สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า บริษัท ‘โคบายาชิ ฟาร์มาซูติคอล’ ผู้ผลิตยารายใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยในวันอังคารที่ 26 มี.ค. 2567 ว่า พวกเขากำลังสืบสวนหาข้อเท็จจริง ว่าผลิตภัณฑ์ข้าวยีสแดงเม็ดของพวกเขา คือสาเหตุที่ทำให้มีผู้บริโภคเสียชีวิต 1 ศพ และต้องเข้าโรงพยาบาลอย่างงน้อย 76 รายหรือไม่

โคบายาชิฯ เปิดเผยเรื่องผู้ป่วยและเสียชีวิต หลังจากเมื่อสัปดาห์ก่อน พวกเขาประกาศเรียกคือผลิตภัณฑ์ข้าวยีสแดงเม็ด 5 ชนิด พร้อมขอให้ผู้บริโภคหยุดใช้ยาเม็ดดังกล่าว ซึ่งพวกเขาโฆษณาว่าเป็นอาหารเสริมที่ช่วยลดโคเลสเตอรอลได้ โดยพวกเขาสงสัยว่า ปัญหาในผลิตภัณฑ์อาจเกิดจากสารพิษในแม่พิมพ์ยาที่ก่อนหน้านี้ตรวจไม่พบ

ตามแถลงการณ์ของโคบายาชิฯ พวกเขาได้รับข้อความจากครอบครัวผู้วายชน ว่าผู้เคราะห์ร้ายรายหนึ่งเสียชีวิตจากโรคไต หลังจากใช้ผลิตภัณฑ์ที่ชื่อว่า ‘Red Yeast Cholesterol Help’ มาตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทกำลังดำเนินการเพื่อยืนยันข้อเท็จจริงดังกล่าวและความสัมพันธ์เชิงเหตุผล

บริษัทเริ่มการสืบสวนหลังจากเมื่อเดือนมกราคม แพทย์รายหนึ่งแจ้งพวกเขาเริ่มปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้นกับผู้บริโภค โดยส่วนใหญ่มีอาการ ปัสสาวะเปลี่ยนสี, แขนขาบวม และเหนื่อยล้า ซึ่งนับแต่นั้น บริษัทก็เปิดสายด่วนรับแจ้งเหตุจากผู้บริโภคโดยตรง

ตามรายงานของสื่อในญี่ปุ่น ผลิตภัณฑ์ Red Yeast Cholesterol Help เริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2564 และจนถึงตอนนี้ขายไปได้แล้วมากกว่า 1 ล้านชุด

โคบายาชิฯ ยังเป็นผู้ผลิตข้าวยีสแดง จัดส่งให้แก่ผู้ผลิตหลายเจ้าทั่วโลกเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบผสมในอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งทางบริษัทแจ้งผู้ผลิตเรื่องความเสี่ยงด้านสุขภาพดังกล่าวแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อน และจนถึงตอนนี้ ยังไม่มีบริษัทที่เป็นลูกค้าของโคบายาชิฯ ได้รับรายงานเรื่องผลกระทบต่อร่างกายอันเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ของพวกเขา

แต่บริษัท ทาคาระ ชูโซ ผู้ผลิตเครื่องดื่มรายใหญ่ในญี่ปุ่น ประกาศว่า พวกเขาจะเรียกคืนผลิตภัณฑ์สาเกอัดลม ซึ่งใช้ข้าวยีสแดงเป็นวัตถุดิบให้สี เพื่อความปลอดภัย

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เผย เรือสินค้าแจ้งเตือนว่าเรือสูญเสียพลังงาน ก่อนชนสะพานแขวนในเมืองบัลติมอร์จนพังถล่มเมื่อช่วงเช้ามืด ขณะที่ทีมกู้ภัยกำลังเร่งค้นหาผู้สูญหายที่เหลืออย่างน้อย 6 คน

