เปิดเบิ่ง

วิรัช โรจนปัญญา
เปิดเบิ่ง วันที่ 30 พฤศจิกายน 2556

สถานการณ์ในกรุงเทพมหานครจะว่าไม่น่าเป็นห่วงก็ได้ หรือถ้าจะว่าน่าเป็นห่วงก็ได้

เพราะการมีผู้เข้าร่วมชุมนุมกันยืดเยื้อยาวนานถึงเกือบเดือนเช่นนี้อาจเกิดเหตุแทรกซ้อนได้โดยง่ายจากอารมณ์ของผู้ที่ไม่สมหวัง เมื่อเวลาผ่านพ้นไปนานกว่าที่คิด

กระนั้นเหตุการณ์ในกรุงเทพมหานครก็ยังไม่รุนแรงหรือร้ายแรงเท่ากับเหตุการณ์ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพียงแต่เหตุที่เกิดขึ้นถูกข่าวการชุมนุมในกรุงเทพฯ กลบเกือบหมด ไม่มีโอกาสขึ้นเป็นข่าวใหญ่พาดหัวหนังสือพิมพ์ในวันนี้ เว้นแต่ยังเป็นความเคลื่อน ไหวในรายการข่าวโทรทัศน์

ระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจในกรุงเทพมหานครต้องเตรียมพร้อมรับมือกับการจลาจล ซึ่งไม่น่าจะเกิดขึ้นจริง ตำรวจ อาสาสมัคร และทหาร ต้องรับมือกับการก่อความไม่สงบที่เกิดขึ้นจริง บาดเจ็บจริง เสียชีวิตจริงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้

แม้เรื่องของการไม่เห็นด้วยในทางการเมืองไม่ว่าจะเกิดจากกรณีใด ก็ไม่ทำให้เกิดความรุนแรง ยกเว้นที่มีความรุนแรงด้วยเหตุอันจะทำให้ชาติบ้านเมืองต้องล่มจม หรือการทำให้ความเป็นธรรมเสื่อมสูญไป

เช่น กรณีเกิดเหตุเมื่อ 14 ตุลา 16 ซึ่งผู้ใช้อำนาจรัฐกระทำการรุนแรงกับผู้เรียกร้องรัฐธรรมนูญซึ่งฝ่ายปกครองใช้วิธีการจับกุมและไม่ให้ประกันตัว กระทั่งมีการเรียกร้องความเป็นธรรมนั้น จนกลายเป็นเหตุบานปลายใหญ่โต กระทั่งต้องใช้กำลังทหารออกมาปราบปรามประชาชน

อย่างนั้นเป็นเพราะระบบการเมืองไม่เอื้อกับสภาพความเป็นจริง

ผิดกับ ณ ขณะนี้ สถานการณ์ของบ้านเมือง ยังพอมีกฎเกณฑ์ที่จะปฏิบัติให้เกิดความชอบธรรมได้ในระบอบประชาธิปไตย แต่พรรค การเมืองและนักการเมืองบางคนไม่เลือกใช้ กลับเลือกใช้วิธีการปลุกระดมให้ประชาชนลุกขึ้นมาโค่นล้มระบอบที่ยังพอมีทางลงได้ด้วยดีโดยไม่เสียเลือดเนื้อ

ทำไมนักการเมืองบางคนบางพวกจึงมองว่าศัตรูของระบอบประชาธิปไตยคือคนเพียงคนเดียว

ทำไมไม่มองว่าการเมืองของประเทศไทยควรจะเดินไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยที่แท้ได้อย่างไร

ด้วยสันติวิธี และเหตุผลที่ถูกที่ควรไม่ดีกว่าหรือ