ครบเครื่อง
ญ. อมตะ



จู้หรงเผยหลุมอุกกาบาตตื้นบนดาวอังคาร

ยานหุ่นยนต์โรเวอร์ “จู้หรง” (Zhurong) สำรวจดาวอังคาร เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจยานอวกาศเทียนเวิ่น–1 (Tianwen–1) ของจีน ลงจอดบนพื้นผิวดาวอังคารเมื่อ 15 พ.ค.2564 ยานโรเวอร์นี้ถูกส่งไปยังที่ราบยูโทเปีย พลานิเทีย อันกว้างใหญ่ในซีกเหนือของดาวเคราะห์สีแดง การเลือกจอดในบริเวณนี้ก็เพราะสงสัยว่าจะอยู่ใกล้แนวชายทะเลโบราณ อีกทั้งยังมีลักษณะพื้นผิวอื่นๆที่น่าสนใจ ยานโรเวอร์อาจหาหลักฐานของน้ำหรือน้ำแข็งได้ เนื่องจากมีข้อมูลจากยานมาร์ส รีคอน เนอซองส์ ออร์บิเตอร์ ขององค์การนาซา สหรัฐอเมริกา ระบุเมื่อปี 2559 ว่ามีก้อนน้ำแข็งใต้ดินขนาดใหญ่ในบริเวณใกล้เคียงที่ราบยูโทเปีย พลานิเทีย

ซึ่งมีรายงานเมื่อเร็วๆนี้ว่าเรดาร์ของยานหุ่นยนต์โรเวอร์ “จู้หรง” ได้ทะลุทะลวงและตรวจจับลักษณะที่อยู่ใต้ดินของดาวอังคาร โดยส่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าลงสู่พื้นซึ่งสะท้อนกลับจากโครงสร้างใต้ผิวดินที่คลื่นผ่านลงไป นักวิจัยเผยว่ายานจู้หรงใช้ความถี่เรดาร์ 2 ความถี่ ความถี่ที่ต่ำกว่าเข้าถึงได้ลึกกว่า ประมาณ 80 เมตร แต่ได้รายละเอียดน้อยกว่า ขณะที่ความถี่ที่สูงกว่าซึ่งเป็นการรายงานล่าสุด แสดงคุณลักษณะที่มีรายละเอียดมากขึ้น แต่ลึกลงไปประมาณ 4.5 เมตรเท่านั้น

นักวิจัยจีนระบุว่าได้เห็นโครงสร้างใต้ดินที่โค้งงอฝังลงในดินบนดาวอังคาร เชื่อว่าเป็นหลุมอุกกาบาตที่ฝังอยู่ แต่ไม่เห็นร่องรอยของน้ำหรือน้ำแข็งในชั้นดินลึก 5 เมตร ส่วนภาพเรดาร์ของโครงสร้างที่ลึกลงกว่านั้นเผยให้เห็นชั้นตะกอนที่หลงเหลือจากเหตุการณ์น้ำท่วมและการทับถมในอดีต แต่ยังไม่พบหลักฐานของน้ำในยุคปัจจุบัน.

(ภาพเซลฟี่ที่ถ่ายโดยยานโรเวอร์จู้หรง Credit : Chinese National Space Administration)


สัญญาณเตือนโรคท็อป 3 คร่าชีวิตคนไทย

เป็นเรื่องไม่ธรรมดา เมื่อ “โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ-ตัน” เพราะติดอันดับ 3 ของโรคที่คร่าชีวิตคนไทยมากที่สุด เป็นรองแค่การเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ และโรคมะเร็ง โดยจากสถิติพบ ผู้ป่วยรายใหม่ 21,700 รายต่อปี และยังมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ

“สาเหตุเกิดจากการรวมตัวกันของไขมันที่เกาะภายในผนังหลอดเลือดหัวใจหนาขึ้น ซึ่งไขมันนี้เกิดจากคอเลสเตอรอลทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดแข็งตัวและหนาตัวขึ้น ร่างกายจึงไม่สามารถส่งเลือดไปยังกล้ามเนื้อหัวใจได้” นพ.จินดา โรจนเมธินทร์ ผอ.โรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ ระบุ

ปัจจัยเสี่ยงที่เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบนั้น มี 2 กลุ่ม

1. ปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ ได้แก่ ปัจจัยด้านพันธุกรรม หรืออายุที่มากขึ้น ก็มีโอกาสป่วยด้วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ-ตันเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผู้ชายมีโอกาสเกิดมากกว่าผู้หญิงในวัยที่ยังมีประจำเดือน แต่เมื่อผู้หญิงเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน นั่นหมายความว่ามีโอกาส เกิดโรคดังกล่าวเท่า ๆ กับผู้ชาย

2. ปัจจัยที่ควบคุมได้ ได้แก่ ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง เบาหวาน สูบบุหรี่ ไม่ออกกำลังกาย น้ำหนักเกินมาตรฐาน รับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ และความเครียด ส่งผลทำให้เพิ่มโอกาสการเกิดหลอดเลือดหัวใจตีบ-ตันในที่สุด

สำหรับอาการของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบเฉียบพลันนั้น ผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บที่บริเวณหน้าอกคล้าย ๆ มีของหนักมากดทับในขณะพักและอาจมีอาการร้าวไปที่บริเวณแขน สะบัก ไหล่ หรือ ขากรรไกรด้านซ้ายได้

นอกจากนี้ยังอาจพบว่ามีอาการร่วมอื่น ๆ เช่น อาการหอบเหนื่อย นอนราบไม่ได้ ใจสั่น เหงื่อออกมาก คลื่นไส้ อาเจียน หน้ามืดคล้ายจะเป็นลม หรือหมดสติ หากสังเกตพบอาการดังกล่าวข้างต้น ควรพบแพทย์ที่ใกล้ที่สุดโดยทันที

อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงของการเกิดโรค ก็ควรเริ่มต้นดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้ โดยการหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอเลี่ยงการนอนดึก นอกจากนี้ยังต้องรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ลดการรับประทานอาหารทอด เค็ม มัน เป็นต้น.

โดย…อภิวรรณ เสาเวียง...


เตรียมใจ อาจมีดาวเคราะห์น้อยที่ไม่เคยเห็นมาก่อน พุ่งชนโลกได้ทุกนาที

นักวิทยาศาสตร์เตือนชาวโลกเตรียมตัวเตรียมใจ อาจมีดาวเคราะห์น้อยที่นักดาราศาสตร์ไม่เคยเห็นมาก่อน กำลังพุ่งตรงมายังโลก เพราะมันซ่อนตัวใต้แสงตะวัน จนอาจพุ่งชนโลกได้ทุกนาที

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ก.พ.2566 เหล่านักวิทยาศาสตร์เตือนชาวโลก อาจมีดาวเคราะห์น้อยที่ไม่เคยถูกนักดาราศาสตร์สังเกตเห็นมาก่อน พุ่งชนโลกได้ทุกนาที พร้อมเตือนว่า นักวิทยาศาสตร์ไม่ทราบจำนวนที่แน่ชัดของดาวเคราะห์น้อยที่กำลังพุ่งตรงมายังโลกว่ามีเท่าไร รวมทั้งไม่เห็นมาก่อนว่ามีดาวเคราะห์น้อยเหล่านี้พุ่งตรงมายังโลก เนื่องจากก้อนหินอวกาศเหล่านี้ซ่อนอยู่ในแสงพระอาทิตย์

