ครบเครื่อง
ญ. อมตะ



ทำไมเราถึงติดกาแฟ ถ้าติดแล้วต้องเลิกยังไง!

เมื่อพูดถึงอาการติดกาแฟร่างกายของเรา เพียงแค่เราอาจรู้สึกว่าขาดกาแฟไม่ได้ ต้องดื่มกาแฟเพื่อกระตุ้นร่างกายก่อนถึงจะเริ่มทำงานหรือทำกิจกรรมอื่นๆ ได้ตามปกติ เมื่อเราดื่มกาแฟ สารคาเฟอีนจะเข้าไปจับกับตัวรับแทนที่สารอะดีโนซีน ทำให้ร่างกายรู้สึกตื่นตัวขึ้นมา และเซลล์สมองจะสร้างตัวรับเพิ่มขึ้นเพื่อชดเชยให้กับสารอะดีโนซีน ส่งผลให้คาเฟอีนมีฤทธิ์ลดลง หากเราหยุดดื่มกาแฟก็จะทำให้สารอะดีโนซีนจับกับตัวรับมากยิ่งขึ้น จึงก่อให้เกิดอาการอ่อนเพลียหรือง่วงนอนมากกว่าปกติ ทำให้อยากดื่มกาแฟเพื่อให้กลับมารู้สึกกระปรี้กระเปร่าดังเดิม จึงเป็นสาเหตุที่หลายคนเลิกดื่มกาแฟไม่ได้เสียที

อาการติดกาแฟเป็นอย่างไร บางคนอาจคิดว่าการดื่มกาแฟทุกเช้าเป็นเพียงความเคยชินเท่านั้น ไม่ได้กำลังติดกาแฟ แต่เมื่อใดก็ตามที่หยุดดื่มกาแฟแล้วพบอาการอ่อนเพลีย ง่วงซึม มีอาการปวดศีรษะ ปวดเมื่อย ปวดกล้ามเนื้อ ไม่มีสมาธิ ไร้เรี่ยวแรง ซึมเศร้า หงุดหงิด คลื่นไส้ หรืออาเจียนตามมา นี่อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเรากำลังติดกาแฟอยู่หรือเราเรียกอาการเหล่านี้ว่า อาการถอนคาเฟอีน (Caffeine Withdrawal) โดยความรุนแรงของอาการจะขึ้นอยู่กับปริมาณคาเฟอีนในกาแฟที่ได้รับในแต่ละวัน อาการถอนจะรุนแรง 1-2 วันแรก และอาการอาจคงอยู่นาน 2–9 วัน

นอกจากนี้ การเพิ่มปริมาณการดื่มกาแฟก็เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการของติดกาแฟเช่นกัน เนื่องจากร่างกายจะเริ่มปรับตัวให้ชินกับสารคาเฟอีน ทำให้ต้องเพิ่มปริมาณกาแฟมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าหรือตื่นตัวเท่าเดิม หรือก็คืออาการดื้อคาเฟอีน (Caffeine Tolerance) นั่นเอง

อยากเลิกกาแฟต้องทำอย่างไร ค่อยๆ ลดปริมาณการดื่มกาแฟในแต่ละวัน ระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มอื่นๆ ที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนอื่นเช่นกัน ดื่มน้ำเปล่าให้มากขึ้น โดยน้ำจะเข้าไปช่วยขับคาเฟอีนออกจากร่างกาย ซึ่งหากยังเลิกกาแฟไม่ได้ถาวรก็ควรดื่มกาแฟในปริมาณที่เหมาะสม โดยจำกัดปริมาณคาเฟอีนที่ 400 มิลลิกรัมต่อวันหรือกาแฟประมาณ 2–4 แก้ว เพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพให้ได้มากที่สุด


6 อาหารโซเดียมสูงที่ควรเลี่ยง รู้ไว้ไม่เสี่ยงไตวาย

อาหารโซเดียมสูงเป็นหนึ่งในปัจจัยที่นำไปสู่โรคไตวายได้ เพราะไตนั้นมีหน้าที่กำจัดโซเดียมส่วนเกินออกจากร่างกาย หากร่างกายได้รับโซเดียมในปริมาณมากก็อาจทำให้ไตทำงานหนักขึ้นและไตเสื่อมได้ โซเดียมเหล่านี้ถูกใช้อย่างแพร่หลายในเครื่องปรุง อาหารแปรรูป อาหารปรุงสำเร็จ อาหารกึ่งสำเร็จรูป หรือแม้แต่เนื้อสัตว์แปรรูปอย่างไส้กรอก เบคอนและแฮม หากรับประทานอาหารเหล่านี้มากเกินไปก็จะทำให้ร่างกายได้รับโซเดียมมากเกินจำเป็น และเสี่ยงต่อโรคไตวายนั่นเอง

