ครบเครื่อง
ญ. อมตะ



ใช้กัญชาแก้ปวดเมื่อยอย่างไรให้ปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดี

จากความนิยมในการนำกัญชามาใช้ในการรักษาโรคในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้กัญชากลายเป็นพืชสมุนไพรที่เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น ซึ่งหนึ่งในการรักษาที่ได้รับความนิยมก็คือการใช้กัญชาแก้ปวดเมื่อย ที่ไม่ว่าจะเป็นวัยทำงานหรือวัยสูงอายุต่างก็หามาใช้กัน แต่จะมีวิธีในการใช้อย่างไรเพื่อให้ปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดีมากที่สุด บทความนี้มีคำตอบ

ใช้กัญชาแก้ปวดเมื่อยอย่างไรให้ปลอดภัยสุด

1. ซื้อจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ

ถึงแม้ว่ากัญชาจะได้รับอนุญาตให้จำหน่ายในฐานะสมุนไพรที่ใช้รักษาโรค แต่ก็ใช่ว่าเราจะสามารถหาซื้อกัญชาแก้ปวดเมื่อยได้จากแหล่งทั่ว ๆ ไป เพราะมีความเสี่ยงที่จะเจอกับอันตรายและผลข้างเคียงได้มาก ซึ่งวิธีที่ปลอดภัยก็คือ การเลือกซื้อจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เช่น เป็นคลินิกที่มีการจดทะเบียนอย่างถูกต้อง มีใบอนุญาตจำหน่าย และเป็นกัญชาที่ระบุไว้ว่าจำหน่ายเพื่อการแพทย์เท่านั้น

2. ต้องจ่ายโดยแพทย์หรือเภสัชกร

นอกจากจะเลือกซื้อกัญชาแก้ปวดเมื่อยจากแหล่งที่น่าเชื่อถือและมีใบอนุญาตอย่างถูกต้องแล้ว ก็ควรเลือกซื้อจากแพทย์หรือเภสัชกรที่มีความชำนาญในด้านการใช้กัญชาทางการแพทย์โดยตรง เพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายยาเกินขนาด หรือจ่ายยาที่ไม่ตรงกับโรค ที่นอกจากจะมีความเสี่ยงเรื่องผลข้างเคียงแล้ว ยังอาจทำให้เกิดการดื้อยาหรือรักษาไม่ได้ผล และก่อให้เกิดอันตรายในด้านอื่น ๆ ตามมาอีกมากมาย

3. ใช้ยาตามขนาดที่กำหนด

ในการที่เราซื้อกัญชาแก้ปวดเมื่อยจากแพทย์หรือเภสัชกร โดยปกติแล้วแพทย์หรือเภสัชกรผู้จ่ายจะมีการให้คำแนะนำเรื่องของการใช้ยาที่ถูกต้องมาให้ด้วย ซึ่งเป็นจุดที่เราควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด และระมัดระวังการใช้ยาเกินขนาด เพราะอาจนำไปสู่อันตรายที่มีความเสี่ยงถึงแก่ชีวิตได้ เพราะถึงแม้จะได้ขึ้นทะเบียนเป็นยารักษา แต่ก็ยังต้องใช้อย่างระมัดระวังเป็นอย่างมาก

4. เมื่อหายเจ็บป่วยแล้วให้หยุดใช้ทันที

เพราะในบางกรณี กัญชาเองก็มีฤทธิ์เป็นสารเสพติด ดังนั้นการใช้กัญชาแก้ปวดเมื่อย เมื่อหายจากอาการปวดเมื่อยแล้ว แนะนำว่าให้หยุดยาทันที โดยที่ไม่ใช้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว เพราะหากใช้ต่อ อาจมีโอกาสสูงที่จะเกิดผลข้างเคียงต่อสุขภาพได้

