ครบเครื่อง
ญ. อมตะ



หนุ่มสาวญี่ปุ่นเฉลิมฉลองในวันบรรลุนิติภาวะ 2566

วันที่ 9 มกราคม 2566 เป็นวันบรรลุนิติภาวะของหนุ่มสาวชาวญี่ปุ่นที่มีอายุครบ 20 ปี ซึ่งจะพากันแต่งชุดกิโมโนหรือชุดสูทเพื่อเฉลิมฉลองการเข้าสู่วัยผู้ใหญ่เต็มตัวในวันนี้

วันบรรลุนิติภาวะ หรือ เซจิน โนะ ฮิ (Seijin no Hi) เป็นวันสำคัญของหนุ่มสาวชาวญี่ปุ่นวันหนึ่งในชีวิตที่มีครั้งเดียว เมื่ออายุครบ 20 ปี จะถือว่าหนุ่มสาวเหล่านี้ ได้ก้าวสู่การเป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มตัวแล้ว โดยพิธีการสำคัญในวันนี้จะมีการมอบประกาศนียบัตร และให้โอวาทโดยทางราชการ แก่วัยรุ่นที่มาร่วมงาน ที่เป็นผู้ใหญ่รุ่นใหม่ทุกคน

ในวันนี้ หญิงสาวญี่ปุ่นที่บรรลุนิติภาวะมักนิยมจะสวมกิโมโนแบบพิเศษที่เรียกว่า ฟุริโซเดะ ซึ่งเป็นกิโมโนที่เป็นทางการที่สุดสำหรับหญิงโสดและจะสวมได้ก็ต่อเมื่อบรรลุนิติภาวะแล้วเท่านั้น รวมทั้งยังสื่อถึงความเป็นผู้ใหญ่และพร้อมที่จะแต่งงาน ขณะที่ชายหนุ่มญี่ปุ่นจะสวมฮากามะหรือเสื้อสูทแบบตะวันตก หลังพิธีบรรลุนิติภาวะเสร็จสิ้น ผู้เข้าร่วมพิธีมักจะเดินทางต่อไปวัดหรือศาลเจ้าเพื่อขอพร และไปถ่ายรูปเป็นที่ระลึก หรือดื่มสังสรรค์ต่อในช่วงกลางคืน

สำหรับวันบรรลุนิติภาวะของญี่ปุ่นจะตรงกับวันจันทร์ที่ 2 ของเดือนมกราคมของทุกปี และถือว่าเป็นวันหยุดราชการด้วย จึงกลายเป็นวันหยุดต่อเนื่อง 3 วันติดต่อกัน เสาร์ อาทิตย์ และจันทร์ จึงนิยมเรียกช่วงวันหยุดนี้ว่า ซูเปอร์มันเดย์ เพราะเป็นวันหยุดแรกของปีหลังจากเทศกาลปีใหม่

ทั้งนี้ วันบรรลุนิติภาวะมีมาตั้งแต่สมัยเอโดะ ในสมัยนั้นจะเรียกพิธีบรรลุนิติภาวะนี้ว่า เกมปุกุ (Genpuku) และมีการพัฒนารูปแบบและพิธีการเรื่อยมา จนกระทั่งในปี 2491 ได้กำหนดวันบรรลุนิติภาวะอย่างเป็นทางการ โดยกำหนดเป็นวันที่ 15 มกราคม ของทุกปี ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นวันจันทร์ที่ 2 ของเดือนมกราคมในปี 2543 เป็นต้นมา

ข้อมูลอ้างอิง : สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญี่ปุ่น)


อังกฤษปล่อย "เครื่องบินยิงจรวดส่งดาวเทียม" เป็นครั้งแรก หวังเสริมศักยภาพกองทัพ

อังกฤษปล่อยเครื่องบินโบอิ้ง747 สายการบิน "เวอร์จิ้น แอตแลนติก" ที่ถูกนำมาดัดแปลง ติดจรวดส่งดาวเทียมขนาดเล็ก 9 ดวง หวังพัฒนาต่อยอดเสริมศักยภาพของกองทัพในอนาคต