อาหารต่อไปนี้เป็นอาหารโซเดียมสูงที่หากรับประทานบ่อย ๆ ภาวะไตวายอาจมาเยือนโดยไม่รู้ตัว

1.บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป

ขึ้นชื่อว่าเป็นอาหารแปรรูปก็ย่อมต้องมีปริมาณโซเดียมที่สูงเป็นเงาตามตัว โดยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเพียง 1 ซอง (55-60 กรัม) มีปริมาณโซเดียมถึง 1,480-1,500 มิลลิกรัม ซึ่งปริมาณโซเดียมที่อยู่ในอาหารชนิดนี้มีอยู่ในเส้นบะหมี่ และเครื่องปรุง

2.เนื้อสัตว์แปรรูป

ไม่ว่าจะเป็นไส้กรอก แฮม หรือแม้แต่เบคอนก็ล้วนแต่เป็นอาหารที่อันตราย เพราะอาหารเหล่านี้ต้องใช้เกลือจำนวนมากในแปรรูป แค่เบคอนเพียง 100 กรัมก็มีปริมาณโซเดียมถึง 751 มิลลิกรัม ในขณะที่ไส้กรอกหมู 1 ชิ้น มีปริมาณโซเดียม 388 มิลลิกรัมเลยทีเดียว

3.น้ำผลไม้

อีกทางเลือกหนึ่งเพื่อสุขภาพ หลายคนคิดว่าการดื่มน้ำผลไม้นั้นดีต่อสุขภาพ แต่จริง ๆ แล้วกลับเต็มไปด้วยน้ำตาล แถมด้วยโซเดียมอีกเพียบ น้ำมะเขือเทศเพียง 1 แก้ว ปริมาณ 200 มิลลิลิตรก็มีโซเดียมสูงถึง 280 มิลลิกรัมเลยทีเดียว

4.ขนมขบเคี้ยว

ตกบ่ายทีไรก็รู้สึกหิวจนอาจต้องไปหยิบขนมขบเคี้ยวมารับประทาน แต่ก็ต้องระมัดระวังให้ดี เพราะขนมขบเคี้ยวบางอย่างก็มีโซเดียมสูง เช่น ถั่วลิสงอบเกลือ 100 กรัม มีโซเดียมกว่า 400 มิลลิกรัม หรือจะเป็นมันฝรั่งทอด 1 ที่ ก็มีโซเดียมถึง 149 มิลลิกรัม

5.เครื่องปรุง

แม้จะช่วยเพิ่มรสชาติให้อร่อยและทำให้อาหารมีสีสันมากขึ้น แต่ปริมาณโซเดียมก็สูงเป็นเงาตามตัว อย่างซอสมะเขือเทศ 1 ช้อนโต๊ะมีโซเดียมสูงถึง 149 มิลลิกรัม ส่วนน้ำปลาในปริมาณเท่ากัน มีโซเดียมสูงถึง 1,620 มิลลิกรัม

6.ขนมปัง

อาจจะเคยได้ยินมาว่าการรับประทานขนมปังโฮลวีท หรือขนมปังที่ทำจากธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสีนั้นดีกับสุขภาพ แต่จริง ๆ แล้ว ขนมปังโฮลวีท 1 แผ่นมีโซเดียม 125 มิลลิกรัม ขณะที่ขนมปังขาวมีโซเดียมเพียง 117 มิลลิกรัม


เมนู "หมึก" แหล่งโปรตีนคอเลสเตอรอลสูง ถ้ากินเยอะเสี่ยงโรคจริงหรือ?

