ครบเครื่อง
ญ. อมตะ



ผู้สูงอายุกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ เกิดจากอะไร รักษาได้ไหม

ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ในผู้สูงอายุ นับเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตของผู้สูงวัย กระทบต่อความมั่นใจ ทำให้ไม่อยากเข้าสังคม ที่สามารถส่งผลถึงปัญหาสุขภาพจิตและการเกิดอุบัติเหตุจากการหกล้มเนื่องจากการรีบเข้าห้องน้ำได้ในอนาคต ปัญหานี้เกิดจากอะไร และสามารถรักษาได้หรือไม่

สาเหตุผู้สูงอายุกลั้นปัสสาวะไม่อยู่

ผู้สูงอายุกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ มาจากสาเหตุหลายปัจจัยด้วยกัน ซึ่งพบได้ในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย

ผู้หญิง : เกิดจากฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงอย่างรวดเร็วในวัยหมดประจำเดือน เป็นเหตุให้ผนังท่อปัสสาวะบางลง ลดความสามารถในการปิดของหูรูดท่อปัสสาวะ ส่งผลให้หูรูดปิดสนิทได้ยากขึ้น กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแอ ปัสสาวะเล็ดได้ง่ายเมื่อไอ จาม หัวเราะ หรือยกของหนัก

ผู้ชาย : เกิดจากต่อมลูกหมากโต ขวางทางเดินปัสสาวะ ทำให้ปัสสาวะตกค้างในกระเพาะปัสสาวะมาก ทำให้ต้องปัสสาวะบ่อย หรือปัสสาวะเล็ด

ระบบประสาทในการควบคุมการขับถ่ายบกพร่อง มักพบในผู้ป่วยทางจิตเวช เช่น ผู้ป่วยสมองเสื่อม ซึมเศร้า สมาธิสั้น วิตกกังวล

ติดเชื้อ หรือมีเนื้องอกในทางเดินปัสสาวะ

สภาพร่างกายที่เคลื่อนไหวไม่ได้หรือไม่สะดวก

มีอาการไอ จาม เป็นประจำ

ท้องผูกเป็นประจำ

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้เกิดปัญหาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ เช่น กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแอ ซึ่งอาจเกิดจากการตั้งครรภ์และการคลอดบุตร ผู้ที่มีความสามารถในการเคลื่อนไหวร่างกายบกพร่อง ผู้ที่มีน้ำหนักเกิน หรือการได้รับยาบางชนิด เป็นต้น

อาการผู้สูงอายุกลั้นปัสสาวะไม่อยู่

ความรุนแรงของอาการ เริ่มตั้งแต่การมีปัสสาวะหยดมาเปื้อนกางเกงในปริมาณที่ไม่มากนัก ไปจนถึงมีอาการปัสสาวะเล็ดออกมาเป็นปริมาณมาก บางครั้งอาจมีอุจจาระเล็ดร่วมด้วย ผู้สูงวัยบางท่านแม้ยังไม่เริ่มมีอาการดังกล่าวแต่ก็อาจเริ่มมีอาการดังต่อไปนี้ เช่น ปัสสาวะบ่อยในตอนกลางคืน ปัสสาวะไม่สุด

รู้สึกอยากปัสสาวะอยู่ตลอดเวลา

ซึ่งอาการเหล่านี้ล้วนมีความสัมพันธ์ต่อการเกิดอาการปัสสาวะเล็ดได้ทั้งสิ้น

วิธีแก้ไขปัญหาผู้สูงอายุกลั้นปัสสาวะไม่อยู่

ผู้สูงอายุกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ สามารถแก้ไขได้ ด้วยวิธีดังต่อไปนี้

1. ฝึกควบคุมการขับถ่ายของกระเพาะปัสสาวะ (bladder training)