ผู้เชี่ยวชาญด้านดาราศาสตร์หลายคนกล่าวด้วยว่า ไม่มีใครสังเกตเห็นมาก่อนว่าจะมีอุกกาบาต 'เชลยาบินสก์' ซึ่งมีขนาดความกว้างถึงประมาณ 19 เมตร พุ่งชนโลก โดยอุกกาบาตได้ระเบิดเหนือเมืองเชลยาบินสก์ ก่อนจะตกในรัสเซีย เมื่อ ก.พ. 2556 จนก่อให้เกิด 'ช็อกเวฟ' ซึ่งมีความรุนแรงเทียบเท่ากับระเบิดปรมาณูที่สหรัฐอเมริกานำมาถล่มเมืองฮิโรชิมา สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ถึง 35 เท่า ซึ่งช็อกเวฟครั้งนี้ทำให้กระจกตามอาคารบ้านเรือนแตกกระจาย เป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บกว่า 1,600 คน

Richard Moissl หัวหน้าฝ่ายปกป้องโลกของสำนักงานอวกาศยุโรป กล่าวว่า มีดาวเคราะห์น้อยขนาดเท่ากับอุกกาบาตเชลยาบินสก์พุ่งชนโลกในทุกๆ 50-100 ปี

'การบาดเจ็บจากการระเบิดของอุกกาบาตที่พุ่งผ่านชั้นบรรยากาศของโลก หรือเหตุการณ์คล้ายคลึงกันนี้อาจป้องกันได้ถ้าประชาชนได้รับแจ้งมาก่อนว่าจะมีดาวเคราะห์น้อยพุ่งชนโลกและทำนายถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น 'Richard Moissl กล่าวเตือนถึงโอกาสที่โลกของเราจะถูกดาวเคราะห์น้อยที่ไม่เคยเห็นมาก่อนพุ่งชนโลก.

ที่มา : Dailymail


ขอวีซ่าไปอเมริกาต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง มีวิธีทำอย่างไร?

สรุปให้! ขอวีซ่าไปอเมริกา จะต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง? มีขั้นตอนการขอวีซ่าอย่างไร? ถ้าไม่ผ่าน จะขอใหม่ได้ไหม? ใครที่จะขอวีซ่าอเมริกาห้ามพลาดเลย

หากถามว่าประเทศไหนที่อยากจะไปเที่ยวสักครั้ง “อเมริกา” จะต้องเป็นหนึ่งในประเทศในใจของใครหลายคนแน่นอน ไม่ว่าจะไปเที่ยวเพื่อตามรอยฉากหนังดัง ไปทักทายเทพีเสรีภาพ สัมผัสความยิ่งใหญ่ของนิวยอร์ค หรือไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เวิลด์คลาสอันเลื่องลือก็ตาม

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เราจะตั๋วเครื่องบินไปอเมริกาได้นั้น ขั้นแรกที่จะต้องผ่านไปให้ได้ก่อนก็คือการขอวีซ่าอเมริกาให้ผ่านเสียก่อน เพราะวีซ่าอเมริกา เป็นหนึ่งในวีซ่าที่ขึ้นชื่อเรื่องการขอยากมาก ๆ แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะเรามีคำแนะนำในการขอวีซ่ามาฝากแล้ว

เอกสารที่ต้องใช้ในการขอวีซ่าอเมริกา

เอกสารที่ต้องใช้ในการขอวีซ่าอเมริกาจะแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก ๆ คือ หลักฐานสำคัญที่ใช้ในการยื่นขอวีซ่าอเมริกา และหลักฐานอื่น ๆ ที่เตรียมไว้เผื่อต้องนำมาใช้ โดยจะมีรายละเอียดดังนี้

หลักฐานสำคัญในการยื่นขอวีซ่าอเมริกา

ใบยืนยัน : เป็นใบ Confirmation ของแบบฟอร์ม DS-160 ที่จะได้รับหลังจากที่ส่งข้อมูลในระบบออนไลน์ของกรมการกงสุลสหรัฐอเมริกาแล้ว

