ครบเครื่อง
ญ. อมตะ



ยินดีเพียบ! 'จั๊ก ชวิน'เผยภาพฟิล์มเอกซเรย์ปอด ประกาศหายขาดจาก'วัณโรค'แล้ว

5 มิถุนายน 2567 จากกรณีที่นักร้องหนุ่ม จั๊ก ชวิน จิตรสมบูรณ์ ได้เคยโพสต์อัพเดทภาพนอนแอดมิทโรงพยาบาล พร้อมแจ้งข่าวกับทุกคนว่าตนเองนั้นกำลังป่วยวัณโรค จึงทำให้ต้องหยุดงานและพักรักษาตัวก่อน ซึ่งขณะนั้นมีเหล่าแฟนๆ และเพื่อนในวงการดนตรีเข้าไปให้กำลังใจกันอย่างล้นหลาม

ล่าสุด'จั๊ก ชวิน'ได้แจ้งข่าวดีผ่านทางอินสตาแกรมส่วนตัว"@jugg_chawin" โดยเจ้าตัวได้โพสต์ภาพตนเองพร้อมกับใบหน้าสดใส และภาพแผ่นฟิล์มเอกซเรย์ปอดของตนเอง พร้อมระบุแคปชั่นว่า "สบายใจละ หายขาด คุณหมอบอกเจอกันอีกทีปีหน้าเลย ขอบคุณมากครับ #จั๊กชวิน #juggchawin #ระนะจั๊ก_รักนะจ๊ะ #โรงพยาบาลวิภาวดี"

โดยหลังจากโพสต์ข้อความไปก็ทำเอาเพื่อนๆ และแฟนคลับต่างเข้ามาคอมเมนต์แสดงความยินดีพร้อมทั้งอวยพรให้ 'จั๊ก ชวิน' แข็งแรงๆ กันอย่างมากมาย


'พลังคนไทย' สู่ 'พลังแห่งความเป็นไปได้'สานฝันผู้ประกอบการยกระดับสินค้าไทยสู่เวทีโลก

กว่าที่สินค้าไทยแต่ละประเภทจะได้ไปอวดโฉมสู่สายตาชาวต่างชาติ ผู้ประกอบการไทยเองต้องฝ่าฟันและพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง ตลอดจนสร้างเอกลักษณ์จุดเด่นให้สินค้าแตกต่างไปจากคู่แข่งในท้องตลาด ลำพังแค่ความฝันหรือแรงบันดาลใจเพียงอย่างเดียวคงไม่เพียงพอที่จะทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้ วันนี้3 ผู้ประกอบการที่สามารถก้าวไกลสู่เวทีโลกจะมาบอกเล่าการฝ่าฟันอุปสรรคและการได้รับแรงสนับสนุนจากคนไทยด้วยกัน รวมถึงการมีพันธมิตรที่ดีอย่างกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ที่ดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมในโครงการคิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย ที่ส่งเสริมและสนับสนุนศักยภาพสินค้าไทย เข้ามาช่วยเหลือแนะนำผู้ประกอบการในการพัฒนาสินค้าให้ตรงความต้องการของนักท่องเที่ยวแนะนำเรื่องการเลือกใช้วัตถุดิบ พร้อมจัดคอร์สอบรมความรู้ด้านการตลาดออนไลน์และออฟไลน์ตั้งแต่วิเคราะห์ข้อมูล จัดทำบัญชี และการบริหารธุรกิจ เป็นต้น เพื่อให้ผู้ประกอบการและชุมชนที่เป็นคู่ค้ามีความเข้มแข็งและคุณภาพชีวิตที่ดี ประสบความสำเร็จและนำพาสินค้าไทยที่มีคุณภาพได้ก้าวสู่เวทีการค้าระดับโลก