จากกรณีเหตุเรือสินค้าขนาดใหญ่ชนตอม่อสะพาน ฟรานซิส สกอตต์ คีย์ ที่เมืองบัลติมอร์ รัฐแมรีแลนด์ จนเป็นเหตุให้สะพานแขวนความยาวลำดับ 3 ของโลกสายนี้พังถล่มลงมาทั้งสาย เมื่อช่วงเช้ามืดวันอังคารที่ 26 มี.ค. 2567 ตามเวลาท้องถิ่นของสหรัฐฯ นั้น ล่าสุดเริ่มมีการเปิดเผยสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุใหญ่ครั้งนี้ออกมาแล้ว

นายเวส มัวร์ ผู้ว่าการรัฐแมรีแลนด์ เปิดเผยในงานแถลงข่าวว่า เรือสินค้าลำดังกล่าว ซึ่งมีชื่อว่า ‘ดาลี’ (Dali) ส่งสัญญาณ เมย์เดย์ แจ้งเหตุฉุกเฉินไปยังเจ้าหน้าที่ว่า เรือสูญเสียพลังงาน ก่อนที่เรือจะชนเข้ากับตอม่อสะพาน และการเตือนนี้อาจช่วยชีวิตคนมากมาย

“เรารู้สักขอบคุณที่ระหว่างช่วงเวลาเมย์เดย์กับเหตุถล่ม เรามีเจ้าหน้าที่ที่สามารถหยุดการจราจร ไม่ให้รถขึ้นไปบนสะพานมากกว่าเดิม” นายมัวร์กล่าว พร้อมยกย่องเหล่าเจ้าหน้าที่ว่าเป็นวีรบุรุษ

ผู้ว่าการรัฐแมรีแลนด์ยืนยันด้วยว่า สะพานสายนี้อยู่ในสภาพได้มาตรการตามกฎระเบียบ ในตอนที่มันถล่มลงมา และว่าการถล่มครั้งนี้เป็นเหตุการณ์ที่สร้างความตกตะลึง และความเสียใจให้แก่ชาวรัฐแมรีแลนด์ ผู้ใช้สะพานเส้นนี้มาตลอด 47 ปี

ทั้งนี้ เชื่อกันว่ามียานพาหนะหลายคนตกลงไปในน้ำตอนที่สะพานพังถล่ม รวมถึงรถขนาดใหญ่เท่ารถแทร็กเตอร์ ตามการเปิดเผยของนาย เควิน คาร์ตไรท์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของสำนักงานดับเพลิงเมืองบัลติมอร์ เมื่อช่วงเช้ามืดวันอังคาร

ต่อมานายเจมส์ วอลเลซ หัวหน้าสำนักงานดับเพลิงเมืองบัลติมอร์ยืนยันกับสำนักข่าว ซีเอ็นเอ็น ว่า ผู้ประสบเหตุ 2 คนได้รับความช่วยเหลือขึ้นจากแม่น้ำปาแทปสโก (Patapsco) แล้ว โดยรายหนึ่งไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่อีกราย มีอาการสาหัสมาก

เจ้าหน้าที่ค้นหาและกู้ภัยใช้เทคโนโลยีอินฟาเรดและโซนาร์ จนสามารถระบุตำแหน่งของยานพาหนะ 5 คันที่ตกลงไปในแม่น้ำปาตาปส์โก (Patapsco) ได้สำเร็จ โดยคาดว่า 3 คันเป็นรถโดยสาร นายวอลเลซกล่าวเสริม และว่าขณะนี้ทีมนักประดาน้ำ 8 ทีม จำนวนราว 50 คน กำลังร่วมในปฏิบัติการช่วยเหลือ

ขณะที่ นายพอล เจ. วีเดเฟลด์ เลขาธิการสำนักงานคมนาคมรัฐแมรีแลนด์ระบุว่า ยังมีผู้สูญหายอีกอย่างน้อย 6 คน โดยทั้งหมดเป็นสมาชิกทีมก่อสร้าง ผู้กำลังซ่อมบำรุงหลุมตามพื้นสะพานในเวลาเกิดเหตุ และจากข้อมูลที่มีอยู่ พวกเขาไม่พบว่ามีผู้ประสบเหตุคนใดอยู่ในรถตอนที่สะพานถล่ม

MYKITA (ไมกิต้า) แบรนด์แว่นตา Handmade ยอดนิยมสัญชาติเยอรมัน โดดเด่นด้วยดีไซน์เรียบง่ายแต่ทรงพลัง เปิดตัวความพิเศษด้วยการนำเสนอการดีไซน์ของแบรนด์ ซึ่งผสมผสานระหว่างแฟชั่นและฟังก์ชั่นให้เข้ากันได้อย่างลงตัว ผ่านการเลือกใช้วัสดุชิ้นสำคัญ โดยเน้นคุณสมบัติที่น่าสนใจที่สุดของวัสดุที่ใช้ในแต่ละคอลเลคชั่น ทำให้แว่นตาของ MYKITA มีคุณภาพเหนือระดับ มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน เน้นความออริจินัลและทันสมัย นำเสนอการออกแบบที่เรียบง่ายพร้อมสินค้าที่ผลิตด้วยความประณีต รวมไปถึงศิลปะที่ผสมผสานกับเทคโนโลยี อันเป็นหัวใจของแบรนด์แว่นตาระดับโลกจากเบอร์ลิน พร้อมถ่ายทอดความเป็นมาของแบรนด์โดยผู้ก่อตั้งแบรนด์ Moritz Krueger (มร.มอริทซ์ ครูเกอร์) อีกด้วย

MYKITA ก่อตั้งขึ้นในปี 2003 โดย Moritz Krueger (มร.มอริทซ์ ครูเกอร์) และเติบโตบนเส้นทางที่ไม่เหมือนใครแบรนด์พัฒนาสายการผลิตอิสระแบบองค์รวม ด้วยความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้า ว่าความร่วมมือแบบสหวิทยาการและการแลกเปลี่ยนอย่างสร้างสรรค์จะนำมาซึ่งความก้าวหน้าต่างๆ ให้กับ MYKITA โดยมุ่งเน้นสร้างสรรค์แว่นตาคุณภาพสูงให้ความทนทานยาวนาน ซึ่งในขณะเดียวกันก็ปฏิบัติตามหลักความโปร่งใสเกี่ยวกับความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมอีกด้วย แว่นตา MYKITA ผลิตด้วยเทคโนโลยีดีไซน์สิทธิบัตรและความพิถีพิถันใส่ใจในทุกรายละเอียด ซึ่งหัวใจหลักของแบรนด์ MYKITA คือการให้ความสำคัญในคุณภาพ ความแม่นยำ ภายใต้มาตรฐานการผลิตแบบเมดอิน เยอรมนี ทำให้ MYKITA ได้รับรางวัลมาอย่างต่อเนื่องกว่า 50 รางวัล ซึ่งมอบให้เป็นเกียรติแก่ดีไซน์ผลิตภัณฑ์และนวัตกรรม

สำหรับการสร้างสรรค์กรอบแว่นตา MYKITA ประกอบด้วย หลักสี่ประการของการออกแบบอย่างมีความรับผิดชอบของ ได้แก่ ความงามเหนือกาลเวลา, การผลิตตามหลักจริยธรรม, ดีไซน์ล้ำสมัย และคุณภาพระดับงานฝีมือ

นอกจากนี้ ยังเน้นคุณสมบัติที่น่าสนใจที่สุดของวัสดุที่ใช้ อย่าง Stainless Steel, Acetate และ MYLO กระบวนการออกแบบ ทีมดีไซน์พัฒนากรอบแว่นตา แต่ละชิ้นจะคำนึงถึงผู้สวมใส่เป็นสำคัญ พร้อมพิถีพิถันในทุกรายละเอียด รวมถึง ฟีเจอร์กรอบแว่นตา MYKITA ที่โดดเด่นที่สุด คือองค์ประกอบสำหรับการใช้งาน อย่างบานพับ แบบเกลียว ซึ่งเป็นเอกลักษณ์งานดีไซน์ของ MYKITA และกรอบแว่นตาสเตนเลสสตีลซิกเนเจอร์ของ MYKITA แต่ละชิ้นต้องผ่านกระบวนการทำมือกว่า 80 ขั้นตอน