ใบนัดสัมภาษณ์ : เป็นเอกสารที่จะได้รับหลังจากลงทะเบียนนัดวันเวลาสัมภาษณ์ในระบบออนไลน์เรียบร้อยแล้ว

หนังสือเดินทาง : ต้องเป็นหนังสือเดินทางฉบับล่าสุด มีอายุคงเหลือมากกว่า 6 เดือนนับจากช่วงเดินทาง และมีหน้าว่างอย่างน้อย 1 หน้า (ในกรณีที่มีหนังสือเดินทางเล่มก่อนหน้าให้นำไปด้วยทั้งหมด)

รูปถ่ายหน้าตรง : รูปถ่ายฉบับจริงขนาด 2 x 2 นิ้ว จำนวน 1 ใบ (จะต้องเป็นรูปทางการ หน้าตรง เห็นหน้าชัด และไม่สวมแว่น)

ใบเสร็จค่าธรรมเนียม : เป็นใบนำฝากที่ได้รับตราประทับยืนยันการฝากจากธนาคารกรุงศรีอยุธยาแล้ว

หลักฐานอื่น ๆ ในการยื่นขอวีซ่าอเมริกา

หลักฐานแสดงรายได้ต่าง ๆ เช่น รายการเดินบัญชีเงินฝาก (Statement) หลักฐานการชำระภาษี หรือใบจดทะเบียนการค้า

หนังสือรับรองการทำงานสำหรับผู้ที่เป็นพนักงานประจำ

ผลการศึกษาสำหรับผู้ที่กำลังเรียนหนังสืออยู่

แผนการเดินทางในระหว่างที่คุณพำนักอยู่ในสหรัฐอเมริกา

ขั้นตอนการขอวีซ่าอเมริกา

กรอกแบบฟอร์มออนไลน์ (DS-160) ของกรมการกงสุลสหรัฐอเมริกาที่ https://ceac.state.gov/genniv/ ให้เรียบร้อย

หลังจากยื่นคำร้องผ่านระบบออนไลน์เรียบร้อย หากไม่เคยยื่นขอวีซ่าอเมริกามาก่อน ให้สร้างบัญชีผู้ใช้ที่ www.ustraveldocs.com/th_th/ แล้วเลือกหัวข้อ “การสมัครขอวีซ่าใหม่ / นัดสัมภาษณ์” และทำการกรอกข้อมูล และชำระเงินให้เรียบร้อย

เมื่อระบบตรวจสอบการชำระเงินเสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณจะสามารถเลือกวันและช่วงเวลานัดสัมภาษณ์ตามความสะดวกได้เลย

ในวันนัดสัมภาษณ์ให้เตรียมเอกสารให้เรียบร้อย และควรไปถึงสถานทูตก่อนเวลานัดหมายอย่างน้อย 15-30 นาที

เจ้าหน้าที่จะช่วยตรวจเอกสาร และจัดเก็บข้อมูลชีวภาพ (ลายนิ้วมือ) ให้เรียบร้อย แล้วพาคุณไปที่ห้องสัมภาษณ์

ในการสัมภาษณ์นั้น เจ้าหน้าที่จะสอบถามเกี่ยวกับการเดินทางและการทำงานของคุณเป็นหลัก เช่น เดินทางไปที่ไหน ไปเที่ยวเมื่อไหร่ จะไปทำอะไรบ้าง ไปเที่ยวกับใคร มีความสัมพันธ์กันอย่างไร เคยไปเที่ยวที่ไหนมาหรือเปล่า ทำงานอะไรอยู่ ทำงานมานานแค่ไหนแล้ว เป็นต้น

เมื่อสัมภาษณ์เสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่จะแจ้งผลการขอวีซ่าอเมริกาผ่านให้ทราบทันทีว่าผ่านหรือไม่

หากขอวีซ่าอเมริกาผ่าน เจ้าหน้าที่จะเก็บหนังสือเดินทางของคุณ และจะได้รับคืนพร้อมตราประทับวีซ่าผ่าน EMS ภายใน 3-7 วันทำการ