อรรถเทพ สมัครธัญกิจเจ้าของอารมณ์ดินสตูดิโอ จ.ลำปางผลิตภัณฑ์งานปั้นเซรามิก ที่จัดว่าเป็นหนึ่งในสินค้าประเภทของที่ระลึกตกแต่งบ้านที่ขายดีที่ คิง เพาเวอร์ กล่าวว่า จุดเริ่มการทำธุรกิจกับ คิง เพาเวอร์ มาจากความฝันที่ว่าสักวันอยากนำสินค้าของเราไปสู่ตลาดโลก ช่องทางหนึ่งที่จะทำได้คือการวางขายสินค้าที่ คิง เพาเวอร์ เพราะที่นี่เป็นด่านแรกในการต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก เป็นโอกาสที่จะทำให้ทุกคนได้เห็นสินค้า เมื่อได้ทำงานร่วมกัน คิง เพาเวอร์ ได้ให้คำแนะนำในการปรับปรุงสินค้าให้ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวมากขึ้น เช่น ปรับรูปแบบ ลดขนาดตุ๊กตา ฯลฯ เพื่อให้ถูกใจและสะดวกแก่การซื้อกลับ ทำให้สินค้าขายดีขึ้นเรื่อยๆ แม้จะประสบปัญหาบ้างช่วงโควิดแต่ก็ถือเป็นโอกาสดีที่ทำให้เราได้ย้อนกลับมาดูตัวเอง จัดการระบบสินค้าและหาความรู้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งได้ทางคิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ฯ ช่วยจัดคอร์สอบรมให้ผู้ประกอบการพันธมิตรได้รับความรู้ต่างๆไม่ว่าจะเป็น วิธีเก็บข้อมูลการทำบัญชี ทำสต็อกสินค้าการขายของออนไลน์ ฯลฯ จากเดิมทำไม่เป็นเลยจนสามารถทำได้ จากนั้นก็พยายามศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมพัฒนาจนสินค้าเป็นที่รู้จักแพร่หลาย

“พูดได้เต็มปากว่าเป็นมืออาชีพมากขึ้นได้เพราะ คิง เพาเวอร์ เมื่อโอกาสมาถึงแล้วก็ไม่อยากปล่อยให้หลุดมือไป ซึ่งไม่เพียงเป็นโอกาสที่เราได้รับ แต่หมายรวมถึงโอกาสที่มาถึงคนใน อ.แม่เมาะ ด้วย เมื่อออเดอร์มากขึ้นก็มีการจ้างงานในชุมชนเพิ่มตามไปเช่นทำ

แอคเซสเซอรี่ประกอบตุ๊กตาอย่างการถักหมวกเล็กๆ งานดัดแว่น มีคนที่ปลดหนี้มีความเป็นอยู่ดีขึ้น ซื้อรถใหม่ มีรายได้มากขึ้น ผมขอเป็นตัวแทนของอารมณ์ดิน สตูดิโอ กล่าวคำว่า ขอบคุณ สำหรับโอกาสที่มอบให้ ถ้าไม่ได้รู้จัก คิง เพาเวอร์ ก็คงไม่มีอารมณ์ดินที่เติบโตมาเหมือนทุกวันนี้” คุณอรรถเทพกล่าว

เมื่อพูดถึงขนมไทยที่นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกมักจะเลือกซื้อเป็นของฝากจาก คิง เพาเวอร์ นั่นคือ “ข้าวแต๋น”ที่ถูกนำมาพัฒนาเป็นขนมคุ้กกี้ข้าวไทยสุดคูลอย่าง “บางกอกคุ้กกี้”เกิดขึ้นจากแนวคิดของ ประสงค์ ลิ้มเจริญ ผู้ก่อตั้งแบรนด์บางกอกคุ้กกี้ ที่อยากพัฒนาขนมที่ทำจากข้าวคุณภาพดีส่งออกไปสู่ตลาดโลกอีกทั้งยังเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรไทยให้มีรายได้ สร้างชุมชนเข้มแข็ง

คุณประสงค์ เล่าว่า อยากสร้างสินค้าที่มีเอกลักษณ์ของคนไทย และข้าวหอมมะลิคือหนึ่งในสินค้าที่เราอยากพัฒนาเพราะเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของประเทศและของโลก จึงคิดนำข้าวมาแปรรูปเป็นขนมข้าวกรอบ หรือที่เรียกว่าข้าวแต๋น โดยใช้ข้าว

