ครบเครื่อง
ญ. อมตะ
ครบเครื่อง ญ. อมตะ 25 กรกฎาคม 2563

หมอเตือน 5 แมงมุมพิษ ชี้วิธีสังเกตท้องป่องเป็นพิเศษ แนะวิธีรักษา

กรณีหญิงชาวกระบี่วัย 51 ปี ถูกแมงมุมมีพิษกัด เกิดอาการวิงเวียน หน้ามืด ข้อมือบวมแดง ไข้หนาวสั่น เกิดอาการช็อก เข้ารับการรักษา รพ.กระบี่ วันที่ 11 ก.ค. แต่อาการทรุดต่อเนื่อง และเสียชีวิตลงวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา

นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า หลายคนเกิดความวิตกกังวลว่า ช่วงหน้าฝนแบบนี้จะมีสัตว์มีพิษอย่างแมงมุมออกอาละวาดหรือไม่ แล้วแมงมุมชนิดใดที่มีอันตรายที่อาจถึงแก่ชีวิตได้

แมงมุมมีพิษที่ประชาชนควรทราบมี 5 ชนิดคือ แมงมุมแม่ม่ายน้ำตาล, แมงมุมแม่ม่ายหลังแดง, แมงมุมมีพิษสีน้ำตาล, แมงมุมสันโดษเมดิเตอร์เรเนียน และแมงมุมแม่ม่ายดำ วิธีสังเกตลักษณะเด่นของแมงมุมมีพิษ คือ บริเวณท้องจะป่องเป็นพิเศษ ซึ่งไม่เหมือนแมงมุมที่อยู่ตามบ้านเรือนทั่วไป อาการหลังโดนแมงมุมพิษกัดมีได้หลากหลายความรุนแรง ทั้งอาการเฉพาะที่บริเวณผิวหนังที่ถูกกัด หรืออาจมีอาการที่ระบบอื่นๆ ที่อาจรุนแรงจนถึงแก่ชีวิตได้ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เด็ก ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว

พญ.มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กล่าวว่า อาการทางผิวหนังของผู้ถูกแมงมุมมีพิษกัด มีตั้งแต่อาการเฉพาะที่ซึ่งไม่รุนแรง ไปจนถึงอาการรุนแรงที่ทำให้เกิดแผลเนื้อตาย กรณีอาการทางผิวหนังดูแลเบื้องต้นได้ โดยรีบล้างทำความสะอาดบาดแผลและประคบเย็นบริเวณที่ถูกกัด หากมีอาการปวดสามารถรับประทานยาแก้ปวดได้ ไม่ควรประคบร้อน นอกจากอาการทางผิวหนังอาจเกิดอาการทางระบบอื่นๆ เช่น คลื่นไส้อาเจียน, ไข้ หรือ ปวดศีรษะ

บางรายอาจเกิดอาการที่รุนแรงมาก เช่น ไตวาย หรือ ภาวะเลือดแข็งตัวในหลอดเลือด โดยอาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นภายใน 1-2 วันหลังโดนกัด ผู้ที่ถูกแมงมุมพิษกัดควรรีบเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เพื่อประเมินอาการโดยแพทย์ หากสามารถนำตัวแมงมุมที่กัดไปให้แพทย์ดูด้วยได้ให้นำไปด้วย กรณีมีอาการรุนแรงควรไปพบแพทย์โดยด่วน

"วิธีป้องกันแมงมุมกัด คือ ไม่ไปจับตัวแมงมุม หรือสวมถุงมือเวลาทำงานที่มีโอกาสเจอแมงมุม เช่น ทำสวน ปลูกต้นไม้ ขนฟืน เป็นต้น หมั่นทำความสะอาด ปัดใยแมงมุม หรือดูดด้วยเครื่องดูดฝุ่นบริเวณที่แมงมุมชอบมาชักใย เช่น กรอบประตู กรอบหน้าต่าง มุมเพดาน ช่องลม หรือติดมุ้งลวดป้องกันไม่ให้แมงมุมเข้าบ้าน ควบคุมกำจัดแมลงในบ้าน ไม่เปิดไฟทิ้งไว้ตอนกลางคืน