หากขอวีซ่าอเมริกาไม่ผ่าน เจ้าหน้าที่จะคืนหนังสือเดินทางให้กับคุณ พร้อมอธิบายเหตุผลว่าทำไมถึงไม่ผ่าน ซึ่งคุณสามารถยื่นเรื่องขอวีซ่าอเมริกาใหม่ได้อีกครั้ง ไม่ได้มีข้อห้ามในการขอวีซ่าอเมริกาซ้ำ

จะเห็นได้ว่า การขอวีซ่าอเมริกาไม่ยากอย่างที่คิด แค่เตรียมเอกสารให้พร้อม และทำตามขั้นตอนการขอวีซ่าอเมริกาอย่างถูกต้อง ตอบสัมภาษณ์อย่างมั่นใจและจริงใจที่สุด ก็มั่นใจได้เลยว่าคุณจะขอวีซ่าอเมริการผ่านอย่างแน่นอน


กล้องรังสีเอกซ์จันทราพบหลุมดำยักษ์ในกาแล็กซีแคระ

นักดาราศาสตร์คิดว่าเอกภพหรือจักรวาลเต็มไปด้วยกาแล็กซีขนาดเล็กที่เรียกกาแล็กซีแคระ ในช่วงหลายร้อยล้านปีหลังเหตุการณ์บิ๊กแบง (Big Bang) ซึ่งเป็นทฤษฎีอธิบายการกำเนิดและวิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซีแคระจะรวมกับสิ่งอื่นในเอกภพยุคแรก ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวจนสร้างกาแล็กซีที่ใหญ่ขึ้น กาแล็กซีแคระมักมีดาวฤกษ์ที่มีมวลรวมน้อยกว่าดวงอาทิตย์ประมาณ 3,000 ล้านเท่า

อย่างไรก็ตาม กาแล็กซีแคระยุคแรกสุดนั้น ยากที่จะสังเกตด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบัน เพราะพวกมันจะจางมากเป็นพิเศษและอยู่ไกล ทว่าเมื่อเร็วๆนี้นักดาราศาสตร์จากมหาวิทยาลัยอลาบามา ในเมืองทัสคาลูซา สหรัฐอเมริกา เผยการค้นพบหลักฐานแรกเกี่ยวกับหลุมดำขนาดยักษ์ในกาแล็กซีแคระที่ชนกัน

จากการตรวจจับของกล้องโทรทรรศน์อวกาศจันทราหรือกล้องรังสีเอกซ์จันทรา และเปรียบเทียบกับข้อมูลอินฟราเรดจากกล้อง โทรทรรศน์อวกาศไวส์ ขององค์การนาซา สหรัฐฯ และข้อมูลเชิงแสงจากกล้องโทรทรรศน์แคนาดา-ฝรั่งเศส-ฮาวาย

หลุมดำคู่หนึ่งอยู่ในกระจุกกาแล็กซี Abell 133 อยู่ห่างโลก 760 ล้านปีแสง อีกแห่งอยู่ในกระจุกกาแล็กซี Abell 1758S อยู่ห่างออกไป 3,200 ล้านปีแสง ทั้ง 2 คู่แสดงโครงสร้างที่เป็นลักษณะเฉพาะของการชนกันของกาแล็กซี นักดารา ศาสตร์ระบุว่ารายละเอียดของควบรวมหลุมดำและกาแล็กซีแคระอาจให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับอดีตของทางช้างเผือก เพราะเชื่อว่ากาแล็กซีเกือบทั้งหมดเริ่มต้นจากกาแล็กซีแคระหรือกาแล็กซีขนาดเล็กประเภทอื่นๆ ซึ่งเติบโตใหญ่ผ่านการควบรวมตลอดเวลาหลายพันล้านปี.

Credit : X-ray: NASA/CXC/Univ. of Alabama