ออร์แกนิก แต่จะทำยังไงให้ข้าวแต๋นของเราแตกต่างจากคนอื่น เราได้พันธมิตรทางการค้าที่ดีช่วยแนะนำการคัดสรรวัตถุดิบที่ดี พร้อมให้โจทย์เรามาพัฒนาสินค้า3 ข้อ คือ ข้าวแต๋นต้องไม่เหมือนใครในโลก ต้องเก็บได้นานเกินกว่า12 เดือนและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับข้าวไทย ในที่สุดเราก็ได้ข้าวแต๋น บางกอกคุ้กกี้ ออกจำหน่ายซึ่งปัจจุบันมีนับ 100 รสชาติความพิเศษอยู่ที่การใช้ข้าวออร์แกนิค ปราศจากสารเคมีในการปลูก 3 สายพันธุ์ได้แก่ ข้าวหอมมะลิ ข้าวเหนียว และข้าวขาว ตลอดจนพัฒนากรรมวิธีการผลิตจนได้ผลิตภัณฑ์ที่เก็บได้นานแต่ยังคงรสชาติความอร่อย กลายเป็นของฝากยอดฮิตที่นักท่องเที่ยวต้องถือติดมือ สร้างชื่อเสียงให้ขนมแปรรูปข้าวไทยดังไกลไปกว่า 30ประเทศทั่วโลก

“แน่นอนว่าเราไม่หยุดเพียงเท่านี้ วันนี้เราได้พัฒนาสินค้าและขยายตลาดสู่จีนภายใต้แบรนด์ Metemโดยการปรับรสชาติให้ถูกปากชาวจีนมากขึ้น รวมถึงผลไม้แปรรูป Fruitland ที่ผลิตและส่งออกใน 14 ประเทศ การนำข้าวไทยและผลไม้แปรรูปไปสู่ตลาดโลก ตอกย้ำให้เห็นศักยภาพของแบรนด์ไทยที่สามารถไปแข่งในตลาดโลกได้ เพิ่มมูลค่าข้าวไทยและยังเป็นการช่วยเกษตรกรให้มีรายได้เพิ่มขึ้นอีกด้วยสำหรับบางกอกคุ้กกี้เชื่อว่าทุกวันนี้ได้พาข้าวแต๋นขนมสัญชาติไทยเดินทางมาไกลกว่าที่เคยและเป็นที่รู้จักในต่างประเทศมากขึ้น นับเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งในแบบที่ไม่เคยมีใครคิดทำมาก่อน” คุณประสงค์กล่าว

อีกหนึ่งความน่าสนใจของแบรนด์คนไทยที่นำหลักแนวคิดพลังแห่งความเป็นไปได้มาใช้ กับผ้าฝ้ายทอมือย้อมสีธรรมชาติจากแบรนด์ JUTATIP โดยคุณจุฑาทิพ ไชยสุระเจ้าของรางวัลG-mark (Good Design Award)ปี 2564รางวัลการออกแบบยอดเยี่ยมจากสถาบันการออกแบบของญี่ปุ่น บอกว่าการทำเครื่องแต่งกายผ้าฝ้ายทอมือย้อมสีธรรมชาติ เป็นความตั้งใจในการนำภูมิปัญญาที่ถ่ายทอดจากคนรุ่นเก่า

สู่รุ่นใหม่มาพัฒนาให้เป็นสินค้าที่มีมาตรฐานระดับสากล จุดเด่นอยู่ที่การใช้เส้นด้ายปั่นด้วยมือ กระบวนการทอมือ และเทคนิคการย้อมธรรมชาติ สร้างเอกลักษณ์ และเทคนิคการทอสไตล์ญี่ปุ่น ฯลฯ แต่สินค้าดีอย่างเดียวยังไม่สามารถทำให้เราเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างเต็มที่ วันนี้เรามาถึงจุดนี้ได้เพราะความโชคดีที่ได้พันธมิตรที่ดี อย่าง คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย เข้ามาให้ความรู้ที่ทันสมัยทั้งในเรื่องการทำตลาดออนไลน์-ออฟไลน์ การบริหารธุรกิจ ฯลฯ ช่วยให้เราสามารถสื่อสารเกี่ยวกับงานผ้าและความพิถีพิถันในการผลิตสินค้าของเราไปถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น ทำให้คนต่างชาติรู้จักภูมิปัญญาของคนไทย และจังหวัดต่าง ๆ ของประเทศไทยเพิ่มขึ้นอีกด้วย