เพื่อลดจำนวนแมลงเล่นไฟ เป็นการควบคุมจำนวนแมลงที่เป็นเหยื่อของแมงมุม หมั่นตรวจตราตามตู้เสื้อผ้า ชั้นใต้หลังคา ห้องเก็บของ ลังเก็บของ หลังกรอบรูป ใต้เฟอร์นิเจอร์ ตรวจดูและเขย่ารองเท้าและเสื้อผ้า เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีแมงมุมหลบซ่อนอยู่ก่อนสวมใส่ ฉีดพ่นยาฆ่าแมลงในบริเวณที่แมงมุมชอบอาศัย กาวดักแมลงสาบสามารถใช้ดักจับแมงมุมในบริเวณที่แมงมุมชอบเดินผ่าน" พญ.มิ่งขวัญกล่าว

สุขภาพ - ไม่สูบบุหรี่ก็เป็นมะเร็งปอดได้

‘มะเร็งปอด’ ก็คงยังเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เสียชีวิตอันดับต้นๆ ของโลก นพ.ศิระ เลาหทัย ศัลยแพทย์ทรวงอกเชี่ยวชาญด้านผ่าตัดส่องกล้องมะเร็งปอด โรงพยาบาลวชิรพยาบาล กล่าวว่า อาการของมะเร็งปอด ส่วนมากมักไม่มีอาการ แต่อาจเริ่มต้นจากอาการไอ เจ็บหน้าอก หอบเหนื่อย บุคคลที่มีความเสี่ยงควรตรวจสุขภาพตัวเองบ่อยๆ คือผู้ที่สูบบุหรี่ ซึ่ง “บุหรี่” เป็นปัจจัยหลักของการเกิดโรคมะเร็งปอดและโรคถุงลมโป่งพอง

นพ.ศิระกล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม การสูบบุหรี่แม้เป็นปัจจัยเสี่ยงหลักที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งปอด แต่ไม่ใช่ปัจจัยเสี่ยงเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีคำตอบที่แน่ชัดว่าทำไมผู้ป่วยที่ไม่เคยสูบบุหรี่ ถึงสามารถเป็นมะเร็งปอดได้

จากการศึกษาจากงานวิจัยหลายๆ ฉบับ ที่เกี่ยวข้องพบว่าสาเหตุอื่นๆ ที่อาจทำให้เกิดความเสี่ยงมะเร็งปอดได้แก่ 1. สารเรดอน เป็นสารกัมมันตรังสีที่มีอยู่ทั่วไปทุกหนแห่ง ไม่มีรส ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น และไม่สามารถรับรู้ได้ด้วยประสาท สัมผัสใดๆ ของมนุษย์ เป็นสารที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งปอดในมนุษย์ได้เป็นอันดับที่สอง รองจากบุหรี่

2.แร่ใยหิน หรือ แอสเบสตอส เป็นสารก่อมะเร็งที่อยู่ในผลิตภัณฑ์ที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งโทษและพิษภัยของแร่ใยหิน นั้นก่อให้เกิดโรคมะเร็งปอด ไต และโรคมะเร็งที่มีชื่อว่า Mesothelioma ซึ่งสามารถ พบผลิตภัณฑ์ที่คนไทยใช้อยู่บ่อยๆ ก็คือ กระเบื้องมุงหลังคาแบบลูกฟูก, ท่อระบายน้ำ, กระเบื้องปูพื้น, ฝ้าเพดาน, ฝาผนัง, ฉนวนกันความร้อน, ท่อน้ำร้อน, หม้อไอน้ำ, พลาสติกขึ้นรูปต่างๆ

3.สารเคมีหนัก 4.การสูด ดมควันบุหรี่จากคนใกล้ตัว (Second Hand Smoker) และ 5.พันธุกรรมที่ผิดปกติ

นพ.ศิระกล่าวต่อว่า มีรายงานการศึกษาพบว่าผู้ป่วยมะเร็งปอดในทวีปเอเชียนั้น 30-40% เป็นผู้ที่ไม่เคยสูบบุหรี่มาก่อน โดยมากกว่า 50% ของเพศหญิงนั้นไม่เคยสูบบุหรี่ ซึ่งจะแตกต่างจากประเทศในฝั่งทวีปยุโรป ซึ่งมีเพียงแค่ 10-20% เท่านั้นที่ไม่เคยสูบบหรี่ แต่กลับป่วยเป็นมะเร็งปอด

สำหรับมะเร็งปอดไม่ได้พบมากแต่ในผู้ชายเท่านั้น เห็นได้จากสถิติในปี 2018 จากการสำรวจของ World Cancer Research Fund International ทั่วโลกมีผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดรายใหม่เพิ่มถึง 2 ล้านคน และยังพบผู้หญิงป่วยเป็นโรคมะเร็งปอดมากติดอันดับ 1 ใน 3 ของโรคมะเร็งทั้งหมด

โดยลักษณะของผู้ป่วยที่สูบบุหรี่กับไม่สูบบุหรี่นั้น ผู้ป่วยที่ไม่สูบบุหรี่นั้นส่วนมากมักจะพบมะเร็งชนิดที่เรียกว่า Adenocarcinoma ส่วนผู้ป่วยที่สูบบุหรี่ มักจะพบเป็น Squamous Cell Carcinoma ซึ่งมักจะพบในหลอดลมขนาดกลาง โดยมักอยู่ตรงกลางกลีบปอด

มะเร็งประเภทนี้เกิดจากการกระตุ้นการอักเสบ ทำให้เกิดความเสี่ยงที่อาจส่งเสริมให้เป็นมะเร็ง แต่มะเร็งประเภท Adenocarcinoma มักจะอยู่ริมปอด

นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ป่วยมะเร็งปอดที่ไม่เคยสูบบุหรี่มักจะพบความผิดปกติของยีนร่วมด้วยได้แก่ EGFR (epidermal growth factor), anaplastic lymphoma kinase (ALK), ROS1 และ MET

นพ.ศิระกล่าวว่า การรักษามะเร็งปอดของผู้ป่วยสูบบุหรี่ และไม่สูบบุหรี่ค่อนข้างคล้ายกัน ได้แก่ การผ่าตัด การให้ยาเคมีบำบัด และการฉายแสง

สำหรับการผ่าตัดนั้นมีบทบาทหลักในกลุ่มที่เป็นมะเร็งปอดระยะเริ่มต้น (ระยะที่ 1 และ 2) โดยปัจจุบันการผ่าตัดปอดไม่ต้องกลัวอีกต่อไป เราสามารถผ่าตัดผ่านทางการส่องกล้องโดยเทคนิคที่เรียกว่า “Vats” ซึ่งการผ่าตัดจะมีแผลขนาดเล็ก 3-4 ซ.ม. ช่องเดียว ส่งผลทำให้ผู้ป่วยเจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว และสามารถกลับมาดำรงชีวิตปกติได้อย่างรวดเร็ว

ส่วนในการรักษาผู้ป่วยมะเร็งปอดระยะที่ 3 และ 4 การให้ยาเคมีบำบัด ยาพุ่งเป้า (Target therapy) และการฉายแสง เข้ามามีบทบาทเป็นหลัก

ถึงแม้ว่ามะเร็งปอดนั้นอาจเกิดได้กับทุกคน แต่การป้องกันก็ดีกว่าการรักษา ฉะนั้นคนที่จะสูบบุหรี่ขอให้คิดใหม่ และควร หลีกเลี่ยงสารเคมี หรือความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดมะเร็ง

สุดท้ายนี้การออกกำลังกาย และการกินอาหารที่ถูกสุขลักษณะ ทำให้โอกาสเกิดโรคมะเร็งลดต่ำลง สอบถามรายละเอียดการรักษาได้ที่ ศูนย์มะเร็งปอดครบวงจรวชิรพยาบาล โทรศัพท์ 0-2244-3183

ครั้งแรกของ UAE! ปล่อยจรวดส่งยานสำรวจเดินทางสู่ดาวอังคาร

20 ก.ค.63 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า จรวด H-IIA (H2A) ถูกยิงจากศูนย์อวกาศทาเนงะชิมะ ประเทศญี่ปุ่น ส่งยานโฮป (Hope) ยานสำรวจดาวอังคารของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) และเป็นยานสำรวจดาวอังคารลำแรกของภูมิภาคตะวันออกกลางไปสู่อวกาศ โดยมีประเทศญี่ปุ่นเป็นผู้ส่งยานลำนี้ขึ้นสู่อวกาศ ทั้งตัวจรวดที่บรรทุกยาน ฐานปล่อยจรวดและการควบคุมการปล่อยจรวด

ทั้งนี้ กำหนดการออกเดินทางล่าช้ากว่าเดิมนานถึง 5 วัน เนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวน ขณะที่บริษัทมิตซูบิช เฮฟวี อินดัสทรีส์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตจรวดเอชทูเอ รายงานเพิ่มเติมว่าภารกิจเป็นไปอย่างราบรื่น โดยยานสำรวจแยกตัวออกจากจรวดหลังออกเดินทางไปได้ประมาณ 56 นาที

โดยหากยาน โฮป เดินทางถึงดาวอังคารได้สำเร็จ ยูเออี ที่เพิ่งก่อตั้งสำนักงานอวกาศในปี 2557 เท่านั้น จะได้เข้าไปรวมกลุ่มกับมหาอำนาจอย่าง สหรัฐฯ, รัสเซีย, ยุโรป และอินเดีย ที่เคยส่งดาวเทียมไปดาวเคราะห์สีแดงดวงนี้ได้สำเร็จ ขณะที่จีนมีแผนจะส่งยานอวกาศไปในปีหน้า

/

สวนนงนุชพัทยา เนรมิตสวนมิตรภาพ ในสหพันธรัฐรัสเซีย ประจำราชอาณาจักรไทย

นายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา ได้นำทีมจัดสวนมากกว่า 100 คน เข้าปรับปรุงภูมิทัศน์สวนมิตรภาพสหพันธรัฐรัสเซีย ประจำประเทศไทย ( Friendship Garden )78 ถนน ทรัพย์ แขวง สี่พระยา เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร เพื่อกระชับความสัมพันธ์ ระหว่าง ไทย – รัสเชีย เพื่อกระชับความสัมพันธ์

โดยมี Mr.เยฟกินี โทมิคิน เอกอัครราชทูตรัสเซีย ประจำประเทศไทย พร้อมด้วยคณะเจ้าหน้าที่สถานทูตฯ ร่วมให้การต้อนรับ พร้อมอำนวยความสะดวกให้กับทางสวนนงนุชพัทยา

นายกัมพล ตันสัจจา กล่าวว่า ไทยกับสหพันธรัฐรัสเซีย มีความสัมพันธ์ทางการทูตมายาวนาน วันนี้ทางสวนนงนุชพัทยา จึงเข้าเนรมิตสวนแห่งมิตรภาพ ให้เกิดความเป็นสง่าสวยงาม และเป็นพยานแห่งมิตรภาพฉันพี่น้อง ที่จะเจริญเติบโตและมั่นคง ดั่งต้นไม้ที่ปลูกขึ้นทุกต้นในสถานที่แห่งนี้

