วันอังคาร ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2568:ชาวบ้านในพื้นที่ตำบลท่าข้าม อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง เผยภาพความสวยงามของ "กองทัพปูก้ามดาบ" ที่ออกมาหากินบริเวณป่าชายเลนเป็นจำนวนมาก โดยมีสีสันที่สวยงามและหลากหลาย ทั้งสีฟ้า สีส้ม สีเหลือง และสีแดง สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ที่มาเยี่ยมชม
เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่หมู่ที่ 4 และ 8 ตำบลท่าข้าม อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง เพื่อสำรวจความอุดมสมบูรณ์ของป่าชายเลนตามคำเชิญของชาวบ้าน ซึ่งได้เผยให้เห็นถึงภาพที่น่าประทับใจของ "กองทัพปูก้ามดาบ" ที่พากันออกมาจากรูเพื่อหากินบนพื้นโคลนหลังน้ำลด
ปูก้ามดาบที่พบเห็นมีสีสันหลากหลาย ทั้งกระดองสีฟ้าก้ามสีเหลือง, สีส้ม, สีเหลือง, สีขาว และสีแดง รวมถึงบางตัวที่มีถึง 2-3 สี โดยมีลักษณะเด่นคือตัวผู้จะมีก้ามขนาดใหญ่เพียงข้างเดียวใช้สำหรับการต่อสู้และดึงดูดตัวเมีย ส่วนตัวเมียจะมีก้ามขนาดเล็กเท่ากันทั้งสองข้าง
นายอภินันท์ เพชรเพ็ง ตัวแทนชาวบ้าน เผยว่า ปริมาณปูก้ามดาบในปีนี้เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดและกระจายไปทั่วทั้งผืนป่า ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ชาวบ้านร่วมกันอนุรักษ์และดูแลพื้นที่ โดยไม่มีการถมดิน ปล่อยน้ำเสีย หรือทำลายร่องน้ำ ทำให้ป่าชายเลนแห่งนี้ยังคงอุดมสมบูรณ์ ปราศจากมลพิษ
นอกจากสีสันที่สวยงามแล้ว ปูก้ามดาบยังได้ชื่อว่าเป็น "นาฬิกาชีวภาพ" เนื่องจากสามารถคาดการณ์เวลาน้ำขึ้น-น้ำลงได้อย่างแม่นยำ โดยชาวบ้านสังเกตว่าก่อนที่น้ำทะเลจะหนุนสูงขึ้นประมาณ 1-2 ชั่วโมง ปูก้ามดาบจะนำดินมาปิดปากรูของตัวเองเพื่อป้องกันน้ำทะเลไหลเข้า
ปัจจุบัน พื้นที่แห่งนี้ได้กลายเป็นจุดเช็กอินสำหรับนักท่องเที่ยวและนักอนุรักษ์ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพธรรมชาติ โดยสามารถพบเห็นปูก้ามดาบได้เกือบทุกวันตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงเย็น หากสภาพอากาศเป็นใจ
งานวิจัยยืนยันว่าผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพดีสามารถรับประทานไข่ไก่ได้ 1-2 ฟองต่อวัน ด้านนักกำหนดอาหารวิชาชีพ ย้ำ ไข่ไก่ มีประโยชน์ ช่วยบำรุงสมอง ดวงตา และร่างกาย
ดร.วนะพร ทองโฉม นักสุขศึกษา (นักกำหนดอาหารวิชาชีพ) งานสร้างเสริมสุขภาพ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ไข่ไก่ เป็นอาหารโปรตีนคุณภาพสูง ราคาเข้าถึงได้ง่าย เมื่อเทียบกับโปรตีนชนิดอื่น สามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู และมีประโยชน์ต่อร่างกายหลายด้าน
ด้านสุขภาพสมอง: โคลีนซึ่งเป็นสารอาหารที่สำคัญต่อการส่งสัญญาณประสาท การพัฒนาสมอง และการทำงานของเยื่อหุ้มเซลล์
ด้านสุขภาพดวงตา: ลูทีนและซีแซนทีน ช่วยปกป้องดวงตาและสามารถลดความเสี่ยงภาวะจอประสาทตาเสื่อม
