ครบเครื่อง
ญ. อมตะ



วิธีกินอาหารตามกรุ๊ปเลือด ให้ดีต่อสุขภาพในระยะยาว

“การกินอาหารตามกรุ๊ปเลือด” มีประโยชน์ต่อร่างกาย ทั้งในเรื่องการทำงานของระบบย่อยอาหาร การสร้างอินซูลิน การเผาผลาญอาหาร และความสมดุลของฮอร์โมนอีกด้วย และยังช่วยลดความอ้วนได้อีก นอกจากนี้ ยังมีคำแนะนำของรูปแบบอาหารที่แตกต่างกันไป ได้แก่ กรุ๊ป A มังสวิรัติ กรุ๊ป B อ้วนง่าย กรุ๊ป O เน้นโปรตีน และกรุ๊ป AB มังสวิรัติผสมคาร์โบไฮเดรต

การกินอาหารตามกรุ๊ปเลือด ยังไม่มีหลักฐานมากพอที่จะบอกได้ว่าถ้ากินตามคำแนะนำแล้วจะส่งผลต่อสุขภาพตามที่มีการพูดถึงกัน เพราะคุณภาพงานวิจัยเกือบทั้งหมดอยู่ในระดับที่ต่ำ ไม่ได้มีการแบ่งกลุ่มเพื่อเปรียบเทียบ ใช้ตัวชี้วัดที่ไม่เหมาะสมในการบ่งบอกภาวะสุขภาพ กลุ่มตัวอย่างขนาดเล็กไม่มีน้ำหนักมากพอที่จะให้ความแตกต่างทางสถิติที่น่าเชื่อถือ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการกินอาหารตามกรุ๊ปเลือดจะไม่มีหลักฐานมากพอที่จะให้ปฏิบัติ แต่วันนี้ก็มีคำแนะนำแยกตามกรุ๊ปเลือดว่า มีข้อดีและข้อเสียอย่างไร ถ้าจะปรับควรปรับเปลี่ยนอย่างไรเพื่อให้ดีต่อสุขภาพ โดยยึดหลักการกินอาหารเพื่อสุขภาพว่าควรจะกินอย่างไร

การกินให้สุขภาพดีห่างไกลจากโรค มีใจความสำคัญอยู่ 2 ประเด็น คือ

ความสมดุล หมายถึง สมดุลทั้งพลังงานและปริมาณอาหารที่ร่างกายต้องการ กินเท่าไหร่ถึงเรียกว่าพอดี ไม่น้อยเกินไปจนร่างกายขาดสารอาหาร ซูบผอม ป่วยง่าย และไม่มากเกินไปจนน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น โรคอ้วนและคณะถามหา

ความพอเหมาะ หมายถึง เราจะควบคุมการกินอาหารอย่างไรให้อยู่ในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่กินมากเกินไปเพราะมันอร่อย หรือไม่กินเลยเพราะเราไม่ชอบกิน ทั้งนี้เราสามารถกินอาหารได้ทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นอาหารที่มีประโยชน์ หรืออาหารหวาน มัน เค็ม แต่ต้องกินในปริมาณที่พอดี

ประเทศไทยมีข้อปฏิบัติในการกินอาหารเพื่อสุขภาพดี เรียกว่า โภชนบัญญัติ เป็นการแนะแนวทางในการกินอาหารให้ถูกต้องตามหลักโภชนาการ 9 ข้อดังนี้

กินอาหารครบ 5 หมู่ แต่ละหมู่ให้หลากหลายและหมั่นดูแลน้ำหนักตัว กินข้าวเป็นอาหารหลัก สลับกับอาหารประเภทแป้งเป็นบางมื้อ กินพืชผักให้มากและกินผลไม้เป็นประจำ กินปลา เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ไข่และถั่วเมล็ดแห้งเป็นประจำ ดื่มนมให้เหมาะสมตามวัย กินอาหารที่มีไขมันแต่พอควร หลีกเลี่ยงการกินอาหารรสหวานจัด และเค็มจัด กินอาหารที่สะอาด ปราศจากการปนเปื้อน งดหรือลดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