เว็บไซต์ข่าวสกายนิวส์ รายงานว่าเมื่อวันที่ 9 ม.ค. 2566 อังกฤษปล่อยเครื่องบินโบอิ้ง747 สายการบิน "เวอร์จิ้น แอตแลนติก" ที่ถูกนำมาดัดแปลง ติดจรวด "เวอร์จิ้น ออร์บิท" ไว้ที่บริเวณใต้ปีกเครื่องบินด้านซ้าย โดยเครื่องบินทะยานขึ้นจากสนามบินคอร์นวอล ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ และจะปล่อยจรวดลำนี้ ซึ่งบรรทุกดาวเทียมขนาดเล็กจำนวน 9 ดวง ออกไปสู่วงโคจร

โดยเครื่องบินจะปล่อยจรวดที่ระดับความสูง 35,000 ฟุตเหนือมหาสมุทรแอตแลนติก เพื่อให้จรวดได้ทำการปล่อยดาวเทียมเล็ก 9 ดวงที่จะถูกใช้ประโยชน์ด้านการทหารและพลเรือน สู่วงโคจร ก่อนที่เครื่องบินจะบินกลับมาลงจอดที่สนามบินคอร์นวอล

นับเป็นครั้งแรกที่มีการปล่อยดาวเทียมบนแผ่นดินอังกฤษ และเป็นครั้งแรกที่มีการใช้เทคโนโลยีการปล่อยดาวเทียมแบบใหม่ นอกจากนี้ยังนับเป็นการปล่อยจรวดในอังกฤษเป็นครั้งแรกของ "เวอร์จิ้น ออร์บิท" ที่ก่อตั้งโดยนายริชาร์ด แบรนด์สัน มหาเศรษฐีพันล้านชาวอังกฤษ หลังประสบความสำเร็จในการปล่อยจรวดแบบนี้มาแล้ว 4 ครั้งในสหรัฐฯ

ภารกิจนี้ดำเนินการภายใต้ความร่วมมือระหว่างสำนักงานอวกาศอังกฤษ กองทัพอากาศ บริษัทเวอร์จิ้น ออร์บิท และสภาการเมืองคอร์นวอล ซึ่งเดิมทีมีกำหนดปล่อยดาวเทียมเมื่อปลายปีที่แล้ว แต่ต้องเลื่อนออกไปด้วยปัญหาทางเทคนิกและการออกใบอนุญาตล่าช้า.


ดื่ม กาแฟ แล้ว "ใจสั่น" อันตราย หรือไม่ ใครมีอาการแบบนี้ต้องอ่าน

ประโยชน์หลักๆ ของคาเฟอีนที่มีคือ เมื่อร่างกายเหนื่อยต้องการการตื่นตัว คาเฟอีนจะเป็นตัวช่วยสำคัญในการตื่นตัว ลดความเหนื่อยล้า และเพิ่มสมาธิ อย่างไรก็ตามอาจมีผลข้างเคียงที่เป็นลบสำหรับบางคนเนื่องจากคาเฟอีนส่งผลกระทบต่อทุกคนแตกต่างกัน

หลายคนดื่ม “กาแฟ” แล้วเกิดอาการ “ใจสั่น” นั่นเพราะในกาแฟมีสารที่ชื่อว่า “คาเฟอีน” จึงเกิดเป็นคำถามต่อมาว่า “อาการแบบนี้อันตรายหรือไม่” วันนี้ พญ.วันสิริ ธรรมโกมุท แพทย์ผู้ชำนาญการด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลสุขุมวิท มีคำตอบมาฝาก

พญ.วันสิริ อธิบายว่า คาเฟอีนเป็นสารที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติซึ่งอยู่ในกลุ่มของสารประกอบที่เรียกว่าเมทิลแซนไทน์ พบได้ในพืชกว่า 60 ชนิดทั่วโลกรวมทั้งเมล็ดกาแฟ ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทชนิดหนึ่งในสมอง มีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง มีผลทางบวกคือทำให้ร่างกายเกิดความตื่นตัวและลดความง่วงได้ โดยปกติกาแฟถือเป็นเครื่องดื่มที่ใช้กระตุ้นการตื่นตัวของคนทั่วไป

