เพิ่งตั้งพรรคได้ไม่นาน ลงเล่นการเมืองลงสนามเลือกตั้งครั้งแรก ได้รับชัยชนะท่วมท้น แต่พร้อมๆ กันก็โดนดำเนินคดีที่เห็นต้นตอความเป็นมาโจ่งแจ้งมากมาย หลายคดี ไปๆ มาๆ ในวันนี้ ทั้งนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และนายปิยบุตร แสงกนกกุล หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่
จึงกลายเป็นนักการเมืองคนรุ่นใหม่ ที่มีชื่อเสียงไปในระดับโลก-ระดับสากลแล้ว
แวดวงนักการทูตในประเทศไทย จึงต้องส่งตัวแทนออกติดตามสังเกตการณ์คดีของ 2 คนนี้อย่างใกล้ชิด
ส่วนหนึ่งเป็นการรวบรวมข้อมูลรายงานข่าวตรงไปยังรัฐบาลของแต่ละประเทศ ที่ให้ความสนใจกับนักการเมืองใหม่ 2 รายนี้เป็นพิเศษ
และอีกส่วนอาจเป็นการแสดงท่าทีของรัฐบาลประเทศต่างๆ โดยเฉพาะในชาติตะวันตก
โลกแห่งเสรีภาพ ประชาธิปไตย!
อย่างคดีถือหุ้นสื่อที่นายธนาธร โดนกกต.ตั้งข้อกล่าวหาเอาจริงเอาจังอย่างมาก กำลังถูกทั้งสังคมวิจารณ์กันอย่างหนัก
เพียงแค่ประเด็นง่ายๆ ว่าเป็นบริษัทที่ไม่ได้ทำกิจการสื่อมาแล้ว 2 ปี ทั้งบริษัทนี้ไม่ได้มีบทบาทอะไรเลยในช่วงการหาเสียงเลือกตั้งที่ผ่านมา
ในแง่เจตนารมณ์กฎหมาย ก็ไม่น่าจะเข้าข่ายอยู่แล้ว
กลับมาเอาจริงเอาจังกับวันเวลาการโอนหุ้น จึงคล้ายเล่นกันจุกจิกเพื่อจะขยายเอาผิดกันให้ได้!!
ยังไม่รู้ว่าผลจะลงเอยเช่นไร นายธนาธรจะโดนอะไรหนักหนาสาหัสหรือไม่
แต่มุมมองของสังคมในคดีนี้ ไปอีกเรื่องแล้ว มองเป็นเรื่องการเมืองไปแล้ว
มีการเปรียบให้เห็นถึงกรณีทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ โดนคดี จนต้องหลบหนีออกไปนอกประเทศ แต่ไปไหนมาไหนได้สะดวกสบาย ไม่เคยมีรัฐบาลประเทศไหนให้ความร่วมมือจับตัวส่งกลับมาให้ไทย
เพราะทั่วโลกมองว่า เป็นคดีที่มีเบื้องหลังทางการเมือง ไม่ใช่คดีทุจริตตามตัวอักษรข้อกล่าวหา
ส่วนธนาธรและปิยบุตร เบื้องหน้าเบื้องหลังยังใสกว่าทักษิณ-ยิ่งลักษณ์มาก
ไม่มีเครือข่ายธุรกิจส่วนตัวเข้ามาพัวพันการเมือง
แถมทำพรรคการเมืองแนวคิดอุดมการณ์แหลมคมชัดเจน จนเป็นที่ยอมรับของคนรุ่นใหม่หลายล้าน
ไปจนถึงคนรุ่นใหญ่ที่เห็นว่านี่จะเป็นพรรคการเมืองที่ยกระดับประชาธิปไตยไทยได้
ดังนั้นคดีที่ธนาธร-ปิยบุตร โดนกระหน่ำวันนี้ ชัดเจนยิ่งกว่าทักษิณ-ยิ่งลักษณ์อีก
ยกเว้นคนที่หวาดผวาการเปลี่ยนแปลงของสังคม เท่านั้น
นอกนั้นคนส่วนใหญ่ทั้งในบ้านเราและ ทั่วโลกจึงรู้ดีว่า คำว่าคดีคดโกงนั้นตลก ขำขันมากกว่า!