ที่ผ่านมา MYKITA มีผลงานร่วมออกแบบแว่นตากับดีไซเนอร์ชื่อดังระดับโลกและแบรนด์ชื่อดังต่างๆ อย่าง Helmut Lang, Leica, Maison Margiela, Martin Rose, Moncler, Park-Seo-Bo, และ 032 c. เป็นต้น โดยปัจจุบันนอกจาก MYKITA SHOP ในกรุงเทพฯ แล้ว ยังมีช็อปอีก 14 แห่งทั่วโลกให้ทุกท่านสนุกกับการเลือกสรรแว่นโปรด ซึ่งคอลเลคชั่นต่างๆ มีจำหน่ายที่ร้านแว่นตาและร้านค้าปลีกที่ได้รับการคัดเลือกในกว่า 80 ประเทศให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์ในโลกแห่ง MYKITA อย่างสมบูรณ์แบบ

นายกรัฐมนตรี เยี่ยมชมสินค้าภูมิปัญญาท้องถิ่นไทย ที่บริษัทคิง เพาเวอร์ รางน้ำ พร้อมขอให้ทุกภาคส่วนให้การสนับสนุน ให้สินค้าไทยให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายในระดับโลก สร้างรายได้ให้กับประชาชน อย่างยั่งยืนตามแนวทางของรัฐบาล

ทั้งนี้เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังให้เกียรติเยี่ยมชมการจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากชุมชนจากทั่วประเทศ ภายใต้โครงการ Thainess Station สินค้าไทย ร่วมใจเพื่อชุมชน ของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ โดยมี อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับ ณ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ

อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ร่วมขานรับนโยบาย Soft Power ของรัฐบาลในการผลักดันต่อยอดสินค้าภูมิปัญญาท้องถิ่นไทยในโครงการ Thainess Station สินค้าไทย ร่วมใจเพื่อชุมชน ด้วยการนำผลิตภัณฑ์ชุมชนประกอบด้วยผ้าขาวม้า ผ้าย้อมคราม งานหัตถกรรมกระจูด และผักตบชวา จากชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศ อาทิ กลุ่มแปรรูปผ้าขาวม้า อำนาจเจริญ ชุมชนบ้านหนองป่าพง พะเยา กลุ่มสตรีทอผ้าบ้านบุ่งเลิศ ร้อยเอ็ด จัดจำหน่ายสำหรับลูกค้าชาวไทยและชาวต่างประเทศ ณ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ, ศรีวารี, พัทยา, ภูเก็ต และสนามบิน 3 แห่ง ได้แก่ คิง เพาเวอร์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกฝั่ง East และ West, คิง เพาเวอร์ ท่าอากาศยานดอนเมือง อาคารผู้โดยสารขาออก และ คิง เพาเวอร์ ท่าอากาศยานภูเก็ต อาคารผู้โดยสารขาออก เพื่อสนับสนุนให้สินค้าไทยให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายในระดับโลก สร้างรายได้ให้กับประชาชน และชุมชนเพิ่มขึ้นอย่างยั่งยืนตามแนวทางของรัฐบาล