คาเฟอีนพบได้ในอาหารและเครื่องดื่มทั่วไปหลายอย่างมีคาเฟอีนตามธรรมชาติ เช่น กาแฟ ชา (ทั้งชาดำและชาเขียว) และช็อกโกแลต นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มคาเฟอีนลงในเครื่องดื่มต่างๆได้ เช่น เครื่องดื่มชูกำลัง และน้ำอัดลม

คาเฟอีน มีผลทั้งเชิงบวกและเชิงลบ ประโยชน์หลักๆ ของคาเฟอีนที่มีคือ เมื่อร่างกายเหนื่อยต้องการการตื่นตัว คาเฟอีนจะเป็นตัวช่วยสำคัญในการตื่นตัว ลดความเหนื่อยล้า และเพิ่มสมาธิ อย่างไรก็ตามอาจมีผลข้างเคียงที่เป็นลบสำหรับบางคนเนื่องจากคาเฟอีนส่งผลกระทบต่อทุกคนแตกต่างกัน และบางคนอาจไวต่อคาเฟอีนมากกว่าคนทั่วไป คาเฟอีนส่งผลต่อการทำงานของเอมไซม์ในหัวใจ รวมถึงสามารถกระตุ้นการหลั่งสารอะดรีนาลีน ทำให้หัวใจบีบตัวแรงเร็วขึ้น ดังนั้นในบางครั้งผู้ที่รับประทานคาเฟอีนจึงรู้สึกกระวนกระวายใจ หงุดหงิด ใจสั่น มีอัตราการเต้นของหัวใจที่เพิ่มขึ้น

จากการศึกษาส่วนใหญ่ไม่พบความสัมพันธ์ระหว่างโรคหัวใจกับการดื่ม กาแฟ บางการศึกษาเห็นประโยชน์เล็กน้อยเมื่อพิจารณาถึงการบริโภคกาแฟในระดับปานกลาง ปัญหาอื่นที่พบได้บ่อย เช่น การรบกวนการนอนหลับ ถ้าดื่มคาเฟอีนใกล้เวลาเข้านอนมากเกินไป

แต่หากในกรณีดื่ม กาแฟ มากๆ เช่น มากกว่า 3 แก้วต่อวันหรือมากกว่า 250 มก. สามารถกระตุ้นให้เกิด ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะได้หลายชนิด เช่น หัวใจเต้นเร็วกว่าปกติ , หัวใจห้องบนเต้นพลิ้ว หรือ Atrial Fibrillation ในบางรายอาจกระตุ้นให้เกิดภาวะหัวใจห้องล่างเต้นผิดจังหวะได้ แต่มักพบในรายที่ได้รับ คาเฟอีน ในปริมาณที่สูงมาก เช่นมากกว่า 10 แก้วต่อวัน ดังนั้น ถ้ามีอาการ ใจสั่น หายใจไม่อิ่ม รู้สึกหัวใจสะดุด หัวใจเต้นเร็ว แนะนำให้รีบปรึกษาแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม

คาเฟอีนมีผลต่อความดันโลหิตหรือไม่?

ผลกระทบของคาเฟอีนต่อความดันโลหิต อาจเกิดขึ้นได้ชั่วคราว ในกรณีคนที่ไม่ได้บริโภคคาเฟอีนเป็นประจำ อาจมีความดันโลหิตเพิ่มขึ้น แต่เป็นแค่ช่วงเวลานั้น ใช้เวลาประมาณสี่ชั่วโมงเท่านั้น อย่างไรก็ตามผลกระทบต่อความดันโลหิตจะพบได้น้อยกว่าในคนที่บริโภคคาเฟอีนเป็นประจำ

ดื่มกาแฟ หรือคาเฟอีนแค่ไหนที่มากเกินไป?