ถึงแม้ว่ากัญชาจะกลายมาเป็นที่ยอมรับในการรักษาโรค แต่การใช้กัญชาแก้ปวดเมื่อยหรือใช้เพื่อรักษาในด้านอื่น ๆ ก็จะต้องใช้อย่างระมัดระวัง และสั่งจ่ายโดยแพทย์ผู้มีความรู้ในด้านการใช้กัญชารักษาโรคโดยตรงเท่านั้น รวมถึงการเลือกซื้อจากแหล่งที่ปลอดภัย เพื่อช่วยให้เราใช้รักษาโรคอย่างได้ผล และลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงที่อันตรายให้น้อยที่สุด


เตือนระวัง ‘อย.’ ตรวจพบ ‘อาหารเสริม’ ในท้องตลาด ถูกยกเลิกเลขอนุญาต แล้ว

‘อย.’ เฝ้าระวังโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพทางสื่ออีมาร์เก็ตเพลส พบผลิตภัณฑ์ ‘อาหารเสริม’ 3 รายการ ถูกยกเลิกเลขอนุญาตแล้ว แต่ยังโฆษณา โอ้อวดเกินจริง บนเว็บไซต์ออนไลน์ ผู้กระทำการฝ่าฝืนกฎหมาย จะได้รับโทษจำคุกหรือปรับ

สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) กระทรวงสาธารณสุข(สธ.)เฝ้าระวังโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพทางสื่ออีมาร์เก็ตเพลส พบผลิตภัณฑ์ 3 รายการ โฆษณาบนเว็บไซต์ออนไลน์ ได้แก่

1. มิกซ์ออยล์ ออริจิ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (ตรา วีริช) เลขสารบบอาหาร 70-1-27160-5-0205 ระบุสรรพคุณ “...ควบคุมระดับน้ำตาลและคอเลสเตอรอล...ต่อต้านอนุมูลอิสระ...บรรเทาอาการวัยทองทั้งปวง บำรุงสายตา กระดูก เล็บ และเส้นผม บำรุงประสาทและสมอง ช่วยให้หลับสบายยิ่งขึ้น...”

2. ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร คอร์เช่ เลขสารบบอาหาร 13-1-12560-5-0044 ระบุสรรพคุณ “...เร่งเผาผลาญไขมัน...ลดหิว...ดักจับไขมัน ลดไขมันสะสม...ลดคอเลสเตอรอล...”

3. ยูเอส (ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร) เลขสารบบอาหาร 76-1-17557-5-0135 ระบุสรรพคุณ “...เผาผลาญง่าย สลายไขมัน เอวเป๊ะปัง!! ...ช่วยลดความอยากอาหาร ลดการกินจุกจิก...เปลี่ยนหุ่นหมู เป็นหุ่นเพรียว...ไม่ใจสั่น ไม่ดีด ไม่ปากแห้ง ไม่โยโย่...”

สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่า เป็นการโฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพ หรือสรรพคุณของผลิตภัณฑ์อาหารอันเป็นเท็จ หรือ เป็นการหลอกลวงให้เกิดความหลงเชื่อโดยไม่สมควร และไม่ได้รับอนุญาต จึงได้สั่งระงับโฆษณาและดำเนินการตามกฎหมายกับผู้เกี่ยวข้องแล้ว

และเมื่อตรวจสอบเลขสารบบอาหารของผลิตภัณฑ์ทั้ง 3 รายการ พบสถานะผลิตภัณฑ์ยกเลิกโดยผู้ประกอบการ ตั้งแต่ 27/6/2566, 14/9/2565 และ 18/10/2564 ตามลำดับ

ทั้งนี้ อย. จะเฝ้าระวังการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในท้องตลาดต่อไป หากพบการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ฉลากระบุวันผลิตหลังการยกเลิกเลข อย. จะเข้าข่ายการผลิตและจำหน่ายอาหารปลอม ซึ่งผู้กระทำการฝ่าฝืนกฎหมายจะได้รับโทษจำคุกหรือปรับ และขอเตือนผู้บริโภคระมัดระวังการซื้อผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมาบริโภค

ข้อแนะนำ

ขอแนะผู้บริโภคว่า ก่อนเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ให้ความสำคัญกับการตรวจสอบข้อมูลการอนุญาตผลิตภัณฑ์ ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ที่ www.fda.moph.go.th หรือผ่าน Line@FDAThai, Facebook : FDAThai และควรพิจารณาเนื้อหาการโฆษณาของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวด้วย อย่าหลงเชื่อโฆษณาที่โอ้อวดสรรพคุณเกินจริง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร อย. ไม่อนุญาตให้โฆษณาในทำนองที่เกี่ยวข้องกับการรักษาโรคหรือลดน้ำหนัก แต่อย่างใด

ทั้งนี้ ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบการได้รับอนุญาตโฆษณาผลิตภัณฑ์อาหาร ยา เครื่องมือแพทย์ และผลิตภัณฑ์สมุนไพร ผ่านทางหน้าเว็บไซต์ อย. หมวดบริการประชาชน หัวข้อสืบค้นใบอนุญาตโฆษณา กรณีมีปัญหาสุขภาพควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ถูกวิธี ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยเรื่องความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สุขภาพ สามารถสอบถาม หรือแจ้งร้องเรียนได้ที่สายด่วน อย. 1556 หรือผ่าน Line@FDAThai, Facebook : FDAThai

หรือ E-mail : 1556@fda.moph.go.th ตู้ ปณ. 1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ


เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย! ด้วยวิตามินช่วยป้องกันหวัด

วิตามินซีมีประโยชน์มากมายนอกจากการป้องกันหวัด เช่น ช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้ดียิ่งขึ้น มีส่วนช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ และเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง...

ตามปกติแล้วหากพูดถึงวิตามินที่มีคุณสมบัติในการป้องกันหวัด หลายคนมักนึกถึงวิตามินซีเป็นหลัก เพราะวิตามินซีเป็นวิตามินละลายน้ำ ร่างกายไม่สามารถผลิตเองได้ จึงต้องได้รับจากการรับประทานอาหารหรืออาหารเสริม วิตามินซีมีประโยชน์มากมายนอกจากการป้องกันหวัด เช่น ช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้ดียิ่งขึ้น มีส่วนช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ และเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง

ซึ่งได้มีการศึกษาวิจัยที่พบกว่าการรับประทานวิตามินซีเป็นประจำทุกวันสามารถป้องกันหวัด ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นหวัดได้ โดยในผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำ การรับประทานวิตามินซีวันละ 200-400 มิลลิกรัม สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นหวัดได้ประมาณ 50% และในผู้ที่เป็นหวัดแล้ว การรับประทานวิตามินซีวันละ 1,000-2,000 มิลลิกรัม สามารถช่วยบรรเทาอาการหวัดได้ โดยสามารถช่วยลดความรุนแรงและระยะเวลาในการเป็นหวัดได้ ซึ่งนอกจากวิตามินซีแล้ว ยังมีแร่ธาตุและวิตามินชนิดอื่น ๆ ที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ป้องกันหวัด ได้แก่

วิตามินเอ เป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน มีหน้าที่สำคัญในการมองเห็น รักษาสุขภาพผิว และเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นหวัดได้ อาหารที่มีวิตามินเอสูง ได้แก่ ผักใบเขียวเข้ม เช่น ผักคะน้า ผักโขม ผักบุ้ง บร็อคโคลี ผักผลไม้สีเหลือง เช่น แครอท ฟักทอง มะละกอ มะม่วงสุก และลูกเกดดำ

วิตามินดี เป็นวิตามินที่ละลายในไขมันที่ร่างกายจะได้รับวิตามินดีจากการสัมผัสแสงแดด รับประทานอาหารที่มีวิตามินดีสูง เช่น ปลาทะเลน้ำลึก ไข่แดง เห็ด ซึ่งช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ลดความเสี่ยงในการเป็นหวัดได้

