ครบเครื่อง
ญ. อมตะ



ครบเครื่อง ญ.อมตะ 8 มกราคม 2565

เช็กด่วน "ปวดคอ" เพราะอะไร ลดอาการปวดคอได้อย่างไร

เมื่อมีอาการ "ปวดคอ" บ่า หรือไหล่เป็นเวลานาน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยว่าอาการปวดคอดังกล่าวมีสาเหตุมาจากสาเหตุใด เพราะส่วนใหญ่จะไม่รู้ว่าอาการที่เป็นรุนแรงมากน้อยแค่ไหน บางครั้งมาพบแพทย์เมื่อสายตอนที่โรคทวีความรุนแรงขึ้น

"คอ" ประกอบไปด้วยกระดูกคอ 7 ชั้นเรียงต่อกัน หมอนรองกระดูก เอ็นยึดระหว่างกระดูก เส้นประสาท และกล้ามเนื้ออาการปวดคอเป็นอาการที่พบได้บ่อยในทุกเพศ ทุกวัย โดยเฉพาะกลุ่มคนทำงานจากกิจวัตรประจำวัน และ การทำงานทำให้มีการเคลื่อนไหวในส่วนของคอมาก อาจทำให้มีอาการปวดคอ โดยเฉพาะผู้ที่นั่งทำงานในสำนักงาน หรือออฟฟิศนั่นเอง ซึ่งส่วนใหญ่อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ มือพิมพ์แป้นพิมพ์ต่อเนื่องหลายชั่วโมง การนั่งอยู่ในท่าเดิมนาน ๆ ซึ่งถ้าดูแลรักษาและปฏิบัติตนไม่ถูกวิธี จะทำให้อาการปวดคอรุนแรงมากขึ้น

ลักษณะอาการ "ปวดคอ" ที่ทำให้ผู้ป่วยต้องมาพบแพทย์บ่อยมาก อาจปวดแบบเป็นๆ หายๆ หรือปวดเรื้อรัง ถ้าอาการปวดมาจากกล้ามเนื้อ จะไม่ค่อยก่อปัญหาอะไรมาก แต่ถ้าปวดรุนแรงมากเพราะหมอนรองกระดูกสันหลังบริเวณกระดูกต้นคอเสื่อมแล้วเคลื่อนไปทับเส้นประสาท หรือไขสันหลัง อาการปวดชนิด

การรักษาอาการปวดต้นคอได้อย่างไร

1. ใช้ยาบรรเทาอาการปวด โดยแพทย์จะให้ยาจากการประเมินจากความรุนแรงของอาการเป็นหลัก หากมีอาการปวดต้นคอไม่รุนแรงมาก อาจบรรเทาได้ด้วยการทานยาพาราเซตามอล แต่หากอาการปวดนั้นมีสาเหตุจากการอักเสบรุนแรง แพทย์อาจให้ยาลดการอักเสบร่วมด้วย อย่างไรก็ตามการรับประทานยาควรทานตามคำสั่งแพทย์เท่านั้น

2. ทำกายภาพบำบัดและการนวด ในกรณีที่มีอาการปวดรุนแรงจนขยับคอลำบาก อาจต้องกระตุ้นกล้ามเนื้อโดยการประคบร้อน ประคบเย็น และการดึงคอ รวมถึงการบีบนวดที่ถูกวิธีก็ช่วยบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อคอได้ นอกจากนี้ควรฝึกบริหารกล้ามเนื้อคอให้แข็งแรง เพื่อไม่ให้เกิดอาการปวดเรื้อรังด้วย

3. ใส่เฝือกคอ เมื่อวินิจฉัยแล้วอาการปวดคอ จำเป็นต้องได้รับการดูแล ไม่ควรขยับคอมาก แพทย์จะแนะนำให้ใส่เฝือกเพื่อเป็นการช่วยพยุงคอ การใส่เฝือกคอชั่วคราวจะช่วยบรรเทาอาการปวดได้เช่นกัน

4. การผ่าตัด เป็นวิธีที่มีความเสี่ยง และจะใช้รักษาในผู้ที่มีอาการปวดคอเรื้อรัง เนื่องจากกระดูกสันหลังทับเส้นประสาท ในกรณีที่รักษาด้วยวิธีอื่น ๆ ไม่ได้ผลแล้ว