คำแนะนำในการกินอาหารตามกรุ๊ปเลือด ที่กินแล้วมีประโยชน์ต่อร่างกาย มีดังนี้

กรุ๊ป A ควรกินมังสวิรัติที่ยังกินปลา ไข่และนมได้ กินผักและผลไม้ ข้าวกล้อง

ข้อดี : เน้นอาหารที่มีใยอาหาร แหล่งของโพแทสเซียม แคลเซียม แมกนีเซียม ช่วยควบคุมความดัน ลดไขมัน ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และมีไขมันอิ่มตัวที่ต่ำ

กรุ๊ป B อ้วนง่ายและภูมิคุ้มกันไม่ดี อาหารเน้นกลุ่มที่มีโอเมก้า 3 จากปลา เน้นการกินผักใบเขียว กินข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต นม ไข่ ข้อดี: อาหารที่มีโอเมก้า 3 จะช่วยต้านการอักเสบ ป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด มีใยอาหารที่จะได้จากผัก ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต และแหล่งโปรตีนที่ดีจากทั้งปลา ไข่และนม

กรุ๊ป O เน้นโปรตีน อาหารประเภทเนื้อแดงหลายชนิด ปลาและอาหารทะเล ผักและผลไม้

ข้อดี : ได้รับโปรตีนคุณภาพดี วิตามิน แร่ธาตุและใยอาหารจากผักผลไม้ แต่ควรเพิ่มเติมในส่วนของนมเพื่อให้ได้แคลเซียมที่เพียงพอ

กรุ๊ป AB มังสวิรัติผสมคาร์โบไฮเดรต ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองและเต้าหู้ นม ไข่ โยเกิร์ตไขมันต่ำ ข้าวโอ๊ต ผักและผลไม้

ข้อดี : ได้รับโปรตีนที่มีกรดมันอิ่มตัวต่ำ ใยอาหารจากผักผลไม้ แต่ยังขาดในส่วนกรดไขมันที่ดีจากเมล็ดธัญพืช ถั่วและปลา

ทั้งนี้ ในแต่ละกลุ่มอาหารที่แนะนำก็มีแต่อาหารเพื่อสุขภาพ แต่สิ่งที่สำคัญของการดูแลสุขภาพคือ ความพอดี คือเราเลือกสิ่งที่ดีแล้ว แต่ต้องพอเหมาะกับความต้องการของร่างกาย หลักการคือใช้จานอาหารเพื่อสุขภาพมาเป็นแนวทาง 30% คือผัก 20% คือ ผลไม้หรือประมาณ 6-8 ชิ้นคำ/มื้อ 25% คือ โปรตีน 25% คือ ข้าวแป้ง เน้นที่มีใยอาหารสูง น้ำเปล่า 1 แก้ว

หลักการกินอาหารให้ดีต่อสุขภาพง่าย ๆ คือ ลดหวาน ลดมัน ลดเค็ม และเติมเต็มด้วยผักผลไม้

1. กลุ่มข้าว แป้ง ควรเลือกกิน กินข้าวสลับกับอาหารประเภทแป้งอื่น ๆ บ้าง เช่น ขนมจีน ก๋วยเตี๋ยว เผือก มัน ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีตและธัญพืชเต็มเมล็ดไม่ขัดสี ข้าวแป้งขัดขาว เช่น ข้าวขาว ขนมปังขาว เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง เช่น น้ำหวาน กาแฟเย็น ชาเย็น น้ำผลไม้ปั่น ชาเขียวปั่น ชานมไข่มุก ขนมหวาน ขนมขบเคี้ยวและขนมอบกลุ่มเบเกอรี่ เช่น ครัวซอง เค้ก พาย

การเติมน้ำตาลทรายเพิ่มในอาหารปรุงสำเร็จ (รวมทั้งเครื่องปรุงรสต่าง ๆ เช่น น้ำปลาพริก น้ำจิ้มต่างๆ ซอสปรุง

2. กลุ่มเนื้อสัตว์ นม ไข่ ถั่วเมล็ดแห้ง ควรเลือกกิน เนื้อปลา ทั้งปลาน้ำจืดและปลาทะเล และเนื้อไก่ เนื้อสัตว์ที่มีไขมันน้อย เช่น เนื้อไก่ส่วนอก และเนื้อสันใน นมพร่องไขมันชนิดจืด ถั่วเมล็ดแห้งทุกชนิด ปรุงด้วยการนึ่ง ต้ม ตุ๋น ผัด ใช้น้ำมันน้อย เช่น แกงจืด แกงส้ม ต้มยำ

