจะนิยมเดินทางกลับภูมิลำเนา เพื่อไปรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ และไหว้ขอพรพ่อแม่ โดยใช้เวลาทำกิจกรรมต่างๆ อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ซึ่งการกำหนดให้วันสงกรานต์ตรงกับช่วงเทศกาลดังกล่าว ก็เพื่อให้สมาชิกภายในครอบครัวได้มีโอกาสพบปะกันอย่างสะดวกที่สุดนั่นเอง

วันอังคารที่ 15 เมษายน 2568

เป็นวันเถลิงศก ซึ่งเป็นวันเปลี่ยนจุลศักราชใหม่ ถือเป็นวันเริ่มศกใหม่ การกำหนดให้อยู่วันนี้ ก็เพื่อให้แน่ใจว่าดวงอาทิตย์โคจรขาดจากราศีมีนมาสู่ราศีเมษแล้วอย่างน้อย 1 องศา

โดยทั้งสามวันนี้ ถ้าหากดูตามประกาศสงกรานต์ อันเป็นการคำนวณตามหลักโหราศาสตร์จริงๆ แล้วก็จะมีการคลาดเคลื่อนไม่ตรงกันบ้าง เช่น วันมหาสงกรานต์ อาจจะเป็นวันที่ 14 เมษายน แทนที่จะเป็นวันที่ 13 เมษายน แต่เพื่อให้จดจำได้ง่าย และไม่สับสน จึงกำหนดเรียกตามที่กล่าวข้างต้น

วันพุธที่ 16 เมษายน 2568

เป็นวันหยุดชดเชยวันสงกรานต์ เนื่องจากวันที่ 13 เมษายน 2568 ตรงกับวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นวันหยุดราชการตามปกติอยู่แล้ว รัฐบาลจึงกำหนดให้วันนี้เป็นวันหยุดชดเชยพิเศษเพื่อให้เราได้มีวันพักผ่อนเพิ่มอีกหนึ่งวันนั่นเอง

ข้อมูลอ้างอิง: มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา, สภากาชาดไทย


ห้ามเด็ดขาด! แก่งกระจานขึงแนวเชือกกั้น หลังไกด์ดังแหกกฎถ่ายกระเต็นน้อยสามนิ้วหลังดำ

เมื่อวันที่ 24 มี.ค.68 นายมงคล ไชยภักดี หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ได้สั่งการให้ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติประจำจุดบ้านกร่าง ทำการขึงแนวเชือก ห้ามนักท่องเที่ยวและช่างภาพเข้าไปในเขตแนวเชือก ฝ่าฝืนมีโทษปรับตามกฎระเบียบอุทยานฯ ภายหลังเกิดกระแสดราม่า มีไกด์นำเที่ยวดูสัตว์ป่าชื่อดัง พานักท่องเที่ยวเข้าไปถ่ายภาพนกกระเต็นน้อยสามนิ้วหลังดำ แล้วไกด์เข้าไปตัดแต่งกิ่งไม้ เพื่อสร้างความสวยงามในการถ่ายภาพ โดยเป็นการทำลายระบบนิเวศ ...

นายมงคล กล่าวว่า สำหรับคนที่จะมาดูนกตามสถานที่ต่างๆ ควรที่จะปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่วางเอาไว้ เพื่อความสุขของทุกคน รวมทั้งนกหายากที่มีอยู่ในอุทยานฯแก่งกระจานด้วย โดยอุทยานฯแก่งกระจาน มีการสำรวจพบนกมากกว่า 400 ชนิด ถือเป็นแหล่งดูนกที่ติดอันดับระดับโลก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติ ต่างมุ่งมั่นบินข้ามน้ำข้ามทะเลมายังประเทศไทย และมุ่งหน้ามายังอุทยานฯแก่งกระจาน เพื่อดูนกและศึกษาธรรมชาติเลยทีเดียว ฉะนั้นอย่าทำให้เสียบรรยากาศนี้...

ทั้งนี้ขอย้ำกฎเกณฑ์ของการดูและถ่ายภาพนกในอุทยานฯแก่งกระจาน ประกอบด้วย 1. ต้องไม่เป็นการรบกวนหรือสร้างความลำบากให้แก่นก 2. อนุรักษ์แหล่งอาศัยหากินของนก ไม่บุกรุก ทำลายแหล่งอาศัยหากินของนกจนพื้นที่นั้นเสียหายหรือเสื่อมโทรมลงไป 3. เมื่อพบนกที่หายากทำรัง หรือนกย้ายถิ่นหายาก ต้องคำนึงถึงการอนุรักษ์ก่อนสิ่งอื่นใด พยายามคุ้มครองนกให้ดีที่สุด 4. ปฏิบัติตามกฎหมายอนุรักษ์นก 5. เคารพสิทธิของผู้อื่นที่ใช้สถานที่ร่วมกันในขณะที่ผู้อื่นดูนก ไม่ควรทำให้นกตกใจจนบินหนีไป และ 6. รายงานการพบนกให้หน่วยงาน/ผู้เกี่ยวข้องได้ทราบ เพื่อเป็นข้อมูลในการดูนกและการจัดการและอนุรักษ์นกในอนาคต. ...

ขอบคุณภาพนกกระเต็นน้อยสามนิ้วหลังดำ ณัฏฐพล ประคำทอง