หรือฝึกการปัสสาวะตามเวลาที่กำหนด เป็นการฝึกเพื่อยืดระยะเวลาของการเข้าห้องน้ำแต่ละครั้งให้นานขึ้น และให้กระเพาะปัสสาวะมีความเคยชินกับปริมาณปัสสาวะที่มากขึ้น โดยเริ่มจากฝึกกลั้นปัสสาวะให้นานขึ้นครั้งละประมาณ 30 นาที จนกระทั่งรู้สึกว่าสามารถทนได้ดี (อาจใช้เวลา 3-5 วัน) จากนั้นให้ปรับเพิ่มระยะเวลาระหว่างครั้งให้นานขึ้น จนความถี่ในการเข้าห้องน้ำลดลงเป็นทุกๆ 2-4 ชั่วโมง

2. ฝึกบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน (pelvic floor muscle exercise)

ซึ่งทำได้โดยขมิบรูทวารและกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน (สังเกตการขมิบกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานได้จากการพยายามจะกลั้นปัสสาวะ) ระหว่างขมิบให้นับ 1-5 ช้าๆ แล้วคลายกล้ามเนื้อลง ให้ทำซ้ำประมาณ 10-15 ครั้ง จำนวน 3 เซต เป็นประจำทุกวัน และไม่ควรกลั้นหายใจขณะบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน

3. การหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น

เช่น เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนอย่าง ชา กาแฟ โกโก้ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การใช้ยาเพื่อลดการบีบตัวของกระเพาะปัสสาวะ เช่น ยากลุ่ม Anti-muscarinic และ Beta-3 agonist

4. หลีกเลี่ยงการยกของหนัก

โดยเฉพาะในบริเวณที่มีฝุ่นหรือกลิ่นแรง ป้องกันการเป็นหวัด เพื่อเลี่ยงการไอ จาม

5. แก้ปัญหาท้องผูก

ด้วยการรับประทานผักผลไม้ ดื่มน้ำให้เพียงพอ เคลื่อนไหวร่างกาย และออกกำลังกาย เป็นต้น

6. ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ

เพื่อช่วยลดแรงดันภายในช่องท้อง

ในกรณีที่ไม่สามารถรักษาภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ด้วยตนเองได้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษา ซึ่งจะมีตั้งแต่การรักษาด้วยการฉีดสาร Botulinum toxin, การรักษาด้วยการใช้เลเซอร์ ไปจนถึงการรักษาด้วยการผ่าตัด

ข้อมูลอ้างอิง : คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, CaregiverThai.com พลังใจสู้สมองเสื่อม, รพ.กรุงเทพ


‘กระเต็นขาวดำใหญ่’ นกเทพผู้ลึกลับ ‘นกกกหรือนกกาฮัง’ นกเงือกที่ใหญ่ที่สุด

นกกระเต็นขาวดำใหญ่ เป็นหนึ่งในกลุ่มนกกระเต็นที่หาดูค่อนข้างจะยาก และเป็นที่ไผ่ฝันของผู้คนที่ชอบดูนก ถ่ายภาพนกและธรรมชาติทั้งภายในและต่างประเทศ...

แม้ว่านกกระเต็นขาวดำใหญ่ จะเป็นนกประจำถิ่นของไทย ที่ประจำทางภาคเหนือตอนล่างและภาคเหนือตอนบน แต่ก็หาตัวพบได้ค่อนข้างจะยาก ช่างภาพสัตว์ป่าและผู้คนที่นิยมส่องนกจำนวนมาก ต่างพยายามตามหานกชนิดนี้ บางคนก็ยังไม่มีโอกาสได้เจอตัวสักที จึงถือว่าเป็นนกเทพอีกตัวหนึ่งของเมืองไทย...

กระเต็นขาวดำใหญ่ เป็นนกที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มนกกระเต็นที่พบในประเทศไทยจำนวน 14 หรือ 15 ชนิด ตัวจะใหญ่พอๆ กับนกเขาหรือนกพิราบที่เราคุ้นเคย มีขนสีขาวดำทั้งตัว ตรงหัวมีหงอนหนา มีปากที่ใหญ่และหนา นกตัวผู้และตัวเมียมีรูปร่างลักษณะก็คล้าย ๆ กัน แต่อย่างไรก็ตามแม้ว่าตัวจะใหญ่ แต่ก็มีความสามารถที่จะบินพุ่งลงน้ำจับปลาได้อย่างชำนาญและแม่นยำ โดยนกกระเต็นใหญ่จะอาศัยอยู่เป็นคู่ตามป่าลึกใกล้ ๆ แม่น้ำและลำห้วย ที่มีน้ำไหลและน้ำใสสะอาด กระเต็นก็จะนั่งพักตามก้อนหิน หรือกิ่งไม้ริมน้ำ เพื่อคอยจ้องพุ่งจับปลามาเป็นอาหาร