ควรลด/หลีกเลี่ยง/กินเป็นครั้งคราว เนื้อสัตว์ไขมันสูง เช่น เนื้อสัตว์ติดหนังติดมัน เช่น หนังไก่ หมูสามชั้น เป็นต้น

เนื้อสัตว์ที่ผ่านการถนอมอาหารด้วยเกลือหรือเนื้อสัตว์แปรรูป เช่น ปลาร้า ปลาเค็ม ปลาส้ม แหนม หมูยอ กุนเชียง ไส้กรอก แฮมและเบคอน เนื้อสัตว์ที่ผ่านการปิ้งย่างแบบไหม้เกรียม รมควัน เช่น หมูปิ้ง ไก่ย่าง บาร์บีคิวหรือหมูกระทะ

ผลิตภัณฑ์จากนมที่มีไขมันอิ่มตัวสูง เช่น เนย ชีส ไอศกรีม

นมและผลิตภัณฑ์จากนมที่มีน้ำตาลสูง เช่น นมเปรี้ยว นมหรือโยเกิร์ตปรุงแต่งรสชนิดต่าง ๆ

ถั่วเมล็ดแห้งคลุกเกลือ

3. กลุ่มไขมันและน้ำมัน ควรเลือกกินน้ำมันที่เป็นแหล่งของกรดไขมันที่ดี เช่น น้ำมันรำข้าว น้ำมันเมล็ดชา น้ำมันคาโนลา น้ำมันมะกอก ถั่วเปลือกแข็ง เช่น อัลมอนด์ มะม่วงหิมพานต์ ถั่วลิสง ควรลด/หลีกเลี่ยง/กินเป็นครั้งคราว

ไขมันและน้ำมันที่มีกรดไขมันอิ่มตัวสูงทั้งจากพืชและสัตว์ เช่น น้ำมันหมู เนย น้ำมันปาล์ม กะทิ ครีมเทียม

อาหารที่มีกรดไขมันทรานส์ เช่น มาการีน เนยขาว เป็นต้น นำไปทำขนมอบ กลุ่มเบเกอรี่ เช่น เค้ก พาย เป็นต้น รวมทั้งน้ำมันทอดซ้ำ อาหารจานด่วนหรือฟาสต์ฟู้ด เช่น พิซซ่า มันฝรั่งทอด อาหารและขนมหวานที่มีกะทิ เช่น แกงเขียวหวาน ฟักทองแกงบวด อาหารผัดที่ใช้น้ำมันมาก ๆ หรืออาหารทอดน้ำมันท่วม เช่น ปาท่องโก๋ กล้วยทอด ไก่ทอด หอยทอด

4. กลุ่มผัก ผลไม้ ควรเลือกกิน เน้นผักผลไม้สดและกินให้หลากหลาย เลือกผักและผลไม้ตามฤดูกาล ควรลด/หลีกเลี่ยง/กินเป็นครั้งคราว ผลไม้ที่มีรสหวานจัด เช่น ขนุน เงาะ ลำไย ผลไม้เชื่อม แช่อิ่ม และผลไม้ที่ผ่านการอบแห้ง เช่น ลูกเกด ลูกพรุน ผักชุบแป้งทอด ผักผลไม้ดองทุกชนิด

แหล่งข้อมูล :ดร.วนะพร ทองโฉม นักสุขศึกษา งานสร้างเสริมสุขภาพ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล


น้องทุเรียน’หมีหมาตัวตึง อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน...

น่ารัก “น้องทุเรียน” หมีหมาตัวตึงแห่งอุทยานแก่งกระจาน นอนเหงาใจบนกิ่งไม้ยามพะเนินทุ่งปิด

เมื่อไม่นานนี้ นายอรรถพงษ์ เภาอ่อน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เผยว่า นายบุษกร กันทุกข์ เจ้าหน้าที่อุทยานฯ แก่งกระจาน ประจำจุดพะเนินทุ่ง อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี พบ “หมีหมา” ชื่อ “น้องทุเรียน” ขาประจำเขาพะเนินทุ่ง ที่หน่วย กจ.19 เขาพะเนินทุ่ง นักท่องเที่ยวสามารถพบเห็นและถ่ายภาพได้ในระยะใกล้ นอนเอกเขนกอยู่บนกิ่งไม้สร้างความตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก...