หมึกหรือปลาหมึก อีกหนึ่งเมนูในอาหารทะเลยอดนิยมที่อุดมไปด้วยไขมันคอเลสเตอรอล โอเมก้า 3 วิตามินอี โปรตีน และแร่ธาตุต่าง ๆ จึงเชื่อว่าการบริโภคปลาหมึกอาจส่งผลดีต่อสุขภาพ เช่น เพิ่มไขมันดี ลดความดัน สมานแผล แต่ปลาหมึกมีไขมันหลากชนิด หลายคนจึงตั้งข้อสงสัยว่า ปลาหมึกดีต่อสุขภาพจริงหรือ และการรับประทานปลาหมึกปริมาณมากอาจทำให้เสี่ยงมีไขมันในเลือดสูงไปด้วยหรือไม่

หมึก เพิ่มไขมันดี ลดไขมันเลว ภาวะไขมันคอเลสเตอรอลในเลือดสูงอาจเป็นอันตรายต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด และนำไปสู่การเกิดโรคร้ายต่าง ๆ ตามมาได้ ปลาหมึกเป็นอาหารที่มีไขมันหลายชนิดโดยเฉพาะไขมันคอเลสเตอรอล หลายคนจึงเกรงว่าการบริโภคหมึกอาจเสี่ยงทำให้มีภาวะไขมันในเลือดสูงได้

แต่จากการวิจัยในอดีตที่ให้ผู้ชายซึ่งมีระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในเกณฑ์ปกติ 18 คน บริโภคอาหารทะเลที่แตกต่างกัน 6 ชนิด คือ หมึกกล้วย ปู กุ้ง หอยนางรม หอยแมลงภู่ และหอยกาบ พบว่าปลาหมึกกล้วยและกุ้งมีไขมันคอเลสเตอรอลสูงกว่าอาหารชนิดอื่น ในขณะที่มีไขมันโอเมก้า 3 ต่ำกว่า และไม่พบการเปลี่ยนแปลงของระดับไขมันในเลือดของผู้บริโภค ยิ่งไปกว่านั้น ปลาหมึกกล้วย หอยแมลงภู่ และหอยนางรมช่วยเพิ่มไขมันคอเลสเตอรอลชนิดที่ดี (HDL) ให้แก่ร่างกาย ซึ่งไขมันชนิดนี้จะช่วยกำจัดคอเลสเตอรอลส่วนเกินออกไปด้วย

กินหมึกแล้วจะทำให้อ้วนไหม? หมึก เป็นหนึ่งในอาหารทะเลที่มีแคลอรี่ต่ำมาก เพราะในปริมาณ 100 กรัม จะให้พลังงานแคลอรี่แค่ 92 แคลอรี่เท่านั้นดังนั้น ถ้าเราทำเมนูลาบปลาหมึก ยำปลาหมึก หรือปลาหมึกย่าง เราอาจจะกินปลาหมึกได้มากถึง มื้อละ 300-400 กรัมเลยทีเดียว

แต่ปัญหาหลัก คือ ถ้าเราเอาไปทำเป็นเมนูผัดหรือทอด เช่น ผัดกระเพราปลาหมึก มันก็จะมีแคลอรี่จากน้ำมันเพิ่มเข้ามาด้วยปลาหมึกยังมีไขมันต่ำ แถมยังอุดมไปด้วยวิตามิน และแร่ธาตุที่มีประโยชน์มากมาย โดยเฉพาะ ซีเรเนียม (Selenium) ที่มีส่วนช่วยให้ต่อมไทรอยด์ทำงานได้ดีขึ้น

การที่ต่อมไทรอยด์สามารถหลั่งฮอร์โมนไทรอยด์ได้ดี จะช่วยทำให้ระบบ Metabolism เผาผลาญไขมันได้ดีอย่างต่อเนื่องนั่นเองครับ


เมนูอาหารเช้า กินอะไรดีที่ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพ และเมนูไหนควรเลี่ยง

เริ่มต้นวันใหม่ด้วยการรับประทานอาหารเช้าที่มีคุณค่าสารอาหารสูง นำไปสู่การมีสุขภาพที่ดีในระยะยาว แล้วประโยชน์ของการกินอาหารเช้าคืออะไร แล้วการงดมื้อเช้าเป็นอะไรไหม เมนูอาหารเช้า กินอะไรดีที่ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพ และเมนูไหนควรเลี่ยง

การกินอาหารเช้าที่มีประโยชน์จะช่วยให้เริ่มวันได้อย่างสดใส ลดความอยากอาหารได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาหารเช้าที่มีโปรตีนสูง ช่วยให้อิ่มนานตลอดทั้งวัน และควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากเกินไปและไม่น้อยเกินไป