ด้านสุขภาพกล้ามเนื้อ: ไข่ไก่ มีกรดอะมิโนจำเป็นครบถ้วน ช่วยสนับสนุนการสังเคราะห์โปรตีนของกล้ามเนื้อ ช่วยสร้างและรักษามวลกล้ามเนื้อ
ด้านการควบคุมน้ำหนัก: ไข่ไก่ โปรตีนคุณภาพสูงช่วยเพิ่มความอิ่ม ทำให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น สามารถช่วยลดปริมาณแคลอรี่โดยรวมได้ โดยไข่ไก่ จัดอยู่ในกลุ่มเนื้อสัตว์ไขมันปานกลาง 1 ฟอง ให้พลังงานเพียงแค่ 75 กิโลแคลอรี่ โปรตีน 7 กรัม ไขมัน 5 กรัม แม้ว่ามีไขมันต่ำ แต่ควรเน้นการปรุงประกอบที่ไม่ใช้น้ำมัน
ด้านการป้องกันโลหิตจาง: ธาตุเหล็กมีความจำเป็นในการสร้างฮีโมโกลบิน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของเม็ดเลือดแดง และวิตามินบี 12 มีความสำคัญในการสร้างเม็ดเลือดแดงให้มีขนาดที่เหมาะสม
ด้านเสริมสร้างภูมิต้านทาน: แร่ธาตุซีลิเนียม ช่วยสนับสนุนระบบภูมิคุ้มกันโดยช่วยกระตุ้นและปกป้องเซลล์ภูมิคุ้มกัน โดยผ่านโปรตีนที่มีซีเลีเนียมเป็นองค์ประกอบ ซึ่งทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระและช่วยลดการอักเสบ
สำหรับการรับประทานไข่ไก่ให้ได้ประโยชน์สูงสุด แนวทางหนึ่ง คือ ในแต่ละวันรับประทานให้เหมาะสมกับช่วงวัย
วัยทารก 6 เดือน สามารถรับประทานไข่แดงต้มสุกได้ครึ่งฟอง
วัยทารก 7-12 เดือน เพิ่มปริมาณเป็นวันละครึ่งฟองถึง 1 ฟองได้
วัยเด็กอายุตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป ถึงวัยผู้สูงอายุที่มีสุขภาพดี สามารถบริโภคไข่ทั้งฟองได้วันละ 1 ฟอง
ผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพดี มีระดับคอเลสเตอรอลปกติ ไม่มีปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด จากผลการวิจัยในปัจจุบันพบว่าการรับประทานไข่ 1-2 ฟองต่อวัน ถือว่าปลอดภัย ในขณะที่ผู้ป่วยโรคหัวใจ หลอดเลือด เบาหวาน และมีไขมันในเลือดสูง ปริมาณไข่แดงที่บริโภคไม่ควรเกิน 3 ฟองต่อสัปดาห์
สำหรับผู้ที่กังวลว่า ไข่ไก่ จะมีคอเลสเตอรอลในอาหารสูงนั้น งานวิจัยจากต่างประเทศเรื่องการบริโภคไข่ไก่กับการส่งผลต่อสุขภาพ กลับพบว่าการรับประทานอาหารในปริมาณที่เหมาะสมเป็นประจำทุกวันจะไม่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ อีกทั้งการส่งผลกระทบต่อระดับคอเลสเตอรอลในเลือดจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
วันอังคาร ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2568:ที่สวนนงนุชพัทยา นายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา ได้นิมนต์พระสงฆ์มาประกอบพิธีรับขวัญ ‘พลายศรีวิชัย’ ลูกช้างเพศผู้ตัวล่าสุดที่เกิดเมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา พิธีดังกล่าวจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ตามประเพณี เพื่อต้อนรับสมาชิกใหม่และเสริมความเป็นสิริมงคลให้แก่ปางช้าง
บรรยากาศในพิธีเต็มไปด้วยความคึกคัก มีขบวนนางรำและโขลงช้างกว่า 30 เชือกมาร่วมต้อนรับ โดยมีการเจิมหน้าผากแม่ช้าง พังศรีนวล และลูกช้างตามความเชื่อโบราณเพื่อความร่มเย็นเป็นสุข ทั้งนี้ พลายศรีวิชัย เป็นลูกช้างตัวที่ 5 ที่ถือกำเนิดขึ้นในปี 2568 จากแม่ช้าง พังศรีนวล วัย 23 ปี และพ่อช้าง พลายหนิงหน่อง วัย 30 ปี
สำหรับลูกช้างเชือกนี้มีความพิเศษตรงที่ทีมงานได้เตรียมการอย่างรอบคอบระหว่างการคลอด เนื่องจากในอดีตพังศรีนวลเคยคลอดลูกช้างแล้วเกิดเหตุไม่คาดฝัน ซึ่งครั้งนี้มีการใช้เชือกประคองเพื่อป้องกันอันตราย ทำให้ทั้งแม่และลูกช้างปลอดภัยและมีสุขภาพแข็งแรงดี
ปางช้างสวนนงนุชพัทยาได้รับการรับรองมาตรฐานการปฏิบัติที่ดีสำหรับปางช้าง (Good Practices for Elephant Camps) เป็นแห่งแรกของไทย ซึ่งตอกย้ำถึงการดูแลช้างอย่างใส่ใจและมีมาตรฐาน
วันจันทร์ ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2568:สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (NARIT) ได้ออกมาเปิดเผยภาพ ปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวงเหนือฟ้าเมืองไทย ขณะเกิดคราสเต็มดวง ดวงจันทร์เต็มดวงปรากฏสีแดงอิฐ บันทึกภาพ ณ อุทยานดาราศาสตร์สิรินธร อ. แม่ริม จ. เชียงใหม่ ช่วงกึ่งกลางคราส เวลาประมาณ 01.12 น. วันนี้ ซึ่งมีผู้สนใจติดตามชมถ่ายทอดสดปรากฏการณ์ผ่านทางเฟซบุ๊กและยูทูบของ NARIT
ปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวงในครั้งนี้ เกิดขึ้นในคืนวันที่ 7 ก.ย. ถึงเช้ามืด 8 ก.ย. 2568 ตั้งแต่เวลาประมาณ 22.29 - 03.55 น. โดยดวงจันทร์เริ่มเข้าสู่เงามัวของโลกเวลาประมาณ 22.29 น. และเคลื่อนเข้าสู่เงามืดของโลก เริ่มเกิดเป็นจันทรุปราคาบางส่วนในเวลา 23.27 น. จนกระทั่งเข้าสู่ช่วง "จันทรุปราคาเต็มดวง" เวลา 00.31 - 01.53 น. เป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมง ที่สามารถมองเห็นดวงจันทร์เต็มดวงปรากฏเป็นสีแดงอิฐ จากนั้นออกจากเงามืด เกิดเป็นจันทรุปราคาบางส่วนอีกครั้งจนถึงเวลา 02.57 น. และพ้นจากเงามัวของโลก จนสิ้นสุดปรากฏการณ์โดยสมบูรณ์ เวลา 03.55 น.
ปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวงครั้งนี้ สังเกตได้จากหลายพื้นที่ทั่วโลก ได้แก่ ทวีปยุโรปตอนเหนือและตะวันออก ทวีปเอเชีย ทวีปออสเตรเลีย ทวีปอเมริกาเหนือ บางส่วนของทวีปอเมริกาใต้ มหาสมุทรแปซิฟิก มหาสมุทรแอตแลนติก มหาสมุทรอินเดีย ขั้วโลกเหนือ และบางส่วนของขั้วโลกใต้ และเนื่องจากบางพื้นที่ในไทยเกิดฝนตกหนัก ทำให้ท้องฟ้าปิด จึงไม่สามารถมองเห็นจันทรุปราคาเต็มดวงได้
ขอบคุณข้อมูล : สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (NARIT)
จากกกรณีพบปลาหมอคางดำ เอเลี่ยนสปีชีส์ กลับมาระบาดหนัก ในคลองชุมชนปากคลองหลังวัดเนรัญชาราม อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ปลาหลายหมื่นตัวลอยหายใจเต็มคลอง แต่ติดสันทรายปิดปากคลอง ยังว่ายออกทะเลไม่ได้ เมื่อวันที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมา...