หมีหมาตัวนี้เจ้าหน้าที่ตั้งชื่อให้ว่า “น้องทุเรียน” เป็นหมีที่พบประจำที่หน่วยเขาพะเนินทุ่ง มีตำหนิรูปพรรณบริเวณหน้าจะมีรอยแผลเป็นค่อนข้างเยอะ และจุดสีดำสัญลักษณ์ตัวยูที่หน้าอกด้านขวา ภายหลังภาพดังกล่าวเผยแพร่ออกไปส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างเข้ามาชื่นชมในความน่ารักของน้องทุเรียนกันเป็นจำนวนมาก...

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่เตือนนักท่องเที่ยวไม่ให้เข้าใกล้หรือนำอาหารไปไว้ในเต็นท์ และเฝ้าระวังไม่ให้หมีหมามารบกวนเต็นท์พัก รวมถึงแนะนำนักท่องเที่ยวให้อยู่ในระยะปลอดภัยขณะถ่ายภาพไม่ควรให้อาหารสัตว์ป่า จะทำให้สัตว์ป่าเสียสัญชาตญาณการดำรงชีวิตในธรรมชาติ

สำหรับ “หมีหมา” ชื่อวิทยาศาสตร์ Helarctos malayanus เป็นหมีที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก ลำตัวยาวประมาณ 1 เมตร ขนตามตัวสั้นสีดำปนน้ำตาล ขนบริเวณอกโค้งเป็นรูปตัว U สีขาวนวล บริเวณหน้าตั้งแต่ตาไปถึงปลายจมูกสีค่อนข้างขาวหรือน้ำตาลอ่อน ปกติออกหากินเวลากลางคืน บางครั้งก็ออกหากินกลางวัน มักหากินเป็นคู่ อยู่ในป่าทึบ ไม่ชอบอยู่ตามเขา ขึ้นต้นไม้เก่งกว่าหมีควาย...

อุปนิสัยโมโหง่าย ชอบนอนบนต้นไม้หรือตามโพรงไม้สูงๆ ไม่ชอบนอนพื้นดิน บางครั้งร้องคล้ายเสียงสุนัขเห่ากรรโชก จึงเรียกว่าหมีหมา เมื่อยืน 2 ขา จะยืนตัวตรง

นพกร ปานพวงแก้ว... อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.khaosod.co.th/lifestyle/news_9994106


เกาะแจกบ้าน! ยกให้ฟรี คฤหาสน์หรูมูลค่ากว่า 160 ล้านบาท แต่มีเงื่อนไข?

เจ้าของบ้าน ในแนสทักเก็ต รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐฯ มอบคฤหาสน์หรู 5 ห้องนอน มูลค่ากว่า 160 ล้านบาทให้ฟรี แต่มีเงื่อนไขตามกฎหมายอนุรักษ์อาคารเก่าของเกาะ เผยเป็นเรื่องปกติหลังสิ้นสุดฤดูกาลท่องเที่ยวฤดูร้อน

เมื่อวันที่ 12 พ.ย. เว็บไซต์ต่างประเทศ “NEW YORK POST” รายงานเรื่องราวที่น่าประหลาดใจในแนสทักเก็ต (Nantucket) รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา มีบ้านพักตากอากาศหรู 5 ห้องนอน มูลค่าสูงถึง 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 161 ล้านบาท ถูกประกาศยกให้ “ฟรี” โดยที่เจ้าของต้องการมอบบ้านหลังนี้ให้กับใครก็ได้ แต่มีเงื่อนไขสำคัญคือ ผู้รับจะต้องเคลื่อนย้ายตัวบ้านออกจากฐานรากและขนส่งไปยังที่อื่นภายใน 180 วัน

แม้จะฟังดูแปลกประหลาด แต่วิธีการนี้เป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่เรียกว่า “การย้ายบ้าน” (House Moving) ซึ่งเป็นเรื่องปกติบนเกาะแนสทักเก็ต โดยฤดูกาลย้ายบ้านจะเริ่มตั้งแต่กลางเดือนกันยายนถึงกลางเดือนมิถุนายน หลังสิ้นสุดฤดูกาลท่องเที่ยวฤดูร้อน

การปฏิบัติการเคลื่อนย้ายอาคารไปสร้างใหม่บนที่ดินผืนอื่นมีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 บนเกาะแนสทักเก็ต ซึ่งเป็นเกาะนอกชายฝั่งเคปคอด เนื่องจากเกาะนี้เผชิญกับแรงกดดันจากสภาพอากาศ การกัดเซาะ และการขาดแคลนวัสดุก่อสร้างตามธรรมชาติ ทำให้การนำบ้านเก่าไปใช้ซ้ำเป็นสิ่งจำเป็น

แต่เหตุผลที่ชัดเจนในปัจจุบันคือ “การอนุรักษ์” โดยกฎหมายท้องถิ่นที่ชื่อว่า “Demolition Delay Bylaw” (กฎหมายชะลอการรื้อถอน) ซึ่งประกาศใช้ในปี 1997 กำหนดให้เจ้าของบ้านที่ต้องการรื้อถอนอาคารต้องโฆษณาบ้านของตนเป็นเวลา 30 วัน เผื่อมีผู้สนใจรับบ้านไปฟรี ๆ เพื่อป้องกันการทำลายอาคารเก่าแก่

โดยเว็บไซต์ Realtor.com รายงานว่า ตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา มีบ้านมากกว่า 75 หลังที่ถูกเคลื่อนย้ายไปสร้างใหม่ทั่วเกาะสำเร็จ แม้ตัวบ้านจะได้รับมอบให้ฟรี แต่ค่าใช้จ่ายในการย้ายนั้นไม่น้อยเลย ตามรายงาน ค่าใช้จ่ายในการเคลื่อนย้ายบ้านในแนสทักเก็ต อาจอยู่ระหว่าง 200,000 ถึง 500,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 6.4 ล้านถึง 16 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับขนาดบ้าน ระยะทาง และค่าใช้จ่ายในการตั้งฐานรากใหม่

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า การซื้อบ้านด้วยวิธีนี้มักจะถูกกว่าการสร้างบ้านใหม่ตั้งแต่ต้น และยังเป็นโอกาสที่ดีสำหรับคนในพื้นที่ที่อาจมีที่ดินอยู่แล้ว แต่ไม่สามารถแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในการสร้างบ้าน

นอกจากนี้ การรับบ้านเก่ามายังช่วยให้ผู้ซื้อหลีกเลี่ยงกระบวนการพิจารณาแบบแปลนอาคารที่เข้มงวดของเกาะ ซึ่งกำหนดให้ต้องสอดคล้องกับ “รูปลักษณ์” อันเป็นเอกลักษณ์ของแนสทักเก็ต

สำหรับเจ้าของเดิม การให้บ้านฟรีก็เป็นประโยชน์อย่างยิ่งเช่นกัน เพราะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการรื้อถอนและค่าธรรมเนียมการทิ้งขยะจำนวนมหาศาล เนื่องจากพื้นที่ฝังกลบขยะของเกาะมีจำกัด และการทิ้งขยะจากการรื้อถอนบ้านหนึ่งตัน มีค่าใช้จ่ายมากกว่า 500 ดอลลาร์ หรือ 1.6 หมื่นบาท

ในช่วงฤดูย้ายบ้านของแนสทักเก็ต ชาวเกาะจึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เมื่อเห็นบ้านทั้งหลังกำลังถูกยกขึ้นรถบรรทุกและเคลื่อนที่ไปบนถนน ซึ่งมักทำให้เกิดการจราจรติดขัดเป็นภาพที่ชินตาไปแล้ว

ข้อมูล-ภาพ เว็บไซต์ “NEW YORK POST”... สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.dailynews.co.th/news/5295765/


สุนัขจิ้งจอกอวดโฉม นักล่าแห่งป่าภูเรือ

สวย หายากมาก สุนัขจิ้งจอก “นักล่าแห่งป่าภูเรือ” อวดโฉมในเวลากลางวัน สัญลักษณ์ความอุดมสมบูรณ์ และสมดุลของระบบนิเวศในอุทยานแห่งชาติภูเรือ จังหวัดเลย

ที่อุทยานแห่งชาติภูเรือ มีกล้องบันทึกภาพวิดีโอสุนัขจิ้งจอกออกมาอวดโฉมเดินสำรวจป่าโปร่งในช่วงกลางวันอย่างสงบ สะท้อนถึงความอุดมสมบูรณ์และความปลอดภัยของผืนป่าภูเรือ