ปริมาณที่เหมาะสมสำหรับผู้ใหญ่ที่ไม่ได้ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ปริมาณคาเฟอีนสูงสุด 400 มก. ต่อวัน และไม่เกิน 200 มก. ในการชงครั้งเดียว เนื่องจากแหล่งอาหารและเครื่องดื่มของคาเฟอีนอาจแตกต่างกันไปปริมาณคาเฟอีนก็เช่นกัน

ทั้งนี้สำหรับชาปริมาณ คาเฟอีน ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำที่ชงระยะเวลาในการชงและคุณภาพของชาอีกด้วย การดื่มคาเฟอีนในระดับที่สูงเกินไป อาจทำให้เกิดภาวะกังวล กระสับกระส่าย ตื่นกลัวง่าย ความดันโลหิตสูง กรดในกระเพาะหลั่งเพิ่มขึ้น ภาวะลำไส้ปั่นป่วน และนอนไม่หลับ อย่างไรก็ดีอาการดังกล่าวสามารถหายไป เมื่อระดับคาเฟอีนในร่างกายลดลง และยังไม่มีรายงานการเกิดผลกระทบในระยะยาว

บางครั้งการดื่มคาเฟอีนอาจเพิ่มขึ้นได้เมื่อเวลาผ่านไป การดื่มคาเฟอีนในปริมาณที่พอเหมาะต่อวัน สามารถช่วยให้รู้สึกดี และเพื่อป้องกันผลข้างเคียงของการดื่มคาเฟอีนที่มากเกินไปต่อวัน สามารถลดปริมาณคาเฟอีนต่อวันได้ดังนี้

เปลี่ยนกาแฟปกติ เป็น Decaf และชาดำ Decaf

เปลี่ยนชาปกติ เป็นชาสมุนไพรที่ปราศจากคาเฟอีน เช่นเปปเปอร์มินต์ คาโมไมล์ เบอร์รี่ หรือมะนาวและขิง

เปลี่ยนจากการดื่มน้ำอัดลม หรือเครื่องดื่มชูกำลัง เป็นน้ำเปล่า

คำแนะนำ

คาเฟอีนไม่สามารถทดแทน การออกกำลังกาย การนอนหลับ หรือการรับประทานให้เหมาะสมมีประโยชน์ ที่ส่งผลต่อสุขภาพหัวใจที่ดีได้ คาเฟอีนในปริมาณปานกลางควรเป็นประโยชน์สำหรับคนที่มีสุขภาพแข็งแรงส่วนใหญ่บริโภค โปรดจำไว้ว่าขีดจำกัด ที่แนะนำคือ 400 มก. ต่อวันเพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่เป็นลบ สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าเราทุกคนแตกต่างกันและพวกเราบางคนมีความไวต่อคาเฟอีนมากกว่าคนอื่นๆ ความไวเหล่านี้อาจส่งผลให้เกิดอาการเชิงลบหลายประการดังกล่าวข้างต้น

หากคุณพบว่าตัวเองมีอาการเหล่านี้ให้จดบันทึกปริมาณ คาเฟอีน ที่คุณบริโภคและค่อยๆ ลดปริมาณลงทีละน้อย ในการดื่มคาเฟอีนแต่ละครั้ง คาเฟอีนยังคงอยู่ในระบบร่างกายประมาณหกชั่วโมงหลังจากการดื่มถ้วยสุดท้าย การนอนหลับอย่างมีคุณภาพมีความสำคัญต่อการรักษาสุขภาพและการป้องกันโรค ระวังว่าการดื่ม กาแฟ ในช่วงบ่ายหรือเย็นจะทำให้คุณนอนหลับช้ากว่าปกติ


10 เทคนิคแก้ "แฮงค์" หลังปาร์ตี้ นักดื่มต้องรู้ "เมาค้าง" ทำอย่างไร

อาการ "แฮงค์" หรือ "เมาค้าง" เกิดจากดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป หลังจากนั้นร่างกายก็จะแสดงปฏิกิริยาต่อต้านแอลกอฮอล์ขึ้นมา ซึ่งมีระดับความรุนแรงแตกต่างกันไป ตามสภาพร่างกาย หรือการเตรียมตัวของแต่ละคน