ที่มาข้อมูล :

โรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน


นักวิทยาศาสตร์เอ็มไอทีออกแบบ “จานบิน” เพื่อใช้สำรวจพื้นผิวขรุขระบนดวงจันทร์-ดาวเคราะห์น้อย

ทีมนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรด้านการบินในอวกาศ จากสถาบันเทคโนโลยีแห่งแมสซาชูเชตส์ (MIT) ของสหรัฐฯ ได้ออกแบบยานบินสำรวจเหนือบริเวณที่มีพื้นผิวขรุขระของต่างดาว เช่นพื้นผิวบนดวงจันทร์หรือดาวเคราะห์น้อย โดยยานที่คล้ายกับจานบินของเอเลียนในภาพยนตร์นี้ สามารถยกตัวลอยเหนือพื้นได้แม้ไม่มีอากาศอยู่เลย

งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Spacecraft and Rockets ระบุว่าจานบินดังกล่าวใช้พลังงานจากสนามไฟฟ้า ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อยามที่แสงอาทิตย์ส่องมาโดนตัวยานหรือสัมผัสเข้ากับพลาสมาพลังงานสูงจากลมสุริยะ โดยประจุไฟฟ้าจะช่วยยกจานบินให้ลอยขึ้นเหนือพื้นได้ เช่นเดียวกับที่สามารถทำให้ฝุ่นผงบนพื้นผิวดวงจันทร์ลอยขึ้นสูงได้กว่า 1 เมตร

ตัวยานทำจากวัสดุที่เรียกว่าไมลาร์ (Mylar) ซึ่งจะกักเก็บประจุไฟฟ้าไว้เมื่อโดนแสงอาทิตย์ ทั้งยังปล่อยลำไอออนขนาดเล็กเพื่อชาร์จพลังงานและเพิ่มประจุไฟฟ้าธรรมชาติที่พื้นผิวดาว ซึ่งจะช่วยต้านแรงโน้มถ่วง

ทีมผู้คิดค้นและพัฒนาจานบินนี้บอกว่า พื้นผิวที่ขรุขระของดวงจันทร์หรือดาวเคราะห์น้อยนั้น เหมาะที่จะใช้ยานบินสำรวจมากกว่ารถหรือหุ่นยนต์ตระเวนสำรวจภาคพื้นดิน ซึ่งมีความเสี่ยงจะพบอุปสรรคติดขัดในการเคลื่อนตัวหรือเกิดความเสียหายได้ง่าย

สำหรับเครื่องยนต์ขับดันไอออนของจานบินนี้เป็นชนิดที่เรียกว่า ionic-liquid ion source ซึ่งเป็นแบบเดียวกับที่ใช้ขับดันดาวเทียมให้เคลื่อนไปในห้วงอวกาศ โดยเชื้อเพลิงที่เป็นเกลือหลอมละลายนั้นจะปล่อยลำไอออนออกมา เมื่อสัมผัสกับประจุไฟฟ้า

การคำนวณด้วยแบบจำลองคอมพิวเตอร์และการทดสอบในห้องปฏิบัติการพบว่า แนวคิดนี้มีความเป็นไปได้อยู่จริง โดยการทดลองกับจานบินต้นแบบขนาดเท่าฝ่ามือที่มีน้ำหนักราว 60 กรัม สามารถสร้างพลังไฟฟ้าสถิตที่ยกจานบินให้ลอยขึ้นได้ ซึ่งในความเป็นจริงจะต้องใช้พลังงานดังกล่าวมากน้อยเพียงใดนั้น ขึ้นอยู่กับขนาดของดาวเคราะห์หรือดาวเคราะห์น้อยที่จะทำการสำรวจ

ทีมนักวิจัยของเอ็มไอทีคาดว่า จานบินสำรวจต่างดาวลำนี้จะมีต้นทุนต่ำและประหยัดพลังงาน ซึ่งก็ยังคงจะต้องใช้เวลาปรับปรุงและพัฒนาต้นแบบต่อไปอีกระยะหนึ่ง เพื่อให้สอดรับกับการใช้งานในสถานการณ์จริงได้มากที่สุด