น.ส.เนตรนภา งามเนตร นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูเรือ เผยว่าที่อุทยานแห่งชาติภูเรือพบการปรากฏตัวของสุนัขจิ้งจอก เป็นสัญญาณว่าการลาดตระเวนเชิงคุณภาพเพื่อปกป้องคุ้มครองทรัพยากรของผู้พิทักษ์ป่าภูเรือมีประสิทธิภาพ สัตว์ป่าสามารถดำรงชีวิตและขยายพันธุ์โดยไม่ถูกรบกวน การเก็บข้อมูลเชิงวิชาการที่ละเอียดยิ่งขึ้นทำให้มีโอกาสเห็นภาพความงดงามของสุนัขจิ้งจอกในธรรมชาติที่อาศัยอยู่ในผืนป่าภูเรือ

สุนัขจิ้งจอกเป็นสัตว์ผู้ล่าที่ปรับตัวเก่ง มักอาศัยในป่าโปร่งที่มีไม้ใหญ่ ไม้พุ่ม และทุ่งหญ้า ออกหากินได้ทั้งกลางวันและกลางคืน มีประสาทรับกลิ่น การมองเห็น และการได้ยินที่ยอดเยี่ยม มักอยู่เป็นคู่ แต่บางครั้งสามารถรวมฝูงได้มากถึง 20 ตัว ชอบหอนยามโพล้เพล้และเช้ามืด อาหารมีทั้งพืชและสัตว์ขนาดเล็ก เช่น กระต่ายป่า หนู ลูกกวาง นก และสัตว์เลื้อยคลาน การที่สุนัขจิ้งจอกดำรงชีวิตได้อย่างปกติสุขแสดงว่าถิ่นอาศัยของสัตว์ป่าอื่นๆ ยังได้รับการคุ้มครอง ช่วยรักษาสมดุลของห่วงโซ่อาหารและระบบนิเวศอย่างยั่งยืน

“อุทยานแห่งชาติภูเรือยังคงเดินหน้าลาดตระเวนเชิงคุณภาพอย่างต่อเนื่อง ป้องกันการลักลอบตัดไม้ การล่าสัตว์ และภัยคุกคามทุกประเภท เพื่อให้สัตว์ป่าใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัย ทรัพยากรป่าไม้คงความอุดมสมบูรณ์ เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากผืนป่า ไม่ว่าจะเป็นอากาศบริสุทธิ์ น้ำสะอาดที่เพียงพอ แหล่งอาหารและสมุนไพรธรรมชาติ รวมถึงการเป็นพื้นที่พักผ่อนท่องเที่ยวช่วยฟื้นฟูสุขภาพกายและใจ พร้อมส่งเสริมการอนุรักษ์และการศึกษาทางวิชาการเกี่ยวกับธรรมชาติและสัตว์ป่าแก่สังคมอย่างต่อเนื่อง” หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูเรือกล่าว

อัมรินทร์ ชูฤทธิ์... อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.khaosod.co.th/lifestyle/news_10003909


‘กรมศิลป์’ เผยผลสำรวจ พระมหาพิชัยราชรถ เสียหาย 50% ระดมช่างศิลป์ปูพรมบูรณะสัปดาห์หน้า

เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ที่โรงราชรถ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร น.ส.โสภิต ปัญญาขัน นักวิทยาศาสตร์ชำนาญการพิเศษ ผู้อำนวยการกลุ่มวิทยาศาสตร์เพื่อการอนุรักษ์ สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติกรมศิลปากร เปิดเผยว่า หลังจากที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีบวงสรวง เพื่อบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถ พระยานมาศ และเครื่องประกอบในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน ที่ผ่านมานั้น กรมศิลปากรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ประสานการทำงานกันเป็นรายสัปดาห์ ล่าสุดวันที่ 12 พฤศจิกายน เจ้าหน้าที่กลุ่มวิทยาศาสตร์เพื่อการอนุรักษ์ สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากร ได้เข้ามาสำรวจความเสียหายเบื้องต้นของพระมหาพิชัยราชรถ เวชยันตราชรถ และราชรถน้อย 3 องค์ เกรินบันไดนาค 2 เกริน พระยานมาศสามลำคาน 2 องค์ พระที่นั่งราเชนทรยาน รวมถึงพระวอสีวิกากาญจน์ ขณะที่กรมสรรพาวุธทหารบก ได้เข้ามาสำรวจระบบกลไก ล้อ เพลา การเคลื่อนที่ ของราชรถ เพื่อเตรียมการวางแผนการดำเนินการด้านต่างๆ และการชักลาก ให้มีความมั่นคงแข็งแรง...