เมนูอาหารเช้า กินอะไรดีที่ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพ และเมนูไหนควรเลี่ยง

อาหารเช้าช่วยให้คุณอิ่มนานขึ้น ความหิว มักจะทำให้เราไม่มีสมาธิ ยากต่อการทำงานให้เสร็จในคราวเดียว การรับประทานอาหารเช้าที่อุดมด้วยสารอาหารและธัญพืชเต็มเมล็ดที่มีไฟเบอร์สูงและโปรตีนสามารถช่วยให้หายหิวได้ และให้พลังงานที่จำเป็นต่อการทำงานในแต่ละวัน นอกจากนี้ ร่างกายยังใช้เวลาในการย่อยโปรตีนและไฟเบอร์นานขึ้น ทำให้คุณรู้สึกอิ่มนานขึ้น

เมนูอาหารเช้า กินอะไรดีที่ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพ และเมนูไหนควรเลี่ยง

เมนูอาหารเช้าเพื่อสุขภาพ

ส่วนประกอบที่เหมาะสำหรับการทำเมนูอาหารเช้าเพื่อสุขภาพ ได้แก่ ผัก ผลไม้ ธัญพืชเต็มเมล็ดแบบที่ไม่ผ่านการแปรรูป ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม โปรตีนและไขมันที่มีประโยชน์ โดยตัวอย่างเมนูเพื่อสุขภาพที่เหมาะสมกับมื้อเช้า เช่น

แซนด์วิชขนมปังโฮลวีทใส่ทูน่าหรือเนื้อสัตว์ไร้มันและผักสด

ซีเรียลหรือคอร์นเฟลกผสมกับนมจืด

ข้าวเหนียวหมูปิ้งไม่ติดมันและไม่เกรียม

ข้าวต้มใส่เนื้อสัตว์และผัก

ข้าวผัดหรือข้าวไข่เจียว

ข้าวโอ๊ตต้มสุกพร้อมอัลมอนด์หรือผลไม้ตระกูลเบอร์รี่อบแห้ง

โยเกิร์ตรสธรรมชาติที่ไม่ปรุงแต่งพร้อมผลไม้สด

ไข่ต้ม ไข่คนหรือไข่ดาว กินคู่กับขนมปังข้าวสาลี (Whole meal Toast) เห็ดและมะเขือเทศ

ขนมปังโฮลวีทพร้อมไข่ต้มสุกและผักสด

เมนูอาหารเช้า กินอะไรดีที่ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพ และเมนูไหนควรเลี่ยง

อาหารเช้าที่ควรหลีกเลี่ยง

ได้แก่ อาหารที่มีน้ำตาลสูง และมีแคลอรี่สูง มีสารอาหารต่ำ เช่น

ขนมอบและขนมอบหวานอื่น ๆ

ซีเรียลที่มีน้ำตาล (ควรมองหายี่ห้อที่มีน้ำตาล 5 กรัมหรือน้อยกว่า)

ครีมเทียม

แซนวิชอาหารเช้าแช่แข็ง

น้ำผลไม้กระป๋อง

ปลาท่องโก๋

ข้าวเหนียวหมูทอด หรือหมูย่าง

ข้อเสียของการงดมื้อเช้า

การวิจัยพบว่าการเริ่มต้นวันใหม่ด้วยอาหารมีประโยชน์ มีสารอาหารที่ครบถ้วนมักจะส่งผลดีต่อร่างกาย แต่สำหรับผู้ที่ไม่ทานอาหารเช้า จะมีการตอบสนองต่อระดับน้ำตาลในเลือดที่เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้ เช่น

มีน้ำหนักเกิน หรือเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วน

มีไขมันสะสมที่หน้าท้องมากขึ้น

มีความดันโลหิตสูง

มีระดับ LDL คอเรสเตอรอลที่สูงขึ้น

ทำให้หิวระหว่างวัน และหิวจุกจิกบ่อยขึ้น

เสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน และโรคอัลไซเมอร์

เสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดในสมอง

อย่างไรก็ตาม การเลือกกินเมนูอาหารเช้าที่มีประโยชน์จะช่วยให้มีสุขภาพดี แต่ก็ต้องไม่ลืมดูแลสุขภาพด้านอื่น ๆ ให้แข็งแรงไปพร้อมกันด้วย


สศท.นำเทรนด์แฟชั่นต่อยอด สร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทยในโครงการกำลังใจ

สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ สศท. นำเทรนด์แฟชั่น เทคนิค มาต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มให้กระเป๋าสม็อคฝีมือการสร้างสรรค์จากกลุ่มผู้ต้องการโอกาสในโครงการกำลังใจ ในพระดำริพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เพื่อส่งต่อความรู้ สร้างอาชีพ และเกิดความภาคภูมิใจแก่ผู้ต้องขังหญิง เตรียมเปิดตัวคอลเลกชั่นใหม่ในงาน Craft Bangkok 2024 วันที่ 24 - 28 สิงหาคม 2567 ที่ไบเทค บางนา

นางพรรณพิลาส แพพ่วง รักษาการแทนผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย กล่าวว่า โครงการกำลังใจในพระดำริพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เป็นโครงการที่มุ่งให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ที่ต้องการโอกาสในสังคมไทย โดยมีเป้าหมายสำคัญในการรณรงค์ให้สังคมไทย เป็นสังคมที่พร้อมจะเป็นกำลังใจ และให้โอกาสแก่บุคคลที่แม้จะก้าวพลาดแต่ก็ได้เรียนรู้ที่จะเริ่มชีวิตใหม่เป็นคนดีของสังคม ซึ่ง สศท. ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการนำงานศิลปหัตถกรรมสร้างโอกาส สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม จึงได้เข้ามามีส่วนร่วมกับโครงการกำลังใจมาอย่างต่อเนื่อง ผ่านการให้ความรู้และเพิ่มพูนทักษะให้กับผู้ต้องขังหญิงภายใต้โครงการฯ โดยได้นำนักออกแบบเข้าไปร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์แก่ผู้ต้องขังหญิงที่ทัณฑสถานหญิงกลาง ลาดยาว กรุงเทพฯ และทัณฑสถานบำบัดพิเศษหญิง ปทุมธานี ด้วยการเย็บปักถักร้อยและใช้เทคนิคสม็อคเป็นกระเป๋าหลากหลายรูปแบบ

นางพรรณพิลาส แพพ่วง รักษาการแทนผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย กล่าวว่า โครงการกำลังใจในพระดำริพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เป็นโครงการที่มุ่งให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ที่ต้องการโอกาสในสังคมไทย โดยมีเป้าหมายสำคัญในการรณรงค์ให้สังคมไทย เป็นสังคมที่พร้อมจะเป็นกำลังใจ และให้โอกาสแก่บุคคลที่แม้จะก้าวพลาดแต่ก็ได้เรียนรู้ที่จะเริ่มชีวิตใหม่เป็นคนดีของสังคม ซึ่ง สศท. ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการนำงานศิลปหัตถกรรมสร้างโอกาส สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม จึงได้เข้ามามีส่วนร่วมกับโครงการกำลังใจมาอย่างต่อเนื่อง ผ่านการให้ความรู้และเพิ่มพูนทักษะให้กับผู้ต้องขังหญิงภายใต้โครงการฯ โดยได้นำนักออกแบบเข้าไปร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์แก่ผู้ต้องขังหญิงที่ทัณฑสถานหญิงกลาง ลาดยาว กรุงเทพฯ และทัณฑสถานบำบัดพิเศษหญิง ปทุมธานี ด้วยการเย็บปักถักร้อยและใช้เทคนิคสม็อคเป็นกระเป๋าหลากหลายรูปแบบ

โดย สศท. ได้นำนักออกแบบเข้าไปร่วมให้คำแนะนำทั้งในด้านการปรับรูปแบบกระเป๋าเป็นทรงพัมพ์กิ้นที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน การเลือกใช้โทนสีที่เรียบง่ายแต่แฝงความหรูหรา เทคนิคการจับคู่สี รวมถึงการใช้ผ้าสองชนิดเย็บซ้อนกัน ให้กลายเป็นลวดลาย เช่น ลายใบเฟิร์น ลายคลื่น ลายลูกกวาด ลายช็อกโกแลต

สศท. ขอเชิญชวนทุกท่านเลือกชมและสนับสนุนผลิตภัณฑ์จากโครงการกำลังใจฯ คอลเลกชั่นใหม่นี้ ได้ที่งาน Craft Bangkok 2024 วันที่ 24 - 28 สิงหาคม 2567 เวลา 10.00-20.00 น. ณ ฮอลล์ 98-99 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค