เปิดเทคนิคช่วยให้มีพฤติกรรม “การนอนหลับดี” ซึ่งสามารถส่งผลประโยชน์มากมายต่อสุขภาพกาย และสุขภาพใจได้อย่างมหาศาล
พฤติกรรมการนอนหลับ หรือการนอนหลับดี เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยส่งผลดีต่อสุขภาพกาย และสุขภาพจิตได้ เพราะการนอนหลับอย่างเพียงพอเป็นประจำทุกวัน นอกจากจะทำให้สภาพร่างกายดีขึ้นแล้ว ยังช่วยให้มีสมาธิ สติ ความจำเพิ่มมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ทั้งหมดส่งผลต่อสุขภาพจิตให้ดียิ่งขึ้นตามไปด้วย
ทางตรงกันข้าม หากมีพฤติกรรมการนอนไม่พอ นอนไม่หลับ หรือนอนไม่ดี จะส่งผลเสียให้แก่ร่างกาย เช่น ระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการป่วยได้ง่ายขึ้น รวมถึงเกิดความจำ และสมาธิที่สั้นลง ทั้งนี้ยังส่งผลต่อผิวพรรณที่อาจทำให้ดูหมองคล้ำไม่สดชื่นได้ แน่นอนว่าการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอจะมีประโยชน์มากมายต่อทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ ด้วยการลองปรับพฤติกรรมต่อไปนี้ อาจจะเป็นตัวเลือกที่สามารถช่วยให้คุณเข้านอนได้อย่างมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น
วิธีช่วยให้การนอนหลับง่ายขึ้น และมีประสิทธิภาพ
งดใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก่อนเข้านอน อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ส่วนมากจะมีแสงสีฟ้าจากหน้าจอคอยรบกวนสายตา และประสาทตาอย่างมาก เพราะจะไปรบกวนการผลิตเมลาโทนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยให้เรารู้สึกง่วงและพร้อมที่จะนอนหลับนั่นเอง ดังนั้นการได้รับแสงสีฟ้าในช่วงหัวค่ำจะทำให้สมองเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเวลากลางวัน ส่งผลให้นาฬิกาชีวิตของเราปั่นป่วนและนอนหลับยากขึ้น หรือหลับไม่สนิทเท่าที่ควร สามารถปรับพฤติกรรมด้วยการงดใช้อุปกรณ์เหล่านี้อย่างน้อย 30-60 นาทีก่อนเข้านอน แล้วหันไปทำกิจกรรมที่ผ่อนคลายแทน เช่น อ่านหนังสือกระดาษ ฟังเพลงเบาๆ หรือนั่งสมาธิแทน
ปรับสภาพแวดล้อมการนอน และสวมใส่ชุดที่สบาย
... สภาพแวดล้อมรอบตัวมีผลอย่างมากต่อคุณภาพการนอนหลับ ดังนั้นการสร้างสภาพแวดล้อมให้ตัวเองอยู่ในความรู้สึกสบายที่สุด เป็นอย่างหนึ่งที่ช่วยให้เกิดการนอนหลับได้ง่ายขึ้น เช่น ความมืดในห้องนอนที่ควรจะมืดสนิทเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อให้ร่างกายผลิตเมลาโทนินได้อย่างเต็มที่ หากมีแสงเล็ดลอดเข้ามา อาจลองใช้ผ้าม่านทึบแสงหรือผ้าปิดตาช่วย
รวมถึงความเงียบที่ต้องมีเสียงรบกวนน้อยที่สุด ถ้าหากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดัง ลองใช้ที่อุดหู หรือเปิดเสียงสีขาว (white noise) เพื่อกลบเสียงรบกวนก็เป็นทางออกที่ดี
การปรับอากาศของห้องนอนที่ชื่นชอบ และเย็นสบาย จะช่วยให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายและหลับได้ดีขึ้น ร้อนเกินไปหรือหนาวเกินไปอาจทำให้ตื่นกลางดึกได้ การเลือกชุดนอนก็เป็นสิ่งสำคัญ ให้เลือกชุดที่รู้สึกสบายที่สุด แนะนำเสื้อผ้าที่ทำจากวัสดุที่ระบายอากาศได้ดี นุ่มสบาย ไม่รัดแน่น เพื่อให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายและไม่ร้อนอบอ้าว
การออกกำลังกาย
การออกกำลังกายเป็นประจำ นอกจากจะมีประโยชน์อย่างมากต่อร่างกายแล้ว ยังช่วยให้เกิดการนอนหลับที่ดีมากยิ่งขึ้น เนื่องจากจะสามารถกระตุ้นช่วยให้ร่างกายของเราเหนื่อยล้า และพร้อมที่จะพักผ่อนมากขึ้น
โดยช่วงเวลาในการออกกำลังกายก็สำคัญ ควรออกกำลังกายในตอนเช้าหรือตอนบ่ายแก่ๆ และพยายามหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่หนักหน่วงก่อนเข้านอน 2-3 ชั่วโมง เพราะการออกกำลังกายจะไปกระตุ้นให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนเอ็นดอร์ฟินและเพิ่มอุณหภูมิแกนกลางของร่างกาย ซึ่งจะทำให้ตื่นตัว และหลับยากขึ้น
ไม่รับประทานอาหารหนัก และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน
การรับประทานอาหารมื้อหนักๆ ก่อนนอน ร่างกายจะต้องทำงานหนักเพื่อย่อยอาหาร ซึ่งอาจทำให้รู้สึกไม่สบายท้อง แสบร้อนกลางอก และรบกวนการนอนหลับ ควรรับประทานอาหารมื้อเย็นล่วงหน้าอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมงก่อนเข้านอน และเน้นอาหารที่ย่อยง่าย
นอกจากนี้ให้เลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เพราะคาเฟอีนเป็นสารกระตุ้นที่พบได้ในกาแฟ ชา น้ำอัดลมบางชนิด และช็อกโกแลต ออกฤทธิ์ได้นานหลายชั่วโมงในร่างกาย การดื่มเครื่องดื่มเหล่านี้ในช่วงบ่ายหรือเย็นจะทำให้สมองตื่นตัวและนอนไม่หลับ
เลี่ยงกิจกรรมสร้างความตื่นเต้นก่อนนอน 2-3 ชั่วโมง
กิจกรรมที่กระตุ้นอะดรีนาลีนก่อนเข้านอนไม่ใช่ทางเลือกที่ดี เช่น การเล่นเกมที่ใช้ความคิดสูง การดูหนังแอ็กชั่น การทะเลาะเบาะแว้ง หรือการทำงานที่เคร่งเครียด จะทำให้สมองตื่นตัวและยากที่จะผ่อนคลาย การเปลี่ยนไปทำกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลาย เช่น การอ่านหนังสือเบาๆ การฟังเพลงคลาสสิก การนั่งสมาธิ หรือการอาบน้ำอุ่น เพื่อเตรียมร่างกายและจิตใจให้พร้อมสำหรับการนอนหลับ
รักษาเวลาเข้านอนให้สม่ำเสมอ
ปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการสร้างพฤติกรรมการนอนหลับที่ดี การเข้านอน และตื่นนอนในเวลาเดียวกันทุกวัน แม้ในวันหยุดสุดสัปดาห์ จะช่วยปรับนาฬิกาชีวิตของร่างกายให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อร่างกายคุ้นชินกับการนอนหลับและตื่นในเวลาเดิมๆ จะช่วยให้หลับง่ายขึ้น หลับลึกขึ้น และตื่นมาด้วยความรู้สึกสดชื่นมากขึ้นในระยะยาว
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการนอนอาจต้องใช้เวลาและความอดทน แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นคุ้มค่าอย่างแน่นอน เพราะการนอนหลับที่มีคุณภาพจะส่งผลดีต่อสุขภาพกาย สุขภาพใจ และประสิทธิภาพในการใช้ชีวิตประจำวันของคุณในทุกๆ ด้าน
กำลังเป็นที่สนใจหลังนักแสดงชื่อดัง ป๋อ-ณฐวุฒิ เปิดเผยผ่านโซเชียลว่าภรรยา เอ๋-พรทิพย์ ป่วยเป็นโรคมะเร็งปอด วันที่ 4 มิ.ย.68 นายแพทย์เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ หรือ หมอเจด รอง ผอ.โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ไม่อยากเป็นมะเร็งปอด ทำ 5 อย่างนี้!
มะเร็งปอด เป็นหนึ่งในโรคที่แอบร้ายที่สุดเลยครับ เพราะกว่าจะรู้ตัวว่าเป็น ส่วนใหญ่มักจะอยู่ในระยะท้าย ๆ แล้ว ซึ่งตอนนั้นมันก็รักษายากมากขึ้นไปอีก
ที่น่าตกใจกว่านั้นคือ ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เราเริ่มเห็นคนอายุน้อยเป็นกันมากขึ้นเรื่อย ๆ บางคนไม่เคยสูบบุหรี่ด้วยซ้ำ ตรวจสุขภาพทุกปีก็แล้ว แต่สุดท้ายก็มาเจอตอนที่เริ่มมีอาการไปแล้ว
เลยอยากชวนคุยวันนี้ครับว่า ถ้าเราอยากลดความเสี่ยงมะเร็งปอด ต้องทำยังไงบ้าง บอกเลยว่าไม่ยาก และทำได้จริงทุกข้อ
1. เลิกบุหรี่ หรือถ้ายังไม่เคยเริ่ม ก็อย่าเริ่มเลย
ข้อนี้ไม่ต้องพูดเยอะ เพราะทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่า "บุหรี่" คือสาเหตุอันดับ 1 ของมะเร็งปอด ในควันบุหรี่มีสารพิษสารก่อมะเร็งกว่า 70 ชนิด ชื่ออาจจะไม่คุ้นหู แต่ร้ายมาก เช่น Benzopyrene, Nitrosamines, Formaldehyde, สารหนู ฯลฯ พวกนี้มันเข้าไปทำลาย DNA ในเซลล์ปอด ทำให้กลายพันธุ์ แล้วก็กลายเป็นมะเร็งในที่สุด ที่สำคัญคือ ไม่ใช่แค่คนสูบเท่านั้นที่เสี่ยง คนรอบข้างที่ต้องสูด “ควันบุหรี่มือสอง” ก็โดนไปเต็ม ๆ เหมือนกันครับ
ผมเคยเขียนโพสต์ไว้เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะ ลองอ่านดูได้นะครับ https://www.facebook.com/share/p/1YMSV9FzZS/ สรุปคือ ถ้าอยากลดความเสี่ยง
•เลิกสูบให้เร็วที่สุด
•หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีคนสูบบุหรี่
•ถ้าคนใกล้ตัวสูบ ลองคุยกับเขาดี ๆ ด้วยความห่วงใย ไม่ใช่การต่อว่า
2. อยู่ให้ห่างจาก “ฝุ่นจิ๋ว PM2.5”
ไม่ต้องสูบบุหรี่ก็เป็นมะเร็งปอดได้ครับ หนึ่งในสาเหตุที่หลายคนเจอทุกวันก็คือ “ฝุ่น PM2.5” เจ้าฝุ่นจิ๋วนี้มันเล็กมาก ขนาดเล็กกว่าเส้นผมประมาณ 20-30 เท่า และมันเล็กพอที่จะ “ทะลุลึกเข้าไปถึงถุงลมในปอด” ได้เลย พอเข้าไปแล้ว มันไปกระตุ้นให้เกิดการอักเสบแบบเรื้อรังในปอด ถ้าเจอบ่อย ๆ ปอดก็จะค่อย ๆ เสื่อม แล้วมีโอกาสที่เซลล์จะกลายพันธุ์เป็นมะเร็งได้
ทำยังไงดีในวันที่อากาศไม่ดี?
•ก่อนออกจากบ้าน ลองเช็กค่าฝุ่นผ่านแอปอย่าง AirVisual หรือ AQI Thailand
•ถ้าฝุ่นขึ้นสูง อยู่อยู่ในบ้านจะปลอดภัยกว่า
•ถ้าจำเป็นต้องออกไปข้างนอก ใช้หน้ากาก N95 หรือ KF94
•มีเครื่องฟอกอากาศไว้ใช้ในห้องนอนยิ่งดีครับ
3. ระวัง “ควันจากการทำอาหาร” โดยเฉพาะในพื้นที่ปิด
หลายคนมองข้ามเรื่องนี้นะ “การผัด ๆ ทอด ๆ ในครัวบ้านเรา” ก็มีผลกับมะเร็งปอดได้เหมือนกัน จริง ๆ แล้วควันจากการทำอาหาร โดยเฉพาะพวกทอดด้วยน้ำมันมาก ๆ หรือใช้อุณหภูมิสูงจัด ๆ เช่น การผัดกระทะเหล็ก ไฟแรง ๆ จะทำให้เกิดสาร VOCs (สารอินทรีย์ระเหยง่าย) และ PAHs (สารไฮโดรคาร์บอนจากการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์) สารเหล่านี้ก็เป็น “สารก่อมะเร็ง” ที่สามารถสะสมในร่างกายได้เหมือนกัน
แนะนำว่า
•ถ้าทำอาหารที่บ้าน ควรเปิดเครื่องดูดควันทุกครั้ง
•หรือเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท
•ลดการใช้น้ำมันมาก ๆ หันมานึ่ง ต้ม อบ แทน
•เลี่ยงการทอดน้ำมันซ้ำหลายรอบ
4. ตรวจคัดกรองถ้ามีประวัติครอบครัว หรือความเสี่ยง
มะเร็งปอดในระยะแรกมักไม่มีอาการอะไรเลยครับ คนไข้ที่เจอมักจะรู้เมื่อมีอาการ เช่น ไอเรื้อรัง ไอเป็นเลือด หายใจหอบ เจ็บหน้าอก ซึ่งบางทีก็ช้าเกินไปแล้ว การ “ตรวจคัดกรอง” จึงเป็นทางเลือกสำคัญที่อาจช่วยให้เจอโรคไวขึ้น โดยเฉพาะในคนที่มีความเสี่ยงสูง เช่น
•สูบบุหรี่จัดมานาน
•เคยทำงานในโรงงานที่มีแร่ใยหิน (asbestos)
•มีคนในครอบครัวเคยเป็นมะเร็งปอด
•คนที่เจอมลพิษทางอากาศทุกวัน จากทั้งการจราจรและโรงงานอุตสาหกรรม
•อายุมากกว่า 50 ปี และมีโรคประจำตัวบางอย่าง
ปัจจุบันมีเครื่องมือที่ใช้ได้ผลดี คือ “Low-dose CT scan”
เป็นการเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ที่ให้ภาพละเอียด โดยใช้รังสีในระดับต่ำ ทำให้ปลอดภัยกว่าการสแกนแบบทั่วไป
ใครที่เข้ามีความเสี่ยง ควรปรึกษาหมอและไปตรวจนะ อย่ารอให้มีอาการแล้วค่อยมาตรวจนะครับ
5. บำรุงปอดให้แข็งแรงอยู่เสมอ
ไม่ใช่แค่เลี่ยงของไม่ดี แต่เรายังเสริมเกราะให้ร่างกายได้ด้วย คือทำให้ภูมิคุ้มกันของเราทำงานดีอยู่เสมอ เพราะภูมิคุ้มกันก็เป็นตัวสำคัญในการสู้กับเซลล์ผิดปกติ
ดูแลร่างกายแบบง่าย ๆ ได้เลยครับ
•ออกกำลังกายให้ได้อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3–5 วัน จะเดินเร็ว วิ่ง ว่ายน้ำ ก็ได้หมด
•กินอาหารดี ๆ โดยเฉพาะผักผลไม้หลากสี จะได้สารต้านอนุมูลอิสระไปช่วยป้องกันเซลล์กลายพันธุ์
•นอนให้พอ อย่านอนดึกเรื้อรัง
•ลดหวาน แอลกอฮอล์ และของทอดให้น้อยที่สุด
ยิ่งเราดูแลปอดให้แข็งแรง ภูมิคุ้มกันดี ก็จะลดความเสี่ยงได้นะ
ฝากด้วยนะครับไม่อยากเป็นมะเร็งปอด ต้องเริ่มจากดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้
ไม่ใช่แค่เรื่องของบุหรี่ แต่ยังมีปัจจัยแฝงอีกหลายอย่างที่เราควรระวัง
ผมเข้าใจว่ามะเร็งปอดเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับหลายคน แต่ขอย้ำอีกครั้งว่า “ไม่ใช่เฉพาะคนที่สูบบุหรี่เท่านั้นที่จะเป็นได้
ถ้ามีอาการแบบนี้
•ไอเรื้อรังเกิน 2-3 สัปดาห์
•ไอเป็นเลือด
•หายใจลำบาก
•เจ็บหน้าอกไม่ทราบสาเหตุ
•น้ำหนักลดลงผิดปกติ
•ต้องรีบไปตรวจนะ
ลองทำตามที่ผมบอกนะ จะช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งปอดได้ ใครมีคำถามคอมเมต์ได้เลยนะครับ
ขอบคุณ เฟซบุ๊ก หมอเจด
ปลาแมคเคอเรล แชมป์โอเมก้า-3 แซงหน้าแซลมอน งานวิจัยชี้คุณค่าทางโภชนาการสูง ราคาย่อมเยา
ใครๆ ก็ต้องคิดว่า แซลมอน คือ “ราชาแห่งโอเมก้า-3” แต่รู้หรือไม่ว่าปลาที่คุ้นเคยในมื้ออาหารของคนไทย ราคาประหยัดอย่าง “ปลาแมคเคอเรล” ที่พบได้ทั่วไปในตลาด กลับมีโอเมก้า-3 มากกว่าแซลมอน ไม่เพียงแต่อร่อย ยังให้คุณค่าทางโภชนาการไม่แพ้ปลาแซลมอนราคาสูงเลยทีเดียว
งานวิจัยจากวารสาร Nature Food เปิดเผยข้อมูลที่สร้างความประหลาดใจให้กับผู้บริโภคอย่างมาก โดยระบุว่า “ปลาแมคเคอเรล” มีปริมาณกรดไขมันโอเมก้า-3 สูงถึง 5,134 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม ซึ่งมากกว่าปลาแซลมอนเลี้ยงที่ได้รับความนิยมสูง ซึ่งมีเพียง 2,260 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม เท่านั้น
ที่ผ่านมา ผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยมองว่าแซลมอนคือปลาชั้นดีด้านโอเมก้า-3 แต่ผลการวิจัยชี้ชัดว่า ปลาแมคเคอเรล ซึ่งหาซื้อได้ทั่วไปในตลาด และมีราคาย่อมเยากว่า กลับอุดมไปด้วย DHA และ EPA ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพหัวใจ สมอง และการชะลอความเสื่อมของเซลล์
นอกจากโอเมก้า-3 ที่โดดเด่นแล้ว ปลาแมคเคอเรล ยังมีข้อดีอีกหลายประการ ได้แก่ โปรตีนสูง ย่อยง่าย เนื้อแน่น มีก้างน้อย และปลอดภัยจากสารพิษโลหะหนักอย่างปรอท เนื่องจากวงจรชีวิตสั้น
ด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่สูง ผนวกกับราคาที่เป็นมิตรกับผู้บริโภค ปลาแมคเคอเรล จึงกลายเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับทุกครอบครัว ทั้งในเมืองและชนบท โดยเฉพาะในช่วงเศรษฐกิจที่ประชาชนต้องคำนึงถึงทั้ง “สุขภาพ” และ “ความคุ้มค่า” ในทุกมื้ออาหาร...
ฤดูฝน ช่วงเวลาที่นานาพืชพรรณไม้ออกดอกผลิใบสวยให้ชื่นชม ทั้งยังเป็นช่วงเวลาเหมาะสมของ ”พืชสมุนไพร เครื่องเทศ”หลากหลายชนิดงอกงาม รับการมาถึงของฤดูกาล ชวนมองรอบด้านสมุนไพรไทย เครื่องเทศในอาหารที่มีพลังลับ บอกเล่าความสมบูรณ์ของวัตถุดิบ วัฒนธรรมอาหารที่มีเอกลักษณ์ของไทย
สมุนไพรไทย มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและในยุคที่กระแสสุขภาพ อาหารฟังก์ชันได้รับการตอบรับ การนำสมุนไพรมาใช้ในอาหารจึงไม่ใช่เพียงแค่รสชาติ แต่ยังเป็นการใช้ซอฟต์พาวเวอร์ทางวัฒนธรรมสร้างมูลค่าเพิ่ม เผยแพร่วัฒนธรรมอาหารไทย บอกเล่าเรื่องราวสมุนไพรในแง่ของภูมิปัญญาท้องถิ่น วิถีชีวิตและสุขภาวะซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการรักษาสมดุลร่างกายตามหลักโภชนบำบัดแบบองค์รวม
ทั้งนี้นำเรื่องน่ารู้ ชวนมองรอบด้านสมุนไพรไทย เครื่องเทศในอาหารที่มีพลังลับร่วมขับเคลื่อน โดย ผศ.บุญยนุช ภู่ระหงษ์ อาจารย์สาขาวิชาอาหารและโภชนาการ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนครให้ความรู้ประเด็นนี้ว่า ฤดูฝนเป็นช่วงเวลาแห่งความสมบูรณ์ พืชผักผลไม้ผักสวนครัวหลากหลายชนิดให้ผลผลิต โดยพืชผักที่นำมาปรุงประกอบอาหารหลายชนิดล้วนเป็นสมุนไพร
“ พืชผักสมุนไพรในอาหาร ส่วนใหญ่จะเป็น ของสด ซึ่งก็มีหลายชนิดไม่ว่าจะเป็น โหระพา กระเพรา ขิง ข่า ตะไคร้ แมงลัก พริกฯลฯ การนำมาใช้ใช้ทั้งในส่วนเปลือก ใบ ราก ฯลฯ อย่างเช่น ผักชี ใช้ได้ทั้งต้น โดยเฉพาะรากมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว เป็นส่วนผสมในอาหารหลากหลายเมนู นอกจากให้ กลิ่นหอมยังให้สีสันสวย อย่างเช่นสีส้มเหลือง จากขมิ้น สีเขียว จากใบเตย โหระพา ฯลฯ ทั้งช่วยเสริมรสชาติ อีกทั้งสมุนไพรจากที่กล่าวยังมีสรรพคุณทางยาร่วมส่งเสริมสุขภาพ”
อาจารย์สาขาวิชาอาหารและโภชนาการ ผศ.บุญยนุช อธิบายเพิ่มอีกว่า สำหรับเครื่องเทศส่วนใหญ่มาจาก ของแห้ง ได้มาจากพืชสมุนไพร อย่างเช่น พริกไทยดำ มาจากพริกไทยสด เมื่อผลสุกนำมาอบนำมาทำให้แห้งก็เป็นเครื่องเทศ และนอกจากพริกไทยยังมี กระวาน กานพลู ฯลฯก็นำมาจากต้นสด
ในต่างประเทศในเรื่องเครื่องเทศเป็นที่นิยมและมีใช้มายาวนาน ขณะที่อาหารไทยแทบทุกเมนูมีสมุนไพร เครื่องเทศซึ่งผสมผสานเข้ากันลงตัว อย่างเช่น อาหารไทยที่ได้รับความนิยมทั้งในประเทศและสากล ต้มยำกุ้ง มัสมั่น ฯลฯ ซึ่งก็มากไปด้วยสมุนไพร เครื่องเทศที่ทั่วโลกนิยมและรู้จัก โดยเฉพาะ มัสมั่น อาหารไทยที่มีชื่อเสียง มีกระวาน กานพลู ลูกผักชี หอมแดงฯลฯ ซึ่งให้กลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ ทั้งนี้สมุนไพรกับเครื่องเทศมักอยู่คู่กัน
สำหรับเมนูต้มยำกุ้งก็เช่นกัน ใช้สมุนไพรสด ตะไคร้ ใบมะกรูด พริก มะนาวฯลฯตัวแทนความเข้มข้นของอาหารไทย หรือเมนูขนมจีนน้ำพริก ก็มีความชัดเจนในเรื่องสมุนไพร เครื่องเทศ โดดเด่นทั้งวัตถุดิบและเครื่องปรุง หรือแม้แต่ อาหารโบราณที่หาทานยากในปัจจุบัน ข้าวบุหรี่ ก็มากไปด้วยเครื่องเทศ สมุนไทย
“ข้าวบุหรี่ อีกเมนูอาหารที่มีความน่าสนใจหลายมิติ ทั้งวิธีทำ เครื่องปรุงวัตถุดิบ จากที่กล่าวอุดมด้วยสมุนไพร เครื่องเทศมีทั้งอบเชย ยี่หร่า ขิง กระวานเขียว กานพลู กระเทียมสดๆ ขมิ้นฯลฯ ผสมผสานเข้ากับเครื่องเทศต่างๆและส่วนผสมอื่นๆ เพื่อให้ได้กลิ่นรสเฉพาะของเมนูนี้”
เครื่องเทศจากที่กล่าวมีการนำมาใช้มาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นทางฝั่งตะวันตก หรือตะวันออกโดยมีเรื่องน่ารู้หลายมิติที่น่าศึกษา โดยเฉพาะในด้านอาหาร
เครื่องเทศช่วยปรุงกลิ่น รส เปิดประสาทสัมผัสการรับรู้อาหาร ทั้งแฝงไว้ด้วยภูมิปัญญาอาหาร การนำมาใช้จึงต้องอาศัยความเข้าใจ ใช้อย่างเหมาะสม โดยหากใส่ในสัดส่วนในปริมาณที่ ไม่ดีพอก็จะทำให้เครื่องเทศไม่หอม รสไม่กลมกล่อม ปร่า หรือมีรสเผ็ดที่โดดขึ้นมา หรือมีความขมที่มากเกินไป ฯลฯ
“ใบมะกรูด ควรใส่ในช่วงท้ายของการปรุงอาหาร เพื่อให้คงกลิ่นความหอม ขณะที่ ตะไคร้และข่า ควรใส่แต่ต้น เพื่อให้น้ำมันหอมระเหยปลดปล่อยออกมาเต็มที่ อีกทั้งเลือกใช้สมุนไพรที่สอดคล้องกับประเภทอาหาร ทั้งนี้หากสังเกตจะเห็นว่าส่วนผสมของพริกแกงมากด้วยพืชผักสมุนไทยและเครื่องเทศ และอาหารไทยไม่ว่าจะเป็นภูมิภาคใดก็ล้วนแต่เป็นอาหารที่อุดมด้วยสมุนไพร เครื่องเทศ อีกทั้งปัจจุบันอาหารฟิวชั่นหลายเมนูยังผสมผสานเครื่องเทศ สมุนไพรไทย อย่างเช่น สปาเก็ตตี้ปรุงด้วยซอสแบบไทย ฯลฯ”
ผศ.บุญยนุช ให้มุมมองอีกว่า เครื่องเทศสมุนไพรยังคงอยู่กับอาหารไทย โดยอาจปรับเปลี่ยนตอบรับความต้องการของผู้บริโภค ขณะที่สมุนไพรเครื่องเทศหลายชนิดเป็นที่รู้จักคุ้นเคยและก็ยังมีอีกหลายชนิดที่มีความโดดเด่น อย่างเช่น กระเจี๊ยบ ขมิ้นขาว พริกไทย ฯลฯ ร่วมดูแลสุขภาพ
อีกทั้งจากเครื่องเทศต่างๆ ยังมองได้ถึงเรื่อง การถนอมอาหาร อย่างเช่น พริกไทย ใช้ได้ทั้งผลสด ผลแก่ นำไปอบ ตากแห้งถ้านำไปกะเทาะเปลือกก็จะเป็นพริกไทยขาว ส่วนถ้ายังคงอยู่ทั้งเปลือกเป็นพริกไทยดำ หรือกระทั่งผักชี ลูกผักชี ผลแห้งสามารถเก็บไว้ใช้ ทั้งนำมาสร้างสรรค์ปรุงอาหารได้หลากหลายเมนู เช่นเดียวกับ ลูกกระวานเขียว ปกติส่วนใหญ่จะเห็นแต่ผลแก่ ผลแห้ง กระวานเป็นอีกเครื่องเทศที่ช่วยชูกลิ่นรสอาหาร ให้ความหอมเป็นเอกลักษณ์ ทั้งยังช่วยขับลม ซึ่งเมนูมัสมั่น หรือข้าวบุหรี่จะขาดสิ่งนี้ไปไม่ได้ และนอกจากอาหารคาว เบเกอรี่ ก็สามารถนำเครื่องเทศมาผสมผสาน สร้างกลิ่นรสที่มีเอกลักษณ์ได้อย่างลงตัว อย่างเช่น มาการอง นำเครื่องเทศมาแต่งกลิ่น และยังนำมาสร้างสรรค์ได้อีกหลายมิติ ฯลฯ เรียกว่าสมุนไพรไม่ห่างหายไปจากเมนูใดๆและยังมีเรื่องน่ารู้ ทรงพลังที่สามารถนำไปพัฒนาต่อยอดเพิ่มมูลค่าได้อีกมาก
“เมนูขนมหวาน หรือการตกแต่งจานอาหาร การจัดเสิร์ฟก็สามารถนำสมุนไพรนำมาสร้างสรรค์ได้หลากหลาย อย่างเช่น การปาดซอสเป็นลวดลายสวยๆ สามารถนำเครื่องเทศใส่เป็นส่วนผสมให้เป็นรสชาติทานเคียงคู่อาหารได้อย่างกลมกลืน หรือทำเป็นฟองโฟมตกแต่งจาน นำเครื่องเทศที่อยู่ในอาหาร นำออกมาให้โดดเด่น อย่างเช่น การเสิร์ฟข้าว แกงมัสมั่น หรือนำแกงมัสมั่นเสิร์ฟกับเส้นบะหมี่ สามารถทำเป็นฟิวชั่น ตกแต่งใช้นำกะทิตีจนขึ้นฟู ใส่เครื่องเทศ อย่าง อบเชย ซึ่งให้กลิ่นหอม นำมาเป็นโฟมตกแต่งจาน ซึ่งสามารถรับประทานไปกับแกงในจานได้อย่างลงตัว สวยงามและน่าประทับใจ”
อาจารย์สาขาวิชาอาหารและโภชนาการ ผศ.บุญยนุช ให้คำแนะนำอีกว่า อย่างแผ่นแป้งกรอบที่นำมาตกแต่ง อาจดีไซน์ผสมผสานกระเทียม พริกไทยเพิ่มรายละเอียด ทั้งปรุงรสให้มีความเค็มเล็กๆ ก็จะเพิ่มความพิเศษ ชวนให้รับประทาน หรือแม้แต่เมนูของหวานก็สามารถผสมผสานเครื่องเทศสร้างความโดดเด่น โดย อบเชย สามารถนำมาใช้ในอาหารได้ทั้งของคาวและของหวาน กลิ่นของเครื่องเทศ สามารถเข้ากับอาหารได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ การรู้จักเครื่องเทศ รู้ถึงวิธีการนำมาใช้จึงมีความสำคัญ โดยไม่ว่าจะเป็นเครื่องเทศชนิดใด ต้องเลือกใช้ให้เหมาะสม สามารถเสริมรสชาติ ชูกลิ่นเข้ากัน
นอกจากการใช้ การจัดเก็บ ก็มีความสำคัญ ทั้งนี้เครื่องเทศควรจัดเก็บในที่แห้ง หากมีความชื้นอาจทำให้ขึ้นรา และหากมีความชื้นก็ควรทำให้แห้งก่อน ปิดให้สนิทและเก็บในที่ทึบแสง ทั้งนี้เครื่องเทศบางตัวมีน้ำมันหอมระเหย หากถูกความร้อนภายนอก หรือจัดเก็บได้ไม่ดีพอ อาจทำให้มีกลิ่นหืน กลิ่นที่ไม่พึงประสงค์จึงควรเก็บในที่แห้งและปิดสนิท
ส่วนการนำไปใช้ การคั่วไฟอ่อนๆจะช่วยให้มีกลิ่นหอมขึ้น ช่วยให้น้ำมันหอมระเหยออกมาได้มากและเมื่อนำไปใช้ นำไปปรุงอาหารจะช่วยให้มีความหอมยิ่งขึ้น อย่างเช่น โป๊ยกั๊ก จันทน์เทศ กระวานฯลฯ ก่อนนำไปใช้จะนำไปคั่วก่อนนำไปปรุงอาหาร อย่างเมนูลาบเหนือ จะเห็นว่าจะนำเครื่องเทศ สมุนไพรที่เป็นส่วนผสม อย่าง มะแขว่น นำไปผ่านความร้อน นำไปคั่วให้หอมและยังช่วยให้ตำง่าย ละเอียด ได้ทั้งกลิ่น รสและสีสันสวยพร้อมกัน เป็นต้น
ในเรื่องของเครื่องเทศ สมุนไพรไทยมีเสน่ห์ในตัวควรแก่การดำรงอยู่ไม่ขาดหายไปจากอาหารไทย อีกทั้งการสอดแทรกเรื่องน่ารู้สมุนไพร เครื่องเทศ บอกถึงความเป็นมาของเครื่องเทศ โดยนอกจากช่วยเสริมรส ชูกกลิ่นอาหารไทยโดดเด่น ยังเป็นอีกส่วนหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มความน่าสนใจ ชวนประทับใจ เพิ่มมูลค่า เพิ่มความพิเศษให้กับอาหารไทย บอกเล่าความสมบูรณ์ของวัตถุดิบและวัฒนธรรมอาหารที่มีเอกลักษณ์ของไทย
พงษ์พรรณ บุญเลิศ... สามารถ