น.ส.โสภิต กล่าวต่อว่า ทั้งนี้กรมศิลปากร ได้มีการเคลื่อนย้ายโบราณวัตถุและเครื่องประกอบในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9บางส่วนไปเก็บรักษายังคลังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อำเภอคลองหลวง จ.ปทุมธานี เพื่อจัดเตรียมพื้นที่รองรับการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่เข้ามาทำงานภายในโรงราชรถ คาดว่าจะเข้ามาดำเนินการตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป โดยจะมีการระดมอัตรากำลังของเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ที่มากกว่า 30 คน สำนักช่างสิบหมู่ กว่า 100 คน รวมถึงกำลังเจ้าหน้าที่ทหารกรมสรรพาวุธทหารบก และกรมอู่ทหารเรือที่จะเข้ามาติดตั้งนั่งร้านให้เจ้าหน้าที่ทำการสำรวจความเสียหายขององค์ราชรถ ราชยาน...

น.ส.โสภิต กล่าวต่ออีกว่า ทั้งนี้ จากการสำรวจด้วยสายตาเบื้องต้น พบว่า พระมหาพิชัยราชรถ มีความเสียหายไม่มาก ประมาณ 50% เนื่องจากได้มีการบูรณะใหญ่ไปเมื่อครั้งงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่9 พบกระจกเสื่อมสภาพบางส่วน ทองหลุดลอก กระจก และโลหะหมองคล้ำ และต้องเปลี่ยนผ้าม่านที่ฉีกขาด ส่วนเวชยันตราชรถ ชำรุดค่อนข้างมากมีกระจกหลุดและหมองคล้ำ ส่วนทองหลุดลอกไปจำนวนมาก บริเวณอื่นมีการชำรุดในลักษณะที่คล้ายกับพระมหาพิชัยราชรถ รวมถึงพู่ และฉัตรหมองคล้ำ สำหรับพระยานมาศ และราชรถน้อย ยังมีสภาพที่ดี ส่วนใหญ่จะพบความเสียหายที่กระจัง และกระจกหม่น...

“เมื่อกรมอู่ทหารเรือเข้ามาติดตั้งนั่งร้านแล้วเสร็จเจ้าหน้าที่จะขึ้นไปสำรวจ โดยใช้เครื่องมือวิทยาศาสตร์เอกซเรย์ความเสียหาย โดยรวมขององค์ราชรถ ราชยาน จากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนการเตรียมการวางแผนการบูรณะ โดยกระบวนการจะไม่เปลี่ยนไปมากจากเดิม ตามหลักการจะต้องทำให้ไม่ให้ถลอก และเสียหายไปจากเดิม ใช้แปรงปัดฝุ่น ส่วนประกอบที่หมองจะเช็ดด้วยน้ำยา ที่ได้ทดสอบแล้วว่าเหมาะสมกับการอนุรักษ์ ขณะที่การปิดทอง จะระมัดระวังมากที่สุด ต้องทำการทดสอบ น้ำยา และแรงกดทุกครั้ง เพื่อไม่ทำให้ทองหลุด เพราะใช้ทองคำเปลวแท้ ดังนั้น ทางทีมอนุรักษ์จะต้องไม่ไปเพิ่มงานให้สำนักช่างสิบหมู่ ในการดำเนินการปิดทองประดับกระจก รวมถึงเข้ามาดูแลงานศิลปกรรม หาก ส่วนใดที่มีความเสียหายมากก็จะจัดสร้างขึ้นมาทดแทน รวมถึงจัดทำผ้าม่านใหม่ สร้างฉัตรภู่งอน เพื่อให้สมพระเกียรติสูงสุด” ผู้อำนวยการกลุ่มวิทยาศาสตร์เพื่อการอนุรักษ์ กล่าว... อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.matichon.co.th/royal/news_5453470