เมื่อถึงช่วงฤดูผสมพันธุ์ นกกระเต็นขาวดำใหญ่ก็จะจับคู่ และช่วยกันเจาะรูตามริมน้ำที่น้ำท่วมไม่ถึง และการวางไข่ของนกกระเต็นจะผลัดเปลี่ยนกันกกไข่ ทั้งกลางวันและกลางคืน จนกระทั่งออกมาเป็นลูกนก เมื่ออายุได้พอประมาณและหากินได้เองแล้ว ลูกนกก็จะแยกตัวไปอยู่ที่ใหม่ นกกระเต็นขาวดำใหญ่จะเป็นนกที่ชอบสันโดษ ยังไม่มีรายงานว่าพบนกกระเต็นขาวดำใหญ่รวมฝูงมาก่อน และมีข้อมูลรายงานว่าพบนกกระเต็นขาวดำใหญ่ในเมืองไทยมานานหลายปี ไม่ว่าจะเป็นที่จังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดตาก จังหวัดแม่ฮ่องสอน แต่ก็พบเป็นช่วงระยะสั้น ๆ และนกก็จะหายตัวไป

แต่ล่าสุดพบนกกระเต็นขาวดำใหญ่อยู่ประจำบริเวณริมแม่น้ำที่ตำบลเมืองคอง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ทำให้กลุ่มคนผู้หลงใหลในธรรมชาติพากันเดินทางขับรถขึ้นเขาลุยไปตามถนนแคบ ๆ กลางป่าระยะทางจากอำเภอเชียงดาว ทะลุไปถึงตำบลเมืองคองประมาณ 43 กม. ใช้เวลาเดินทางเกือบ 3 ชั่วโมง แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาและอุปสรรค จึงเห็นได้ว่าในแต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวกลุ่มอนุรักษ์และถ่ายภาพนกพากันเดินทางไปเมืองคองกันเป็นจำนวนมาก...


“นกกกหรือนกกาฮัง” นกเงือกที่ใหญ่ที่สุด

นกกกหรือนกกาฮัง เป็นนกที่มีลำตัวขนาดใหญ่ที่สุดในกลุ่มนกเงือก 13 ชนิดที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย มีลำตัวยาวจากหางถึงปาก อาจจะถึง 150 ซม. น้ำหนักหลายกิโลกรัม เป็นนกที่มีอายุยืนได้ถึง 30-40 ปี และเป็นนกประจำถิ่นสามารถหาดูได้ไม่ยาก เป็นนกเงือกชนิดเดียวที่พบได้ทั่วทุกภาคของประเทศไทย ชอบกินผลไม้เป็นอาหาร โดยเฉพาะลูกไทร ลูกตาเสือและอื่นๆและยังกินสัตว์ตัวขนาดเล็กเป็นอาหาร ช่วงจังหวะบินจะมีเสียงดัง ได้ยินมาแต่ไกลและจะเกาะกิ่งไม้ใหญ่ ก่อนที่จะกระโดดออกไปกินลูกไม้...

