เปิดเบิ่ง

วิรัช โรจนปัญญา
เปิดเบิ่ง วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2561

ถือเป็นการตอกย้ำให้เห็นกันอีกครั้งว่า กลยุทธ์เขี่ยบิ๊กป้อมเพื่อปกป้องบิ๊กตู่นั้น เป็นเรื่องยากที่จะประสบความสำเร็จ โดยเหตุการณ์ล่าสุดที่เน้นย้ำให้เห็นก็คือ กรณี “หมอธี” นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ที่ไปพูดจากับนักเรียนไทยในอังกฤษ และพูดคุยกับนักข่าวบีบีซีอย่างเข้มข้นดุดัน

ชูหลักการหนักแน่นแข็งกร้าว แต่พอกลับมาถึงเมืองไทย กลายเป็นหมดสภาพ

ต้องเอ่ยคำขอโทษบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ

ยอมรับว่าพูดจาอย่างผิดมารยาทในฐานะผู้ร่วมครม. รวมทั้งจะนั่งทำงานเป็นรัฐมนตรีต่อไป ไม่มีลาออก

ขอยุติเรื่องราวทั้งหมด ไม่วิพากษ์วิจารณ์อะไรต่อไปอีก เสมือนว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น

ที่แน่ๆ งานนี้บิ๊กป้อมได้แต่อมยิ้ม ขณะที่หมอธีนั้น สูญสิ้นอะไรต่อมิอะไรไปมากมายหลายอย่าง!

ขณะเดียวกัน ผู้ที่มีบทบาทในการหย่าศึกครั้งนี้และร่วมหารือจนลงเอยเป็นทางออกเช่นนี้ ก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช.

เรียกหมอธีเข้าพบ ปิดห้องพูดคุยเครียด

ก่อนที่รัฐมนตรีศึกษาจะออกมาแถลงขอโทษและยอมรับผิดมารยาท

แสดงให้เห็นว่า ในรัฐบาลนี้ต้องให้ความเคารพนับถือพี่ใหญ่

แถมก่อนหน้านั้นไม่นาน พล.อ.ประยุทธ์ก็เพิ่งปล่อยประโยคเด็ดต่อหน้าประชาชนว่า

“อย่ารักผมคนเดียว รักรองนายกฯของผมด้วย”

ยืนยันให้เห็นชัดเจนว่า คู่นี้กอดคอร่วมกันมาตลอดและไม่ทิ้งกันเด็ดขาด

ประเภทมองปัญหาอย่างซื่อใสว่า บิ๊กป้อมทำเสียคนเดียว บิ๊กตู่ไม่เกี่ยว บิ๊กตู่ไม่ใช่คนอย่างนั้นเลย

เลิกพูดได้แล้ว!

ทั้งหลายทั้งปวง ในแง่ของประชาชนทั่วไป ที่วิพากษ์วิจารณ์ปัญหาของรัฐบาลคสช.นั้น จะไม่เลือกว่ารักคนนี้ ตีคนนั้น

เพราะมันเป็นปัญหาของระบบรัฐบาลทหารทั้งระบบ ยิ่งอำนาจอยู่ในมือคนกลุ่มเดียว ยิ่งยาก ต่อการแตะต้องตรวจสอบ!

แต่สำหรับคนรักรัฐบาลทหาร ห่วงรัฐบาลทหาร เพราะไปเรียกทหารออกมาเป็นรัฐบาลเอง กำลังกระอักกระอ่วน

ผนวกเข้ากับเครือข่ายคนกันเอง ที่ขัดแข้งขัดขากับรัฐบาลคสช. ก็เดินเครื่องเขี่ยบิ๊กป้อมอย่างเต็มกำลัง

เอาบิ๊กป้อมเป็นเป้า เพื่อกันบิ๊กตู่ออกมา

แต่เอาเป็นว่ากลยุทธ์นี้เป็นไปไม่ได้แล้ว

มีกรณีหมอธีที่หมดสภาพไปเรียบร้อยแล้วเป็นตัวอย่างล่าสุด!