ตลอดระยะเวลากว่า 30 ปี ที่ผ่านมา กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ มีการทำงานร่วมกับชุมชน ภาครัฐ และเอกชนในการสนับสนุน และพัฒนาสินค้าภูมิปัญญาไทยอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การดีไซน์ การผลิต ออกแบบให้บรรจุภัณฑ์ทันสมัยตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า ตลอดจนแบ่งปันองค์ความรู้ให้กับผู้ประกอบการในชุมชน พัฒนาสู่โครงการ “COMMUNITY GOLD BY KING POWER” คัดสรรสินค้าจากชุมชนมาจำหน่ายในโซนสินค้าไทย พร้อมผลักดันผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นสู่ความเป็นสากล ด้วยการร่วมกับสโมสรฟุตบอล เลสเตอร์ ซิตี้ จัดทำคอลเลคชั่นพิเศษไปจำหน่าย ณ เดอะ ซิตี้แฟนสโตร์ แอท คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม เมืองเลสเตอร์ ประเทศอังกฤษ เพื่อยกระดับเศรษฐกิจท้องถิ่นให้เติบโตอย่างยั่งยืน

ศึกดวลแข้งครั้งยิ่งใหญ่ในรอบประวัติศาสตร์ สำหรับการพบกันของ "ทีมชาติไทย" ปะทะ "ทีมชาติเกาหลีใต้" วาระศึกคัดบอลโลก 2026 การกลับมาเจอกันในรอบหลายปี ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 26 มีนาคม 2024 ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน ท่ามกลางแรงเชียร์จากแฟนบอลทั่วทุกสารทิศ

ซึ่งรวมถึงคนดังแวดวงการบันเทิงที่ไปร่วมส่งกำลังใจให้การแข่งขันในครั้งนี้ รวมถึง "ลิซ่า ลลิษา มโนบาล" หรือ "ลิซ่า BLACKPINK" ซึ่งมีแฟนบอลเผยแพร่ภาพวินาทีขณะลิซ่าถือป้ายสกรีนข้อความ สีน้ำเงินระบุชื่อทีมชาติไทย และสีแดงระบุชื่อทีมชาติเกาหลีใต้

ก่อนหน้านี้ ลิซ่า เคยปรากฏตัวดูบอลในการแข่งขันยูฟ่า แชมป์เปียนส์ลีก หรือ UCL รอบแบ่งกลุ่ม 2023-24 ระหว่าง PSG (ปารีส แซงต์-แชร์กแมง) และ Newcastle United FC (นิวคาสเซิล) ณ สนาม ปาร์ก เดส์ แพร็งซ์ เมืองปารีส ประเทศฝรั่งเศส สำหรับการแข่งในวันนี้ ล่าสุด จบครึ่งแรก "ทีมชาติไทย" ตามหลัง "ทีมชาติเกาหลีใต้" 0-1 จากการทำประตูของ "ลี แจ ซอง" นาทีที่ 19 ในศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชียรอบสอง นัดที่ 4 กลุ่ม C

นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า "โรคลมหลับ" หรือ Narcolepsy เป็นโรคเกี่ยวกับการนอนหลับที่เกิดขึ้นแบบเรื้อรัง ผู้ป่วยมักจะมีอาการง่วงมากในตอนกลางวัน แม้ว่าตอนกลางคืนจะนอนหลับสนิทอย่างเพียงพอและบางครั้งพบว่า มีการนอนหลับเกิดขึ้น ในสถานการณ์ไม่เหมาะสม เช่น เกิดขึ้นขณะพูดคุยกับบุคคลอื่น ขณะรับประทานอาหาร ทำงาน เรียน เล่นเกมส์ หรือ ขับรถ จนอาจเกิดอันตรายได้ และบางครั้งเหมือนอาการ ผีอำ

อาการของ โรคลมหลับ

ง่วงนอนมากผิดปกติ มักเป็นอาการแรกของผู้ป่วยโรคนี้ ผู้ป่วยจะหลับในสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น ในห้องเรียน หลังอาหาร โรงภาพยนตร์ ขณะเขียนหนังสือ หรือแม้แต่ขณะกำลังสนทนา การนอนช่วงสั้นๆจะช่วยให้ สดชื่นขึ้นได้

Cataplexy (ผลอยหลับ คือมีกล้ามเนื้ออ่อนแรง คอตก เวลาที่มีอารมณ์เปลี่ยนแปลง เป็นต้น)

Sleep paralysis (ผีอำ) เป็นภาวะที่ไม่สามารถขยับตัวได้ขณะกำลังจะตื่น (คล้ายผีอำ) เป็นอาการที่ น่าตกใจแต่ไม่อันตราย