ทั้งนี้สวนนงนุชพัทยา ได้นำอุปกรณ์และนักจัดสวน นำต้นไม้นับพันต้น เข้าปรับภูมิทัศน์ สำหรับการปรับปรุงภูมิทัศน์ในครั้งนี้ เป็นหนึ่งในแนวคิด Friendship Garden สวนนี้เป็นสวนที่ 9 ที่เข้าปรับปรุงภูมิทัศน์ เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ ระหว่าง 2 ประเทศ ที่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมาอย่างยาวนาน

ทางท่านเอกอัครราชทูตสหพันธรัฐรัสเซีย ประจำประเทศไทย ได้กล่าวขอบคุณประเทศไทย และสวนนงนุชพัทยา แทนชาวสหพันธรัฐรัสเซีย ที่ได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจ เนรมิตสวนมิตรภาพแห่งนี้ ให้เป็นตัวแทนความสัมพันธ์ไมตรี และเกิดความร่มเย็นสวยงาม ขึ้นภายในสถานทูตฯ ให้มีความร่มรื่นและงดงาม

สำหรับสวนนงนุชได้จัดสวน Friendship Garden สวนนี้เป็นสวนที่ 9 โดยได้จัดสวน Friendship Garden มาแล้ว 9 สวน 9 สถานฑูต ได้แก่ สถานทูตอินโดนีเชีย,สถานทูตภูฎาน,สถานทูตปากีสถาน,สถานทูตฝรั่งเศส,สถานทูตลาว,สถานทูตเนปาล,สถานทูตกัมพูชา,สถานทูตเมียนมา , และสถานทูตรัสเชีย

ชาวจีนกังวลเขื่อนสามผาจะรับน้ำไหวหรือไม่

เขื่อนที่กั้นแม่น้ำแยงซีกำลังถูกตั้งคำถามเรื่องประสิทธิภาพในการรับน้ำหลังเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ในจีน

ในขณะที่จีนเกิดน้ำท่วมใหญ่ในหลายพื้นที่โดยเฉพาะในที่ลุ่มแม่น้ำแยงซี ทำให้เกิดคำถามเรื่องประสิทธิภาพของเขื่อนสามผา หรือ Three Gorges Dam ซึ่งเป็นโครงการเขื่อนที่ใหญ่ที่สุดของจีนและจีนยกให้เป็นความสำเร็จด้านวิศวกรรมครั้งสำคัญ

แต่ในช่วงเกิดน้ำท่วมสื่อมวงชนในจีนเริ่มตั้งคำถามว่าเขื่อนจะรับน้ำไหวหรือไม่หรือเขื่อนจะแตกหรือไม่ สำนักข่าว The Global Times ซึ่งเป็นสื่อของทางการจีนจึงได้ซักถามไปยังรัฐวิสาหกิจจัดการเขื่อนสามผา (Three Gorges Corp) เพื่อขอให้ชี้แจ้งความกังวลเหล่านี้

ต่อข้อซักถามที่ว่าเขื่อนสามผาจะแตกหรือไม่ไม่? ทางรัฐวิสาหกิจจัดการเขื่อนสามผาตอบว่า เขื่อนสามผายังทำงานอย่างปลอดภัยด้วยสภาพที่ดี ไม่มีความเสียหายเกิดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยรวมแล้วเขื่อนยังทำงานตามปกติ ปลอดภัย และไว้ใจได้

อย่างไรก็ตาม ความกังวลไม่ได้อยู่แค่ในจีนแต่โลกภายนอกจีนก็ตั้งข้อสังเกตเรื่องประสิทธิภาพของเขื่อนแห่งนี้ด้วย เนื่องจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีสัญญาณน่ากังวลออกมาจากเขื่อน เพราะทางเขื่อเปิดประตูระบายน้ำ 3 แห่งเนื่องจากระดับน้ำสูงกกว่าระดับรองรับน้ำท่วมถึง 50 ฟุต และสำนักข่าว AP รายงานว่าในวันที่ 21 กรกฎาคม มวลน้ำระลอกใหม่จะเคลื่อนตัวมาถึงเขื่อน

Photo by STR / AFP