“การผลักดันสินค้าภูมิปัญญาไทยไปสู่ตลาดโลกควบคู่ไปกับการส่งเสริมวิถีชุมชน เป็นปณิธานที่ตั้งไว้มาโดยตลอด แม้ว่าในช่วงแรกเราไม่เก่งเรื่องทำเสื้อผ้า แต่พยายามเรียนรู้ทุกอย่าง นำมาปรับปรุงพัฒนาจนได้สินค้าใหม่ๆอยู่เสมอ สิ่งที่ได้เรียนรู้คือการทำงานฝีมือเราต้องไม่หยุดนิ่ง ต้องปรับปรุงพัฒนาอยู่เสมอเพื่อให้ได้สินค้าที่ถูกใจทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่สำคัญเรายังคงสืบสานวิถีชีวิตชุมชน ภูมิปัญญาท้องถิ่นไม่ให้หายไป นอกจากจะเป็นการช่วยอนุรักษ์แล้วยังช่วยทำให้ชุมชนเข้มแข็ง มีรายได้ในการเลี้ยงชีพที่มั่นคงขึ้น” คุณจุฑาทิพกล่าว

ความสำเร็จของผู้ประกอบการคนไทยที่ได้ก้าวไปสู่เวทีระดับโลก เป็นความภาคภูมิใจของ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ และคนไทยทุกคน ที่เชื่อมั่นในพลังแห่งความเป็นไปได้ ซึ่งจะมาพาชุมชนและสังคมไทยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน


ชวนเล่นเว็บ Bkk Sticker สร้างมีมป้าย “Bangkok” ได้เองในคลิกเดียว

ในเวลานี้คงไม่มีอะไรร้อนไปกว่า “ป้าย Bangkok” อันใหม่บนสกายวอล์ก แยกปทุมวัน บริเวณหน้าหอศิลป์ เชื่อมต่อ MBK-BTS สถานีสนามกีฬาแห่งชาติ และสถานีสยาม ซึ่งบนโลกโซเชียลมีทั้งการพูดถึง CI และแบรนดิ้งใหม่ แต่ก็มีชาวเน็ตพัฒนาเป็นเว็บ สำหรับผลิตเป็นมีม (Meme) โดยเฉพาะ

หลังจากกรุงเทพมหานคร เปิดตัวป้ายใหม่ Bangkok บริเวณพื้นที่สกายวอล์ก แยกปทุมวัน จนกลายเป็น CI ใหม่สีเขียวมรกต พร้อมฟอนต์เสาชิงช้า ซึ่งก่อให้เกิดการพูดถึงอย่างมากมายบนโลกอินเทอร์เน็ต ทั้งในแง่ของการวิจารณ์ถึงความสวยงาม และการวิเคราะห์ในเชิงการออกแบบ

อย่างไรก็ดี บรรดาทีมแอดมินของแบรนด์สินค้าต่างๆ ได้นำป้าย Bangkok ไปดัดแปลงกลายเป็นการโปรโมตผลิตภัณฑ์ของตัวเอง รวมไปถึงการทำเว็บไซต์สำหรับการนำป้ายของกรุงเทพมหานครไปสร้างมีมให้เอาไปใช้งานได้อย่างมันมือบนโลกอินเทอร์เน็ต ดังเช่นเว็บไซต์ BKK Sticker

บนเว็บไซต์ Bkk Sticker มาพร้อมกับฟังก์ชันการใช้งานที่สามารถเปลี่ยนสีฟอนต์ได้ ตามด้วยการก๊อบปี้รูปภาพ และการเซฟภาพ รวมถึงแชร์ไปยังโซเชียลมีเดีย เช่น เฟซบุ๊ก และเอ็กซ์

ใครที่อยากลองสร้างมีมจากป้าย “Bangkok” เข้าไปลองได้เลยที่เว็บไซต์ Bkk Sticker


Airbnb เผยนักท่องเที่ยวอินเดีย กลุ่ม Gen Z และ Millennium นิยมเดินทางในไทยเพิ่มขึ้น 80%

กระแสการท่องเที่ยวในประเทศไทยกำลังฟื้นตัว และมีนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น ล่าสุด Airbnb เผยถึงเทรนด์การท่องเที่ยวในประเทศไทย ที่กำลังเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวชาวอินเดีย โดยมีสัดส่วนมากถึง 80% โดยส่วนใหญ่เป็นนักเดินทางกลุ่ม Gen Z และมิลเลนเนียล (Millennials) ของนักท่องเที่ยวชาวอินเดียทั้งหมด

Airbnb (แอร์บีเอ็นบี) ได้เผยข้อมูลนักท่องเที่ยวระหว่างปี 2565-2566 พบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวอินเดียจองที่พักผ่าน Airbnb ในประเทศไทย เพิ่มขึ้นกว่า 60% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว

ความร้อนแรงของนักท่องเที่ยวชาวอินเดียยังคงมีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดยาว เช่น เทศกาลโฮลี และเทศกาลอีสเตอร์ พบว่าชาวอินเดียได้เข้ามาค้นหาที่พักในประเทศไทยเพิ่มขึ้นมากกว่า 200%

ข้อมูลของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาระบุว่า ประเทศอินเดีย รั้งอันดับ 5 (เป็นรองประเทศจีน ประเทศมาเลเซีย ประเทศเกาหลีใต้ และประเทศรัสเซียของตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาเที่ยวประเทศไทยมากที่สุด ทำให้รัฐบาลได้ใช้นโยบายสนับสนุน และประกาศขยายระยะเวลาฟรีวีซ่าเพิ่มอีก 6 เดือน ไปจนถึง 11 พฤศจิกายน 2567 นี้

อมันพรีท บาจาจ ผู้จัดการทั่วไปประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อินเดีย ฮ่องกง และไต้หวัน ของ Airbnb เปิดเผยว่า “นักเดินทาง Airbnb ชาวอินเดียยังคงชื่นชอบและสนใจที่จะท่องเที่ยวไปยังจุดหมายปลายทางต่างๆ ในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น และยังพบว่านักท่องเที่ยวชาวอินเดียเริ่มเดินทางไปยังสถานที่ใหม่ๆ ที่ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนัก ซึ่งนับเป็นการสนับสนุนการท่องเที่ยวแบบมีส่วนร่วมมากขึ้น และยังเป็นการช่วยกระจายเศรษฐกิจไปยังชุมชนต่างๆ ที่ไม่ใช่เพียงแค่เมืองใหญ่เท่านั้น”

“นอกจากนี้การที่รัฐบาลไทยขยายระยะเวลาฟรีวีซ่าทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและอินเดียเป็นการสนับสนุนและช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวทั้งสองประเทศอย่างต่อเนื่อง และยังส่งผลให้ความต้องการในการเดินทางมายังประเทศไทยสูงขึ้น ซึ่ง Airbnb พร้อมสนับสนุนโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวในประเทศไทย และสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางในดวงใจของนักเดินทางชาวอินเดีย” ผู้จัดการทั่วไปประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ Airbnb กล่าวทิ้งท้าย

ปัจจุบันได้มีกระแสความนิยมในการเดินทางเที่ยวเมืองไทยของกลุ่มนิวเจนชาวอินเดียเพิ่มมากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่นักเดินทางชาวอินเดียจะเป็นกลุ่มเจนซี (Gen Z) และมิลเลนเนียล (Millennials) ที่เข้ามาจองที่พัก ซึ่งมีสัดส่วนมากถึง 80% ของนักท่องเที่ยวชาวอินเดียทั้งหมด จากการรายงานของ Airbnb

ทั้งหมดมาจากที่ประเทศอินเดียมีประชากรกลุ่มเจนซีและมิลเลนเนียลมากที่สุดในโลก โดยเทรนด์และจุดหมายปลายทางยอดนิยมในประเทศไทยของนักเดินทางชาวอินเดีย 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพฯ, ภูเก็ต, เชียงใหม่, กระบี่ และเกาะสมุย ตามลำดับ

พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาวอินเดีย

ส่วนใหญ่เดินทางมาประเทศไทยเพื่อพักผ่อนในบริเวณชายหาดและในเมือง ส่วนประเภทที่พักในไทยที่นักท่องเที่ยวชาวอินเดียเลือกจองมากที่สุด ได้แก่ ที่พักที่มีสระว่ายน้ำ, มีสถานที่ท่องเที่ยว เช่น ชายหาด อุทยานแห่งชาติ รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดดัง

โดยนักท่องเที่ยวชาวอินเดียส่วนใหญ่จะเดินทางเป็นคู่และเดินทางคนเดียว ในขณะที่การเดินทางแบบกลุ่มเล็ก (3-5 คน) และการเดินทางแบบกลุ่มขนาดกลาง (5 คนขึ้นไป) มีการเติบโตเร็วที่สุด โดยนักท่องเที่ยวแบบกลุ่มเล็กเพิ่มขึ้น 67% และแบบกลุ่มขนาดกลางเพิ่มขึ้น 68% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน


2024 ปีทองของชาร์มห้อยกระเป๋า มาแรง! “ลาบูบู้” ถึง “เครื่องรางนำโชค”