“เมาค้าง” หรือ “แฮงค์” มีทางแก้....ก้าวเข้าสู่เทศกาลแห่งกาลเฉลิมฉลอง มีงานปาร์ตี้ทีไรก็มักจะมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้ามามีเอี่ยวเสมอ เวลาชนแก้วกับเพื่อนฝูงก็สนุกกันเต็มที่ แต่พอตื่นเช้ามานี่ซิ อาการ “เมาค้าง” หรือ “แฮงค์” ยังคงอยู่ สาเหตุก็มาจากการที่เราดื่มเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์ มากเกินไปนั่นเอง หลังจากนั้นร่างกายก็จะแสดงปฏิกิริยาต่อต้านแอลกอฮอล์ขึ้นมา ซึ่งมีระดับความรุนแรงแตกต่างกันไป ตามสภาพร่างกาย หรือการเตรียมตัวของแต่ละคน

อาการ “เมาค้าง” หรือ “แฮงค์” ได้แก่ อาการขาดน้ำ ปวดหัว หงุดหงิด คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย บางคนนอนไม่หลับ ลิ้นขาดรสสัมผัส ขมปากขมคอ มีไข้ ส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจ ทำให้เกิดอาการซึมเศร้า และวิตกกังวลตามมา แต่อาการแบบนี้มีทางแก้ไข ทำตามวิธีต่อไปนี้หายชัวร์

1.กาแฟดำ เอสเพรสโซ่สักช็อต หรืออเมริกาโน่ร้อนสักแก้ว ช่วยแก้แฮงค์ให้ดีขึ้นได้มาก คาเฟอีนในกาแฟจะช่วยกระตุ้นคุณให้ฟื้นจากอาการมึนหัว และขับปัสสาวะ ทำให้แอลกอฮอล์ออกจากร่างกาย

2.ไข่ต้ม ขนมปัง กับน้ำส้มคั้น ตื่นมารองท้องด้วยไข่ต้ม ที่มีโปรตีนช่วยการดักจับสารพิษ ขนมปัง ตัวช่วยดูดซับสารพิษ และป้องกันการอาเจียน ตามด้วยน้ำส้มคั้นสักแก้ว เพราะวิตามินซีในน้ำส้ม จะช่วยลดการเวียนหัว แก้แฮงค์ และชดเชยภาวะขาดน้ำหลังการดื่มหนักได้อีกด้วย

3.น้ำมะนาวผสมน้ำอุ่น หรือน้ำผึ้ง ก็ช่วยแก้อากา ร“เมาค้าง” ได้เช่นกัน และเป็นที่นิยมของคนทั่วไป แถมยังช่วยลดปริมาณสารตกค้างในตับได้อีกด้วย

4.เครื่องดื่มวิตามิน ที่มีส่วนผสมของวิตามินบี และวิตามินซี จะเป็นตัวช่วยอย่างดี หาซื้อได้ง่ายตามร้านสะดวกซื้อ หรือร้านขายยาทั่วไป เพราะวิตามินดังกล่าวสามารถช่วยลดอาการ แฮงค์ ได้มาก และควรดื่มน้ำเปล่ามากๆ ควบคู่ไปด้วย เพื่อชดเชยน้ำที่สูญเสียไปหลังจากการดื่มหนัก

5.น้ำเกลือแร่ เมื่อร่างกายสูญเสียน้ำไปมาก เพราะแอลกอฮอล์ สายปาร์ตี้ควรมีน้ำเกลือแร่ ชนิดละลายน้ำไว้เป็นตัวช่วยฟื้นฟูอาการขาดน้ำด้วย และควรติดตัวไว้จิบทั้งวันเพื่อแก้แฮงค์ และเติมน้ำให้ร่างกายอย่างต่อเนื่อง และทำให้ระบบต่างๆ ของร่างกายทำงานได้ดีขึ้น

6.น้ำขิง เครื่องดื่มสมุนไพร ก็ช่วยแก้ แฮงค์ ได้เป็นอย่างดี น้ำขิงจะช่วยฟื้นฟูร่างกาย ระบบหายใจ และป้องกันอาการปวดหัวที่จะมาได้ในระดับหนึ่ง และยังเป็นตัวช่วยขับแอลกอฮอล์ออกมาทางระบบขับถ่ายได้เป็นอย่างดี