นกกาฮังชอบรวมตัวอยู่กันเป็นฝูงประมาณ 4-10 ตัว จะหากินร่วมกันไปจนกว่าจะถึงฤดูผสมพันธุ์ หรือประมาณเดือนมกราคม-เมษายนของทุกปี ก็จะแยกจับคู่ สร้างโพรงรังวางไข่ออกลูกตามโพรงต้นไม้ขนาดใหญ่ ช่วงขณะที่วางไข่นกกาฮังตัวเมียจะเข้าไปอยู่ในโพรงรังที่เตรียมไว้ นกกาฮังตัวผู้จะนำดินหรือยางไม้ปิดปากโพรง เหลือไว้แค่รูพอที่จะยื่นปาก ป้อนน้ำป้อนอาหารให้ได้เท่านั้น นกตัวผู้จะทำหน้าที่เลี้ยงตัวเมียและลูกที่อยู่ในโพรงไปจนกว่าลูกจะเติบโตบินได้ อาจจะใช้เวลายาวนานถึง 3 เดือน แต่ในขณะเดียวกันถ้านกตัวผู้ถูกทำร้ายตายไป ตัวเมียและลูกนกที่อยู่ในโพรงก็จะขาดน้ำอดอาหารและตายตามไปในที่สุด

นกกกหรือนกกาฮังตัวผู้และตัวเมียรูปร่างหน้าตาและขนาดเท่าๆกัน มีปีกสีดำคาดเหลือง ปลายปีกสีขาว หางสีขาวคาดดำ ตัวผู้มีโหนกอยู่บนปากมีสีดำ ตัวผู้มีตาเป็นสีแดง ตัวเมียมีตาสีขาว...

นกกาฮังเป็นนกประจำถิ่นอาศัยอยู่ทั่วทุกภาคของประเทศไทย แต่ที่ผู้นิยมส่องนกและถ่ายภาพนกพบได้บ่อย พบได้ทั้งปีก็มีที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ฮาลา บาลา อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส....


โรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน

โรคหลอดเลือดหัวใจตีบตันเกิดจากการมีไขมันและหินปูนไปพอกอยู่ภายในหลอดเลือดแดง จนเกิดการอุดตัน หรือเส้นเลือดเกิดการปริแตกขึ้น ส่งผลให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดไปเลี้ยง ซึ่งมีปัจจัยเสี่ยงหลายอย่างที่ทำให้หลอดเลือดหัวใจตีบตัน ทั้งที่ควบคุมได้และควบคุมไม่ได้ ปัจจัยที่ควบคุมได้ ได้แก่ โรคประจำตัว (โรคเบาหวาน ความดัน และไขมันในเลือดสูง) น้ำหนักตัว รวมถึงไลฟ์สไตล์ เช่น การรับประทานอาหาร การดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ รวมไปถึงความเครียด และปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ ได้แก่ อายุ เพศ และเชื้อชาติ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ

โรคหลอดเลือดหัวใจชนิดเฉียบพลัน

มีโอกาสทำให้เสียชีวิตสูงถ้าไม่รีบมาพบแพทย์ คนไข้อาจมีอาการเหนื่อยง่าย เจ็บแน่นหน้าอกช่วงกึ่งกลางหน้าอก เป็นถี่ขึ้น รุนแรงมากขึ้นแม้ขณะไม่ได้ออกกำลัง อาจมีอาการใจสั่น เหงื่อออก หายใจไม่สะดวกร่วมด้วย เมื่อมีภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดแบบเฉียบพลัน อาจทำให้เสียชีวิตหรือทุพพลภาพได้ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงและระยะเวลาที่กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดไปเลี้ยงว่านานเท่าไหร่ ดังนั้น จะต้องรีบนำคนไข้มาพบแพทย์ให้เร็วที่สุด หรืออย่างช้าภายในเวลา 6-12 ชั่วโมง หลังจากผู้ป่วยเริ่มมีอาการครั้งแรก เพื่อทำการเปิดหลอดเลือดหัวใจที่ตีบ โดยการให้ยาสลายลิ่มเลือด หรือทำบอลลูนขยายหลอดเลือด

โรคหลอดเลือดหัวใจตีบตันชนิดเรื้อรัง

จะมีลักษณะแบบค่อยเป็นค่อยไป เป็นๆ หายๆ ซึ่งอาการมักสัมพันธ์กับการออกกำลัง เช่น การเดิน การออกกำลังกาย หรือการขึ้นบันได อาจมีอาการเจ็บแน่นบริเวณกึ่งกลางหน้าอกแต่พอได้นั่งพักอาการก็จะหายไป และบางครั้งอาจมีอาการปวดร้าวไปหัวไหล่ซ้ายขึ้นไปถึงกรามด้วย หากเกิดอาการเหล่านี้จะต้องรีบมาพบแพทย์

การรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ

ในกรณีที่เป็นไม่มาก การรักษาหลัก คือ การปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ร่วมกับการรับประทานยา ซึ่งเมื่อเป็นโรคนี้แล้วต้องรับประทานยาไปตลอดชีวิต เพื่อป้องกันการพอกตัวของไขมันเพิ่มเติม ควบคู่ไปกับการควบคุมอาหาร และการออกกำลังกาย

ในกรณีที่มีอาการมาก คือ เส้นเลือดตีบมากทำให้การบีบตัวของหัวใจลดลง คนไข้ต้องได้รับการสวนหัวใจเพื่อขยายหลอดเลือดด้วยบอลลูน การสวนหัวใจ คือ การฉีดสารทึบรังสีดูช่องทางเดินของหลอดเลือดเลี้ยงหัวใจ เพื่อช่วยให้แพทย์สามารถประเมินได้ว่า หลอดเลือดเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจตีบ ตัน บ้างหรือไม่ กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรงเพียงใด ลิ้นหัวใจเปิดปิดได้ดีเพียงใด อีกทั้งยังสามารถวัดความดันภายในหัวใจและส่วนต่างๆ ของหัวใจได้ด้วย สามารถทำได้ 2 วิธีคือ การสวนหัวใจผ่านทางขาหนีบ (Femoral Artery) และสวนหัวใจผ่านทางข้อมือ (Radial Artery) โดยแต่ละวิธีขึ้นอยู่กับความชำนาญและความถนัดของแพทย์

เมื่อทำการสวนสีหัวใจดูแล้ว หากพบว่าหลอดเลือดตีบหรือตันตรงไหน ก็จะทำการรักษาโดยการทำบอลลูนเพื่อขยายหลอดเลือด การทำบอลลูน คือ การใส่ขดลวดเพื่อถ่างหรือดันไขมันสะสมที่มาขวางทางเดินของหลอดเลือดอยู่ ทำให้หลอดเลือดที่ตีบตันโล่งขึ้น เลือดสามารถไหลผ่านได้สะดวกยิ่งขึ้น

ส่วนในรายที่มีหลอดเลือดตีบหลายตำแหน่ง มักใช้วิธีการผ่าตัดทำบายพาส โดยแพทย์จะใช้เส้นเลือดแดงบริเวณแขนซ้ายหรือเส้นเลือดดำบริเวณขา ตั้งแต่ข้อเท้าด้านในจนถึงโคนขาด้านในมาเย็บต่อเส้นเลือดเพื่อนำเลือดแดงจากเส้นเลือดแดงใหญ่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจส่วนที่ขาดเลือดโดยข้ามผ่านเส้นเลือดส่วนที่ตีบ

สำหรับบุคคลที่แพทย์สงสัยว่ามีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ แพทย์จะแนะนำให้ทำการตรวจคราบหินปูนในหลอดเลือดหัวใจ ด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ Calcium Score CT ที่มีความแม่นยำสูง เพื่อตรวจหาปริมาณแคลเซียมที่ผนังของหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งแพทย์จะสามารถนำข้อมูลจากผลเอกซเรย์คอมพิวเตอร์มาช่วยในการตัดสินใจ เพื่อวางแผนการรักษาแต่เนิ่นๆ ให้เหมาะกับผู้ป่วยแต่ละรายไปโดยไม่ต้องรอให้เกิดอาการ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตแบบเฉียบพลันจากโรคหัวใจได้

กันไว้ดีกว่าแก้

ถึงแม้เทคโนโลยีทางการแพทย์ จะมีการพัฒนากันอย่างไม่หยุดยั้ง ช่วยให้สามารถรักษาโรคต่างๆ ได้ง่ายและดียิ่งขึ้น แต่การดูแลตัวเองคือสิ่งสำคัญเพื่อเป็นเกราะป้องกันให้เราห่างจากโรคภัย การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ทุกคนควรปฏิบัติ เพื่อลดปัจจัยเสี่ยง ด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ถ้าเป็นเนื้อสัตว์ ควรรับประทานอาหารประเภทปลา หรือเนื้อไก่ไม่ติดหนัง และอาหารที่มีเส้นใยสูง อย่างผักและผลไม้ ควรลดการบริโภคอาหารที่มีไขมันอิ่มตัว เช่น อาหารประเภททอด และอาหารประเภทเนื้อแดง น้ำมันที่ใช้ในการประกอบอาหารควรใช้น้ำมันรำข้าว