ล่าสุดวันนี้ 9 ก.ย. นายประจวบ เจี้ยงยี่ ประมงจังหวัดเพชรบุรี นายแก้ว คงวงศ์ นายอำเภอชะอำ นายทวีป ปิ่นเนียม รองนายกเทศมนตรีเมืองชะอำ นายธีรพงศ์ บ้านกล้วย รองผู้อำนวยการด้าน SHE&En และ CSR ธุรกิจสัตว์น้ำ ผู้แทนบริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) ประมงอำเภอชะอำ เจ้าหน้าที่สำนักงานประมงจังหวัดเพชรบุรี หน่วยงานสังกัดกรมประมง เทศบาลเมืองชะอำ เรือนจำกลางเพชรบุรี สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดเพชรบุรี เรือนจำกลางเขากลิ้ง ผู้นำชุมชน และประชาชนในพื้นที่ ร่วมกันจัดกิจกรรมลงแขกลงคลอง กำจัดปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำธรรมชาติ ภายในคลองชุมชนปากคลอง หลังวัดเนรัญชาราม อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี พร้อมมอบพัน์ปลาให้แก่ชุมชน เพื่อป้องกันไม่ให้ปลาหมองคางดำว่ายออกทะเลและกำจัดให้หมดไปจากคลองธรรมชาติ เพื่อแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวชายหาดชะอำ เบื้องต้นวันนี้สามารถจับปลาหมอคางดำได้ประมาณ 300กิโล ส่วนวันพรุ้งนี้จะลงประเมิณสถานการณ์อีกครั้งต่อไป...
นายธีรพงศ์ บ้านกล้วย เสื้อเหลือง รองผู้อำนวยการด้าน SHE&En และ CSRธุรกิจสัตว์น้ำ ผู้แทนบริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ทุกครั้งได้ร่วมกับกรมประมงในการกำจัดปลาหมองคางดำให้ออกจากแหล่งน้ำธรรมชาติ โดยทำมาแล้ว 17จังหวัดที่พบการระบาด โดยการสนับสนุน อาหาร น้ำดื่ม อุปกรณ์ในการจับปลา การมอบพันธ์ปลานักล่า และปลากะพงขาว จำนวน2แสนในปีที่แล้ว ปีนี้จะมอบอีก4แสนตัว และกองทุนปลากะพงที่มอบให้เกษตรกร ไปปล่อยในแหล่งน้ำของเกษตรกร ส่วนหนึ่งเอาไปปล่อยในแหล่งน้ำธรรมชาติ การนำปลาหมอคางดำที่จับได้ไปใช้ประโยชน์ ในโครงการรับซื้อปลาหมอคางดำไปทำปลาป่น น้ำปลา ปัจจุบันทำไปแล้ว 5จังหวัด เป็นมาตรการที่ช่วยกรมประมงกำจัดปลาหมอคางดำ...
นายประจวบ เจี้ยงยี่ ประมงจังหวัดเพชรบุรี เปิดเผยว่า การจับปลาหมองคางดำวันนี้เป็นครั้งที่3ของคลองเนรัญชาราม การแพร่ระบาดในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี ทางประมงได้ดำเนินการไปแล้ว46ครั้ง ได้ปลามา567ตัน ในเวลากว่า1ปีที่ผ่านมา ภายใต้กลยุทธ เจอ แจ้ง จับ จบ ร่วมกับประชาชนในพื้นที่ วันนี้ภายในคลองวัดเนรัญชรารามประเมินสถานการณ์แล้วมีปลาหมองคางดำเกิน90เปอร์เซนจำเป็นที่ต้องกำจัดโดยเด็ดขาด คลองนี้ดำเนินการจับมาแล้ว2ครั้ง ได้ปลามา2,600กิโล แต่ผ่านมา3สัปดาห์เกิดปลาขึ้นมาอีกจำนวนมากขนาดตัวเท่าๆกัน
เบื้องต้นสันนิฐานว่าเมื่อปลาหมอคางดำรู้สึกว่าตัวเองไม่ปลอดภัย จะดำเนินการพ่นไข่หรือลูกปลาที่อยู่ในปากออกมาทันที่ เพื่อให้ลูกและไข่ปลอดภัย จนเกิดการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาระยะยาวโดยใช้กระแสไฟฟ้าแรงต่ำนั้น ในข้อมูลทางวิชาการเท่าที่ตนศึกษาก็พบว่ามีแบบอย่าง ซึ่งในปัจจุบันเราก็ใช้กาชากำจัด ซึ่งถือเป็นยาเบื่อเมาชนิดหนึ่ง มาตราการการใช้ไฟฟ้าถ้าสื่อสารพูดคุยกันตนว่าอาจมีแนวโน้มที่เป็นไปได้ และสามารถกำหนดจุดที่จะใช้กระแสไฟฟ้าได้เฉพาะจุด แต่ยังคงต้องหารือในกรมประมงอีกครั้งซึ่งเป็นเรื่องที่ดีในการพัฒนาไปถึงจุดนั้น และยังสามารถจัดการได้เป็นจุดๆไป....