วิตามินอี เป็นวิตามินที่มีหน้าที่สำคัญในการต่อต้านอนุมูลอิสระและเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งช่วยบรรเทาอาการหวัดได้ โดยสามารถช่วยลดความรุนแรงและระยะเวลาในการเป็นหวัด แต่อาจไม่ค่อยมีประสิทธิภาพในการป้องกันหวัด อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินอี ได้แก่ น้ำมันพืช ถั่ว เมล็ดพืช ผักใบเขียว ผลไม้

ซีลีเนียม เป็นสารอาหารแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย พบได้ในอาหารหลายชนิด เช่น เนื้อสัตว์ ปลา ไข่ ถั่วเมล็ดพืช และธัญพืชเต็มเมล็ด ซึ่งมีส่วนช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และป้องกันโรคต่าง ๆ ซึ่งมีการศึกษาว่าการได้รับซีลีเนียมอย่างเพียงพออาจช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นหวัดได้

สังกะสี เป็นแร่ธาตุที่มีส่วนช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และป้องกันโรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคมะเร็ง และโรคอัลไซเมอร์ และหากได้รับอย่างพอเพียงก็สามารถป้องกันหวัดได้อีกด้วย

ซึ่งนอกจากการทานจากแหล่งสารอาหารธรรมชาติแล้ว ยังสามารถหาทานได้จากอาหารเสริม แต่ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ เพราะหากเลือกทานไม่เหมาะสมกับร่างกาย ก็อาจเกิดผลข้างเคียงได้ เช่น ท้องผูก ท้องเสีย ปวดศีรษะ คลื่นไส้ เป็นต้น


'แม่ฮ่องสอน' คว้า 2 รางวัลประกวดอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย

จังหวัดแม่ฮ่องสอน คว้า 2 รางวัล จากการประกวดรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย (Thailand Tourism Awards : TTA) ครั้งที่ 14 ประจำปี 2566 เป็นรางวัลที่รับรองคุณภาพสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยว ด้วยมาตรฐานการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน รับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม (Responsible Tourism) เพื่อผลักดันให้ผู้ประกอบการยกระดับสินค้าให้มีคุณภาพ และบริการที่ดี เพื่อยกระดับและพัฒนาการท่องเที่ยว ที่ได้มาตรฐาน สู่ระดับสากล

เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา ว่าที่ร้อยตรีภานุวัฒน์ ขัดนาค ผอ.ททท.สำนักงานแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า ทาง ททท.ได้ประกาศผลรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย (Thailand Tourism Awards : TTA) ครั้งที่ 14 ประจำปี 2566 โดยจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้รับรางวัล Thailand Tourism Silver Awards คือ รางวัลประเภทดีเด่น จำนวน 2 รางวัล ได้แก่ สัปปายยะสปา อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้รับรางวัลดีเด่นประเภทการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และ ไทยโลคัลลิสต้า ได้รับรางวัลดีเด่นประเภทรายการนำเที่ยว ในเส้นทาง DoiSter Hard Trek

สำหรับสัปปายยะ สปา เป็นธุรกิจสปาและความงาม ที่ตั้งอยู่เลขที่ 412 หมู่ 8 ตำบลเวียงใต้ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งสัปปายยะ สปาให้บริการการนวดด้วยอโรมาออย น้ำมันเกรดพรีเมียม (Premium Essential Oils) ที่ได้รับแรงบันดาลใจ จากการเดินทางผ่านหลายร้อยโค้งมายังปาย เพื่อปรับสมดุลย์คืนความสดชื่นกับผู้รับบริการ ได้บำบัดและผ่อนคลายอย่างลึกซึ้ง ด้วยน้ำมัน 4 ธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร 081-236-6644 | FB: Sapaiya Spa

ส่วนไทยโลคัลลิสต้า เป็นผู้ประกอบการนำเที่ยว จดทะเบียนธุรกิจนำเที่ยว ทำเส้นทางท่องเที่ยวเดินป่า 5 วัน 4 คืน ผ่านป่า ภูเขา สายน้ำ และชุมชนปกาเกอะญอ 4 ชุมชน ในพื้นที่ตำบลห้วยปูลิง เมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยโปรแกรมทัวร์/รายการนำเที่ยว พัฒนาจากการทำงานร่วมกันของเครือข่ายชุมชน กับ REST จนมาถึง ทัวร์เมิงไต แม่ฮ่องสอน และขยับมาเป็น Thai Localista กับชื่อใหม่ ๆ เก๋ไก๋ว่า DoiSter Hard Trek ที่มีเส้นทางชมธรรมชาติแบบอนุรักษ์ และเชื่อมโยง BCG Model กับวิถีชีวิตชุมชน ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร 096-147-2719 | FB: Thai Localista

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานแม่ฮ่องสอน จึงขอแสดงความยินดีกับผู้ประกอบการทุกท่าน มา ณ โอกาสนี้ ซึ่งรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย เป็นรางวัลที่รับรองคุณภาพสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยว ด้วยมาตรฐานการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน รับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม (Responsible Tourism) เพื่อผลักดันให้ผู้ประกอบการยกระดับสินค้าให้มีคุณภาพ และบริการที่ดี เพื่อยกระดับและพัฒนาการท่องเที่ยว ที่ได้มาตรฐาน “การท่องเที่ยวสีขาว” ที่มีทั้งความสะดวก สะอาด ปลอดภัย เป็นธรรม และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างคุณค่าและมูลค่าของสินค้าทางการท่องเที่ยวไทยสู่ระดับสากล

สำหรับรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย Thailand Tourism Awards ครั้งที่ 14 ประจำปี 2566 จัดโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ถือเป็นรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย เป็นรางวัลที่รับรองคุณภาพสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยว ด้วยมาตรฐานการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน รับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม (Responsible Tourism) เพื่อผลักดันให้ผู้ประกอบการยกระดับสินค้าให้มีคุณภาพ และบริการที่ดี เพื่อยกระดับและพัฒนาการท่องเที่ยว ที่ได้มาตรฐาน “การท่องเที่ยวสีขาว” ที่มีทั้งความสะดวก สะอาด ปลอดภัย เป็นธรรม และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างคุณค่าและมูลค่าของสินค้าทางการท่องเที่ยวไทยสู่ระดับสากล

การประกวดดังกล่าวผู้เข้าประกวดต้องส่งใบสมัครพร้อมผลงานตามเกณฑ์การประเมิน โดยมีคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ได้ร่วมพิจารณาตามเกณฑ์อย่างเข้มขั้น ผู้ที่ได้รับรางวัล นับเป็นเกียรติอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นการแข่งขันกับตัวเองที่ต้องผ่านเกณฑ์การประเมินในหลายหมวดหมู่ ซึ่งเป็นแนวทางการบริหารจัดการการท่องเที่ยวที่นำไปสู่ความเป็นมาตรฐานสากล รวมทั้งนำไปสู่ความยั่งยืนในมิติของเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเป็นตัวอย่างการบริหารจัดการให้ผู้ประกอบการ เจ้าของแหล่งท่องเที่ยวได้พัฒนาสินค้าและบริการ เพื่อยกระดับมาตรฐานการบริการที่เป็นมาตรฐานสากล

โดยในปีนี้จะมีพิธีพระราชทานรางวัล ในวันพุธที่ 27 กันยายน 2566 ซึ่งตรงกับวันท่องเที่ยวโลก (World Tourism day) ณ สามย่านมิตรทาวน์ฮอล์ ชั้น 5 สามยานมิตรทาวน์ กรุงเทพมหานคร.