และสิ่งที่ต้องทำควบคู่ไปกับการรับประทานอาหาร คือ การออกกำลังกายแบบแอโรบิค ซึ่งเน้นการทำงานของปอดและหัวใจ ควรออกกำลังกายให้ได้อย่างน้อย สัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งละ 15 นาที สำหรับพฤติกรรมที่ต้องหลีกเลี่ยงอย่างเด็ดขาดคือ การสูบบุหรี่ รวมถึงควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และหาโอกาสมาตรวจสุขภาพหัวใจเป็นประจำทุกปี เพียงเท่านี้ก็จะทำให้คุณห่างไกลจากโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน

ขอบคุณข้อมูลจาก นายแพทย์นาวี ตันจรารักษ์ อายุรแพทย์โรคหัวใจ โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท


ส่อง BVLGARI ที่ลิซ่า และคนดังฮอลลีวูดสวมใส่ในงานประกาศรางวัลออสการ์ 2025

ประกาศผลรางวัลเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับงานออสการ์ 2025 ที่ปีนี้ลิซ่า ร่วมแสดงสุดพิเศษในบทเพลง Tribute ให้กับ James Bond ร่วมกับ Raye และ Doja Cat ได้อย่างสวยงามสมการรอคอย นอกจากแฟชั่นที่โดดเด่นทั้ง 2 ลุคของลิซ่าแล้ว เธอยังมาพร้อมกับเครื่องประดับ BVLGARI สุดหรูใน 2 คอลเลกชันที่น่าจับตาอีกด้วย

ลิซ่า ลุคพรมแดง

ลิซ่า ปรากฏตัวในลุคเดินพรมแดงงานประกาศรางวัลออสการ์ครั้งที่ 97 ณ โรงละคร Dolby Theatre อันโดดเด่นด้วยชุดทักซิโด้ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์เจมส์ บอนด์ และในฐานะ Global Brand Ambassador ของ BVLGARI ลิซ่าเลือกต่างหูโรสโกลด์ 18 กะรัต คอลเลกชัน Serpenti Viper ซึ่งเธอจับคู่กับแหวนคอลเลกชัน Serpenti หลายวงสำหรับโอกาสพิเศษนี้ ได้แก่

ต่างหูโรสโกลด์ 18 กะรัต คอลเลกชัน Serpenti Viper

แหวนโรสโกลด์ 18 กะรัต คอลเลกชัน Serpenti Viper one-coil ประดับเพชรและโอนิกซ์สีดำบนหัวแหวน

แหวนโรสโกลด์ 18 กะรัต คอลเลกชัน Serpenti Viper two-coil ประดับเพชรเต็มวง

ลิซ่า ลุคบนเวที

เมื่อถึงเวลาขึ้นแสดงโชว์บทเพลง Live and Let Die ซึ่งเป็นเพลงธีมของ James Bond: Live and Let Die (1973) ลิซ่าได้เปลี่ยนเป็นเดรสสีดำแหวกข้างสุดหรู พร้อมสวมเครื่องประดับ BVLGARI ในคอลเลกชันเครื่องประดับชั้นสูงโดยเธอเลือก

สร้อยคอแพลตตินัมเครื่องประดับชั้นสูงประดับด้วยโอนิกซ์ เพชรทรงกลม 6 เม็ด เพชรทรงลูกแพร์ 1 เม็ด เพชรทรงกลม 11 เม็ด และเพชรพาเว่

ที่เข้าชุดกันกับต่างหูแพลตตินัมเครื่องประดับชั้นสูงประดับด้วยเพชรทรงคุชชั่น 2 เม็ด

ภาพจาก BVLGARI