หากนับจากยุค “เขาทราย แกแล็คซี่” ซึ่งไม่เกี่ยวกับ “ซัมซุง แกแล็คซี่” ไปจนถึงยุค “สามารถ พยัคฆ์อรุณ” รวมทั้ง “รัตนพล ส.วรพิน” แล้ว จากนั้นมาก็เรียกได้ว่า วงการมวยสากลไทยเรา ยังไม่มีแชมป์โลกที่มีชื่อเสียงขจรขจาย เป็นขวัญใจที่ยิ่งใหญ่ของคนไทยเราอีกเลย
พร้อมๆ กับความซบเซาของวงการมวยบ้านเราโดยรวมด้วย
จนกระทั่งมี “ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น” ที่เพิ่งไปคว้าแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์ฟลายเวต ของสภามวยโลกหรือดับเบิลยูบีซี ล่าสุดนี่แหละ
ที่คาดหวังกันว่า อาจจะเป็นขวัญใจของไทยเราคนใหม่
และอาจจะปลุกความคึกคักของแวดวงหมัดมวยในบ้านเราให้ฟื้นกลับมาได้!
อีกทั้งไม่ใช่แค่มวยสากลระดับโลกเท่านั้น ที่ในช่วงระยะหลัง แทบไม่มีคนไทยเราพูดถึง
แวดวงมวยไทย ไม่ว่าจะเป็นราชดำเนิน ลุมพินี หรือเวทีอื่นๆ ก็ขาดมวยไทยระดับแม่เหล็ก ที่ดึงดูดให้คนแห่กันมาสนใจได้อีก
เวทีมวยไทยดังๆ วันนี้ จะมีแค่แฟนพันธุ์แท้จริงๆ หรือเซียนที่เล่นได้เสียเป็นหลัก ส่วนนักดูมวยไทยวงกว้าง บางตาไปมาก
บางเวทีดัง ก็ย้ายสถานที่ เลยทำให้แฟนมวยฝรั่งต่างชาติที่บินมาเที่ยวและสนใจศิลปะแม่ไม้มวยไทย ก็ตามไปดูไม่ไหวอีก
แถมความเหี่ยวเฉายังรวมไปถึงนักชกเสื้อกล้ามด้วย
วงการมวยสากลสมัครเล่นของเรา ที่ไปคว้าเหรียญระดับโลก แทบไม่มีให้เห็นแล้ว
นี่คือความเป็นจริงของแวดวงกีฬาบ้านเรา ที่ยุคนี้กลายเป็นยุคทองของฟุตบอลอย่างสิ้นเชิง
ทั้งบอลลีกในไทย บอลทีมชาติที่สร้างผลงานยอดเยี่ยมระดับอาเซียน ยิ่งบอลนอก อังกฤษ สเปน เยอรมัน ดูกันทั้งบ้านทั้งเมือง
ดังนั้น การไปคว้าแชมป์มวยโลก ของ “ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น” จึงเป็นเหมือนการปลุกตลาดมวยในบ้านเราให้ฟื้นจากหลับใหล
ยิ่งบุกไปชนะบนสังเวียน “เมดิสัน สแควร์ การ์เดน” ถือว่าเท่สุดๆ
ทั้งเป็นการกระชากเข็มขัดมาจากเอวของนักชกเบอร์ 1 ของโลกในยุคนี้ ไม่ต้องมีข้อสงสัยใดๆ ว่า ทำไมชัยชนะนี้จึงยิ่งใหญ่
อนาคตข้างหน้า ยังจะต้องรักษาแชมป์เอาไว้ให้ได้ต่อไป และพิสูจน์ความเป็นนักมวยสากลขวัญใจชาวไทยคนใหม่ให้ได้!
ดังนั้นวิถีชีวิต การเงินการทอง จะต้องไม่ทำให้กลายเป็นอุปสรรคต่อความคงเส้นคงวา
จึงน่ายินดีที่เจ้าตัวอยากเข้ารับราชการ เพื่อความมั่นคงในชีวิต และมีความใฝ่ฝันจะเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์
ทั้งคงไม่ผิดหวัง เมื่อพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. สั่งจัดให้ทันที
สั่งตรวจสอบคุณสมบัติจนถือว่าชัดเจนสอบผ่าน
พร้อมรับแชมป์โลกเข้าเป็นข้าราชการตำรวจคนใหม่!