7.กล้วยหอม โพเทสเซียมในกล้วยหอม จะช่วยป้องกันการขาดน้ำ และเคลือบกระเพาะไปในตัว ทำให้ร่างกายดูดซึมแอลกอฮอล์ได้น้อย และขับออกมาได้เร็วยิ่งขึ้น

8.ใบโหระพา ลองนำมาขยี้ หรือบด ผสมน้ำร้อน หรือชาร้อนทิ้งไว้ 5 นาที จากนั้นกรองเอาแต่น้ำมาดื่ม วิธีนี้ช่วยแก้แฮงค์ และลดอาการคลื่นไส้ได้เป็นอย่างดี

9.นมช็อกโกแลต ช่วยป้องกันอาการเมาค้างได้อย่างดี แถมไม่ทำให้เกิดอาการปวดหัวอย่างแรงเมื่อตื่นขึ้นมาอีกด้วย

10.ออกกำลังกายเบาๆ เพื่อขับแอลกอฮอล์ เช่น วิ่ง วิดพื้น ให้ร่างกายได้เหงื่อ จะเป็นการขับแอลกกอฮอล์ออกมาจากร่างกาย ช่วบแก้แฮงค์ และทำให้ร่างกายรู้สึกกระปี่กระเปร่าขึ้น

แต่ละวิธีอาจได้ผลที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคน อย่างไรก็ตาม ควรดื่มอย่างพอเหมาะ เพื่อรักษาสุขภาพตนเองด้วย และที่สำคัญมากๆ ก็คือ "เมาไม่ขับ"

ข้อมูล : โรงพยาบาลขอนแก่น


เตือนภัย 6 "โรคร้าย" ที่มาพร้อม "อากาศหนาว"

6 "โรคร้าย" ที่มาพร้อมกับ "อากาศหนาว" กันค่ะ มาดูกันว่ามีโรคอะไรบ้าง จะได้ระวังตัวทัน

จะเห็นว่าในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ลมพัดค่อนข้างแรงและ อากาศหนาว เย็นลงอย่างเห็นได้ชัด ทำให้อุณหภูมิของร่างกายต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดโรคได้ง่ายยิ่งขึ้น ยิ่งในกลุ่มเด็กเล็กหรือกลุ่มผู้สูงวัย ยิ่งต้องระวังเป็นพิเศษ วันนี้ คมชัดลึก ออนไลน์ จะพาไปรู้จักกับ 6 โรคร้าย ที่มาพร้อม ลมหนาว กันค่ะ มาดูกันดีกว่าว่ามีโรคอะไรบ้าง จะได้ระวังตัวทัน

1.ไข้หวัด เกิดจากเชื้อไวรัสที่ส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ ยิ่งเข้าหน้าหนาวยิ่งเป็นได้ง่ายขึ้น 2 เท่า

2.ไข้หวัดใหญ่ เกิดจากการติดเชื้อไวรัส Influenza Virus อาการคล้ายไข้หวัดทั่วไป แต่รุนแรงกว่า ปล่อยไว้อาจเสี่ยงอาการแทรกซ้อน

3.ปอดบวม เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย หรือไวรัส ทำให้ปอดอักเสบมีหนอง และสารปนเปื้อนในถุงลม มักพบหลังเป็นไข้หวัดเรื้อรัง และคนที่เป็นโรคหอบหืด

4.โรคหัด เกิดจากเชื้อไวรัส Measles เจอบ่อยในเด็กเล็ก ช่วงวัย 5-9 ปี

5.อีสุกอีใส เป็นอีกหนึ่งโรคที่มักระบาดช่วง อากาศหนาว เกิดจากเชื้อไวรัส Chickenpox, Varicella เป็นโรคติดต่อที่พบบ่อยในเด็ก

6.อุจจาระร่วง เกิดจากการติดเชื้อไวรัส Rotavirus โรคร้าย ที่มาพร้อมฤดูหนาว มักพบในเด็ก 6-12 เดือน