เปิดเบิ่ง

วิรัช โรจนปัญญา
เปิดเบิ่ง 5 พฤษภาคม 2555

ผมอ่านข่าวเรื่อง "การปฏิบัติของห้องอาหารไทย" จากหนังสือพิมพ์เอชี่ยนแปซิฟิก เห็นว่าข่าวชิ้นนี้มีประโยชน์ต่อเจ้าของธุรกิจร้านอาหารและพนักงานทุกคน จึงขออนุญาตคุณไพสันติ์ พรหมน้อย นำเรื่องมาลงเพื่อเป็นการเผยแพร่ให้ได้ทราบทั่วกัน

วิรัช โรจนปัญญา


เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ห้องอาหารไทยในเขตแอล.เอ. และซาน เฟอร์นันโด้ แวลเลย์หลายแห่งถูกเจ้าหน้าที่แผนกค่าจ้างและชั่วโมง กระทรวงแรงงานสหรัฐออกตรวจสอบ 4 ประการ ประกอบด้วยค่าจ้างขั้นต่ำ เงินโอเวอร์ไทม์ การจัดเก็บบันทึกการจ้างงาน และการใช้แรงงานเด็ก มีเจ้าของห้องอาหารไทยแห่งหนึ่งที่ถูกตรวจค้นได้แจ้งมายัง APN ว่า บรรดาห้องอาหารไทยที่ยังไม่ถูกตรวจขอให้เตรียมตัวไว้ โดยเฉพาะเรื่อโปสเตอร์ เครื่องตอกบัตร หรือบันทึกลงเวลาการทำงานของพนักงานทุกคน เอกสารต่างๆ เกี่ยวกับการทำงาน ลักษณะการทำงานของเจ้าหน้าที่จะมีดังนี้

1. จะเข้ามาในช่วงเปิดร้าน 2 คนพร้อมกับแสดงตนว่าเป็นใคร จากนั้น 1 คนจะเข้าไปตรวจ และรวบรวมเอกสารต่างๆ ของร้าน อีก 1 คนจะคุยประวิงเวลาการทำงาน นอกจากนั้นจะพูดคุยกับพนักงานที่เป็นคนพูดสแปนิชและพยายามกันตัวออกไปเพื่อให้เป็นพยานเอาโทษเจ้าของร้าน

2. สิ่งแรกที่เข้ามาเจ้าหน้าที่จะถามหาโปสเตอร์ต่างๆ ที่เปิดในร้านเช่น การแจ้งอัตราค่าแรงงานขั้นต่ำ 7.25 ดอลลาร์ เครื่องตอกบัตร เอกสารบันทึกการทำงานของทุกคนในร้าน เมื่อไม่มีก็จะถูกข้อหาเป็นข้อๆ ไป

3. การปฏิบัติการครั้งนี้เป็นนโยบายของกระทรวงแรงงาน ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลกลางและทำตามกฎหมายถือเป็นเรื่องโต้แย้งลำบาก หลังต้องข้อหาแล้วจะต้องจัดหาทนายความเข้าช่วยเหลือทำให้เสียเงินค่าทนายเพิ่มอีก

4. หากร้านใดมีปัญหากับพนักงานของตนเป็นทุนเดิมอยู่ก่อนแล้วขอให้เคลียร์ออกไป และยอมที่จะจ่ายเงินอย่างเหมาะสม เพราะพนักงานจะได้ไม่กลับมาเป็นพยานผูกมัดเจ้าของร้านอาหารหนักขึ้นไปอีก โดยเฉพาะร้านที่ไม่มีเพย์โรลให้พนักงาน

5. หลังจากนี้ เป็นต้นไปร้านอาหารไทยจะต้องจัดทำให้ถูกระเบียบตามที่กฎหมายกำหนด แต่สิ่งหนึ่งที่มีปัญหาก็คือเรื่องคนทำงาน หากไม่ใช่คนไทยทำงานแล้วจะมีปัญหาเรื่อง "วัฒนธรรมอาหาร" เข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะคนต่างชาติจะไม่รู้แท้จริงว่าอาหารไทยคืออะไร

6. วิธีการจะต้องเพิ่มราคาอาหารในเมนูให้สมดุลย์กับค่าแรงงานที่จะต้องจ่ายเพิ่มขึ้นจากการจัดทำเพย์โรล ซึ่งจะต้องเสียภาษีอย่างถูกต้อง

7. จะต้องติดต่อประสานงานกันระหว่างห้องอาหารเพื่อจะได้รับทราบข้อมูลซึ่งกันและกัน เป็นต้น

8. การปิดร้านหรือขายร้านออกไปก็เป็นทางเลือกสุดท้าย
ในกรณีที่ไม่อาจจะดำเนินการต่อไปได้ เช่นห้องอาหารเล็กๆ ที่มียอดขายวันละ 600-700 ดออลาร์