ข่าว BBCไทย


จีนประสบความสำเร็จทดสอบเดินเครื่อง "ดวงอาทิตย์เทียม" ร้อนกว่าของจริง 5 เท่า

เมื่อวันที่ 3 ม.ค. 65 ที่ผ่านมา สถาบันฟิสิกส์พลาสมา สังกัดสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน เปิดเผยว่า ประสบความสำเร็จในการทดลองเดินเครื่อง "ดวงอาทิตย์เทียม" ที่จำลองการเกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชัน เหมือนที่เกิดบนดวงอาทิตย์จริง โดยพบว่าสามารถทำงานต่อเนื่องภายใต้สภาวะอุณหภูมิสูงเกือบ 70 ล้านองศาเซลเซียส เป็นเวลานานถึง 1,056 วินาที หรือประมาณ 17 นาที ซึ่งถือเป็นระยะเวลาการทำงานได้ยาวนานที่สุด

การทดลองมีขึ้นในมณฑลอันฮุย ทางตะวันออกของจีน นักวิจัยระบุว่าตัวเลข 70 ล้านองศาเซลเซียส เป็นอุณหภูมิที่ร้อนกว่าแกนกลางดวงอาทิตย์ของจริงถึง 5 เท่า ขณะเดียวกันการทดลองปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชันแบบนี้ต้องใช้พลังงานจาก "ดิวเทอเรียม" ธาตุไฮโดรเจนชนิดหนักและมีอยู่มากมายในทะเล ซึ่งจีนมองว่าโลกเรามีดิวเทอเรียมอยู่อีกมากมาย ในขณะที่เชื้อเพลิงฟอสซิลกำลังจะหมดลง ทำให้ดวงอาทิตย์เทียมพลังงานฟิวชัน เป็นพลังงานสะอาดที่มีเสถียรภาพ และอาจเป็นพลังงานสุดท้ายของมนุษยชาติต่อไปในอนาคต.


กล้องฮับเบิลพบสนามแม่เหล็กของดาวเคราะห์นอกระบบดวงหนึ่ง

ปัจจุบันมีการยืนยันว่ามีดาวเคราะห์นอกระบบมากกว่า 4,000 ดวงอยู่จริง แม้ลักษณะทางกายภาพของดาวเคราะห์เหล่านี้จะยังไม่อาจรู้ได้ด้วยเทคโนโลยีที่มีอยู่ ทว่าการใช้กล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลก็ได้ผลลัพธ์ที่คืบหน้าบางอย่าง ล่าสุดกล้องฮับเบิลได้ระบุถึงสนามแม่เหล็กรอบดาวเคราะห์นอกระบบดวงหนึ่งเป็นครั้งแรก

สำหรับบนโลกของเรานั้น สนามแม่เหล็กคือสิ่งจำเป็นต่อการดำรงอยู่ต่อไป ส่วนดาวเคราะห์นอกระบบที่นักดาราศาสตร์จากมหาวิทยาลัยอริโซนาในสหรัฐอเมริกา ยืนยันการมีอยู่ของสนามแม่เหล็กเป็นครั้งแรกนี้ มีชื่อว่า HAT-P-11b ถูกค้นพบในปี 2552 แต่ได้รับการยืนยันและกำหนดลักษณะเพิ่มเติมในภายหลังโดยใช้การวัดความเร็วในแนวรัศมีจากหอดูดาวเคก ในฮาวาย ซึ่งเป็นหนึ่งในวิธีมาตรฐานสำหรับตรวจจับดาวเคราะห์ที่อยู่ห่างไกล โดยดาวเคราะห์นอกระบบ HAT-P-11b อยู่ห่างเราออกไปราว 123 ปีแสง

นักดาราศาสตร์เผยว่ากล้องฮับเบิลตรวจพบกลุ่มเมฆที่มีอะตอมของคาร์บอนแตกตัวเป็นไอออน อันเป็นสัญญาณที่แน่ชัดว่า HAT-P-11b ซึ่งขนาดประมาณดาวเนปจูน มีกิจกรรมของสนามแม่เหล็ก อีกทั้งไอออนของคาร์บอนยังแผ่ออกจาก HAT-P-11b เหมือนหาง คาดการณ์ว่าหางนี้เป็นผลมาจากความใกล้ชิดระหว่างดาวเคราะห์กับดาวฤกษ์แม่ของตน บรรยากาศด้านบนเลยร้อนจัดและพุ่งออกมาเป็นหางในอวกาศ.