ไดโนเสาร์คล้ายนกขายาว อาจไขวิวัฒนาการนก

เหตุการณ์ที่น่าทึ่งในวิวัฒนาการของไดโนเสาร์เกิดขึ้นเมื่อไดโนเสาร์ 2 ขา มีขนาดเล็ก ร่างกายปกคลุมด้วยขน มาจากเชื้อสายเธอโรพอด (Theropods) ให้กำเนิดนกในช่วงปลายยุคจูราสสิก ซึ่งนกที่เก่าแก่ที่สุดที่รู้จักกันในชื่อ อาร์คีออปเทอริกซ์ (Archaeopteryx) มีอายุประมาณ 150 ล้านปี พบในเยอรมนี

อย่างไรก็ตาม ความเข้าใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์วิวัฒนาการยุคแรกสุดของสัตว์จำพวกนก (Avialae) ซึ่งครอบคลุมนกยุคปัจจุบันทั้งหมด มักถูกขัดขวางด้วยความหลากหลายของซากดึกดำบรรพ์หรือฟอสซิลจากยุคจูราสสิก ทว่าเมื่อเร็วๆนี้ นักวิทยาศาสตร์จากสถาบันบรรพชีวินวิทยาสัตว์มีกระดูกสันหลังและบรรพมานุษยวิทยา แห่งสภาวิทยาศาสตร์จีน (Institute of Vertebrate Paleontology and Paleoanthropology of the Chinese Academy of Sciences) เผยการวิจัยซากฟอสซิลของไดโนเสาร์ยุคจูราสสิกที่พบในมณฑลฝูเจี้ยนของจีน เมื่อเดือน ต.ค.ปีที่แล้ว ระบุว่ามีอายุประมาณ 148-150 ล้านปี

ไดโนเสาร์ตัวนี้รูปร่างประหลาด ดูคล้ายไก่ฟ้า หรือคล้ายนกมีขา แขนของมันยาวเหมือนปีก อาศัยอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของจีน กายวิภาคบางอย่างบ่งบอกว่ามันเป็นนักวิ่งลมกรด หรือใช้ชีวิตแบบลุยไปในน้ำเหมือนนกสมัยใหม่

นักวิทยาศาสตร์ตั้งชื่อว่าไดโนเสาร์ตัวนี้ว่า Fujianvenator prodigiosus แม้ฟอสซิลจะค่อนข้างสมบูรณ์ ทว่าก็ไร้กะโหลกศีรษะและเท้า ทำให้ยากต่อการตีความเรื่องของอาหารและวิถีชีวิตของมัน แต่ก็เชื่อว่าไดโนเสาร์ตัวนี้น่าจะให้ความกระจ่างเกี่ยวกับวิวัฒนาการในระยะที่สำคัญของการก่อกำเนิดนกได้.


ไทยโชตหลบวัตถุอวกาศพ้น

สันที่13 ก.ย.2566-จากที่ GISTDA ได้ใช้ระบบการจัดการจราจรอวกาศ หรือ ZIRCON ติดตามวัตถุอวกาศ IRIDIUM 33 DEB (35921) ซึ่งเป็นดาวเทียมสื่อสารที่หมดอายุการใช้งาน จะเข้าใกล้ดาวเทียมไทยโชต (33396) ด้วยระยะ 91 เมตร ในวันอังคารที่ 12 กันยายน 2566 เวลา 13:06 น. และมีความเป็นไปได้สูงมากที่จะเกิดการชนกัน โดย GISTDA ได้ปรับวงโคจรให้สูงขึ้น 55 เมตร เพื่อเลี่ยงวัตถุอวกาศ ตามที่เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้

ล่าสุด พบว่าดาวเทียมไทยโชตสามารถหลบวัตถุอวกาศได้แล้ว ดังภาพจะเห็นเป็นจุดสีเขียวทั้ง 2 จุดที่อยู่สูงขึ้นตามการปรับวงโคจรก่อนหน้านี้