Hypnagogic hallucination (เห็นภาพหลอนขณะกำลังจะหลับ) เห็นภาพหลอนขณะที่กำลังจะหลับ โดยอาจเห็นเป็นสัตว์ประหลาดหรือสิ่งที่น่ากลัวต่าง ๆ ได้

อาการอื่น ๆ ของ โรคลมหลับ

พฤติกรรมที่ทำโดยไม่รู้สึกตัว ขณะหลับอาจทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ เช่น ขับรถ ทำอาหาร ซึ่งอาจเป็นอันตรายได้

นอนไม่หลับในเวลากลางคืน สมองควบคุมการหลับตื่นผิดปกติทำให้นอนไม่หลับตอนกลาง คืนได้

ไม่มีสมาธิ

ปวดศีรษะ

ขี้ลืม

ซึมเศร้า

สำหรับสาเหตุของโรค ในทางการแพทย์ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่เกิดจากความผิดปกติของสารสื่อประสาทที่ชื่อ โอเร็กซิน (Orexin) ที่ทำหน้าที่ควบคุมการตื่นของร่างกาย ซึ่งมีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้สารเคมีชนิดนี้ลดลง ส่งผลให้มีอาการหลับง่ายกว่าปกติ ควรหมั่นสังเกตความผิดปกติของร่างกาย หากมีอาการผิดปกติด้านการนอนหลับ ควรพบแพทย์เพื่อทำการรักษา หากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสมอาจจะมีคุณภาพชีวิตที่แย่ลงได้

นพ.ธนินทร์ เวชชาภินันท์ ผู้อำนวยการสถาบันประสาทวิทยา กล่าวว่า อาการแสดงที่สำคัญนอกจากจะมีภาวะง่วงนอนมากผิดปกติตอนกลางวันแล้ว ผู้ป่วยอาจมีอาการภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรงเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ ภาวะผีอำ หรือ sleep paralysis โดยที่ไม่สามารถขยับตัวได้ตอนที่กำลังใกล้จะตื่น และมีอาการเห็นภาพหลอนตอนขณะเคลิ้มหลับ

การวินิจฉัยโรคลมหลับ

แพทย์จะวินิจฉัยโรคจากการสอบถามประวัติโรคประจำตัว และยาที่ใช้เป็นประจำ เนื่องจากมีปัจจัยภายนอกอย่างอื่นที่ทำให้เกิดอาการคล้ายโรคลมหลับ ในรายที่แพทย์สงสัยอาการเข้าได้กับโรคนี้ จะให้ผู้ป่วยบันทึกการนอนอย่างน้อย 2 สัปดาห์ และส่งตรวจการนอนหลับ (polysomnogram) ร่วมกับการตรวจความง่วงนอน (multiple sleep latency test)

การรักษาโรคลมหลับ

ในปัจจุบันแม้ว่ายังไม่มีวิธีรักษาให้หายขาดได้ ทำได้เพียงควบคุมอาการไม่ให้รุนแรง และไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต ด้วยการใช้ยากระตุ้นเพื่อให้รู้สึกตื่นตัว ซึ่งการใช้ยาจะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของแพทย์ รวมทั้งการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตด้วยการจัดตารางเวลาในการนอนให้ได้อย่างน้อยวันละ 7- 8 ชั่วโมง เพิ่มการงีบหลับสั้น ๆ ในช่วงกลางวันเพื่อลดความง่วงที่เกิดขึ้น ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ไม่สูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่อาจเป็นอันตรายหากเกิดอาการได้แก่ การขับขี่ยานพาหนะ การทำงานกับเครื่องจักร ปัจจุบันโรคนี้ยังไม่สามารถป้องกันได้ ทางออกที่ดีคือ การหมั่นสังเกตความผิดปกติของร่างกาย หากมีอาการผิดปกติควรพบแพทย์เพื่อทำการรักษา