กระเป๋าใบจิ๋วไซส์มินิต้องหลบไป เพราะปี 2024 เป็นปีทองของ “กระเป๋าโอเวอร์ไซส์” ที่ทวงบัลลังก์ IT BAG อีกครั้ง!! โดยเพิ่มความชิกด้วยไอเท็ม “Bag Charms” ชาร์มห้อยกระเป๋าสารพัดจะน่ารัก ที่ล้วนบ่งบอกสไตล์และตัวตนที่แท้ทรู แบรนด์เนมระดับโลกตั้งแต่ CHANEL, LOUIS VUITTON, HERMES ไปจนถึง MIU MIU และ BALENCIAGA ต่างกระโดดมาร่วมปลุกกระแสความคึกคักให้โลกแฟชั่น เสริมทัพความแรงด้วยพลังของเหล่าอาร์ตทอย ที่กลายเป็นของสะสมสุดฮอตของคนยุคใหม่

เทรนด์ร้อนมาแรงล่าสุดเริ่มกระพือขึ้นในฝั่งตะวันตก โดยสองนักร้องนักแต่งเพลงชื่อดังของอังกฤษ “ดูอา ลิป้า” และ “ลิลี อัลเลน” เริ่มหยิบชาร์มมาห้อยกระเป๋า “HERMES BIRGIN” จนสะดุดตา สืบไปสืบมาได้อินสไปเรชันจาก “เจน เบอร์กิน” ต้น ตำรับที่มาของชื่อกระเป๋าแอร์เมส รุ่นเบอร์กิน ที่ชื่นชอบการตกแต่งกระเป๋าใบโต ด้วยแอคเซสเซอรีสารพัด ไม่ว่าจะเป็นพวงกุญแจห้อยกระเป๋า, ลูกปัด, ริบบิ้น และสติกเกอร์

“CHANEL” นำเทรนด์แฟชั่นด้วยการตกแต่งชาร์มห้อยกระเป๋ารูปดาวลงบนกระเป๋ารุ่นคลาสสิกโทน

สีเมทาลิก สำหรับซีซันใหม่ Cruise 2023-2024 ขณะที่ “BALENCIAGA” หยิบกระเป๋ารุ่นดัง “Le Cagole” มาตกแต่งด้วยชาร์มห้อยกระเป๋าสารพัดสีสัน แม้แต่ “LOEWE” และ “BOT TEGA VENETA” ก็ร่วมกระแสด้วย โดยออกคอลเลกชันชาร์มห้อยกระเป๋าหนังและพวงกุญแจห้อยกระเป๋าสุดคิวต์ เช่นเดียวกับ “MIU MIU” ก็สร้างสรรค์แอคเซสเซอรีออกมาเอาใจแฟชั่นนิสต้าได้โดนใจสุดในซีซัน

เมื่อเทรนด์ชาร์มห้อยกระเป๋าแพร่หลายถึงฝั่งเอเชีย ยิ่งปั่นกระแสไม่หยุด นำเทรนด์โดยดาราคนดังอย่าง ลิซ่า BLACKPINK, ชมพู่–อารยา, เจ๊เกล และ พลอย–ชวพร ที่หยิบอาร์ตทอยสุดฮอตอย่าง “ลาบูบู้” และ “ตุ๊กตาหน้าลิง Monchhi chi” มาห้อยกระเป๋าแบรนด์ดัง เสริมทัพด้วย “ตุ๊กตาห้อยกระเป๋า” อีกสารพัดจากค่าย POP MART และ SANRIO ที่หนุ่มสาวรุ่นใหม่คลั่งไคล้สะสม

อีกเทรนด์มองข้ามไม่ได้คือ “ชาร์มสายมู” เพิ่มความขลังให้กระเป๋า ด้วยการห้อย “เครื่องรางนำโชค” ที่มีครบทั้งด้านความรัก, การเงิน, การงาน, สุขภาพ และการเรียน มาแรงไม่แพ้กันก็ต้อง “ลูกปัดห้อยกระเป๋า” สไตล์เดียวกับกำไลลูกปัดที่เคยฮิตทั่วบ้านทั่วเมือง หรือจะเอากุญแจบ้านมาห้อย และตกแต่งกระเป๋าด้วยเชือกสารพัดสีกับโซ่ต่างๆก็ไม่ผิดกติกา...เก๋ไก๋โชว์ความเป็นตัวของตัวเองสไตล์ใครสไตล์มัน.