เทคนิคดูแล "หัวใจ" ผู้สูงวัยให้แข็งแรง ต้อนรับปี 2565

เริ่มต้นสุขภาพดี รับปี 2565 : ลด ละ เลิกพฤติกรรมทำร้ายสุขภาพเหล่านี้ลงก็จะช่วยถนอมหัวใจของคุณได้อย่างดีเยี่ยม

ลด ละ เลิกพฤติกรรมทำร้ายสุขภาพ : สำหรับใครที่สูบบุหรี่อยู่ หากคุณลดพฤติกรรมนี้ลงก็จะช่วยถนอมหัวใจของคุณได้อย่างดีเยี่ยม แถมยังช่วยลดอัตราเสี่ยงที่จะส่งผลต่อสุขภาพหัวใจลงได้เป็นอย่างมากเมื่อคุณเลิกสูบบุหรี่ เพราะการสูบบุหรี่จะไปทำลายผนังบุหลอดเลือดแดง และทำให้เกิดภาวะไขมันสะสมที่ผนังหลอดเลือดแดงและนำไปสู่ภาวะตีบตันได้

หมั่นรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพหัวใจ : เพื่อเสริมสร้างสุขภาพหัวใจให้ดีขึ้น ให้ลองรับประทานผักและผลไม้สด ผลไม้แห้ง ถั่วต่างๆ และเมล็ดพืชเป็นประจำทุกวัน เพื่อให้ได้วิตามินและแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการ นอกจากนี้ อาหารจำพวกปลาที่มีไขมันดีสูง เช่น แซลมอน แมคเคอเรล ทูน่า ฯลฯ เมล็ดแฟลกซ์ (Flaxseed) ถั่ววอลนัท เมล็ดฟักทอง และถั่วเหลือง ล้วนอุดมด้วยกรดไขมันโอเมกา 3 ที่ช่วยลดโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจได้

ออกกำลังกายให้หัวใจสูบฉีดสม่ำเสมอ : การออกกำลังกายช่วยให้หลอดเลือดทำงานได้ดีและขยายกว้างมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้เลือดไหลเวียนเข้าไปหล่อเลี้ยงหัวใจเราได้สะดวกและมีประสิทธิภาพ กระตุ้นการผลิตสารไนตริกออกไซด์ ในร่างกายซึ่งช่วยควบคุมดูแลและรักษาระบบหัวใจและหลอดเลือด ทำให้คุณมีสุขภาพหัวใจที่แข็งแรงยิ่งขึ้น

ลดความเครียดลง : แม้จะยังไม่มีหลักฐานเชื่อมโยงชัดเจนว่าระดับความเครียดที่สูงจะส่งผลต่อการเกิดโรคหัวใจได้แน่นอน แต่ความเครียดก็ถือเป็นตัวการสำคัญที่เพิ่มความเสี่ยงต่อสุขภาพหัวใจของคุณได้ ความเครียดอาจทำให้คุณมีอาการความดันโลหิตสูง ทำให้คุณรับประทานอาหารมากเกินไป ทั้งยังอาจออกกำลังกายน้อยลง และสูบบุหรี่มากกว่าปกติ มิหนำซ้ำความเครียดระยะยาวก็อาจจะทำให้ร่างกายของคุณเพิ่มระดับฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความเครียด เช่น อะดรีนาลีน หรือคอร์ทิโซล ได้ง่ายๆ และอาจส่งผลให้เกิดความเสี่ยงที่จะหัวใจวายตามมา

อย่างไรก็ตาม การมีวิถีชีวิตเพื่อสุขภาพดีและไลฟ์สไตล์ที่กระฉับกระเฉงมีส่วนช่วยให้เราอยู่ห่างไกลจากโรคหัวใจได้มาก หากว่าคุณยังไม่เริ่มต้นทำเลย คุณควรจะเริ่มซะตั้งแต่ตอนนี้และนำเคล็ดลับๆ เหล่านี้ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อให้หัวใจของคุณสูบฉีดและทำงานได้อย่างเต็มที่ต่อไปอีกนานแสนนาน แล้วหัวใจของคุณจะต้องรู้สึกขอบคุณที่คุณเริ่มทำเพื่อหัวใจของคุณเองที่แข็งแรงแม้ยามสูงวัย