เปิดเบิ่ง

วิรัช โรจนปัญญา
เปิดเบิ่ง วันที่ 18 ตุลาคม 2557

ฉันสู้ ถากถาง สร้าง ทาง ทำไม

ฉันสร้าง เพื่อใคร ก็ ใคร เป็น แรง ผลักดัน

นอกจากแรงใจที่ให้กับฉัน

ยังร่วมกันฝัน สร้าง สรรค์ สิ่ง ปรารถนา

ฟังเพลงนี้แล้วแทนที่จะนึกถึง สุเทพ วงศ์กำแหง ผู้ขับร้องเพลงนี้ไว้ด้วยความซาบซึ้งตรึงติดหัวใจแฟนเพลงทั่วประเทศ ผมกลับดันไปนึกถึงเพื่อนเก่าคนหนึ่ง ที่ไม่ได้พบหน้าค่าตากันมาหลายปีแล้ว เป็นภาพของผู้ชายหน้าตาหล่อ ลักษณะดี สวมกางเกงยีนส์เสื้อเชิ้ตแขนสั้น ช่างพูดช่างคุย ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสตลอดเวลา

สัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของผู้ชายคนนี้คือ ตัดผมสั้นเกือบติดหนังศีรษะ ซึ่งก็เข้ากับใบหน้าของเขาได้ดี แล้วเขาก็เป็นคนชอบตัดผมเสียด้วย เดือนหนึ่งบางทีไปตัดผมถึง 2 ครั้ง

ผู้ชายคนนี้คนเก่าๆ ของแอล.เอ.รู้จักเขาทุกคน เพราะเขาเป็นคนน่ารักสำหรับคนที่เป็นเพื่อนที่สุดในโลก แต่จะเป็นคนที่น่ากลัวยิ่งกว่าพระกาฬสำหรับคนที่เป็นศัตรู

ชีวิตของเขาตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยกลัวใคร ไม่เคยแพ้ใคร นักเลงใหญ่ นักเลงเล็กทุกคนยกมือไว้เขา ด้วยความเคารพ และนับถือหัวใจที่แกร่งเกินหินของเขา

ผมกำลังพูดถึง “ลูกผู้ชายใจนักเลง” ที่ไม่เคยข่มเหงใคร แต่ก็ไม่เคยให้ใครมาข่มแหงน้ำใจตัวเองเหมือนกัน

ชัยชาญ พูนโสภิน หรือ “อ๊อดดี้” เป็นชื่อของเขาครับ

เรารู้จักกันมาหลายสิบปี จากคนที่เคมีไม่ค่อยตรงกันเท่าไหร่นัก พอได้พูดคุยกันไปก็เริ่มสนิทสนมรักใคร่กัน คบกันด้วยใจ ถึงขนาดหยิบยืมเงินจำนวนหมื่นดอลลาร์กันได้ (มีแต่ผมขอยืมเขานะครับ) เราคบกันมานาน บางครั้งก็นัดไปทานอาหารจีนกันที่ไชน่าทาวน์อยู่บ่อยๆ

“อ๊อดดี้” อยู่กับภรรยาที่แสนจะน่ารักชื่อ “พี่นวล” ในบ้านหลังใหญ่ลำพังเพียง 2 คน เขาฝากท้องไว้ตามร้านอาหารเกือบทุกแห่ง ร้านไหนทำอะไรอร่อยเป็นต้องเจอ “อ๊อดดี้” กับ “พี่นวล” เกี่ยวก้อยกันไป 2 คน ตามประสาผัวหนุ่มเมียสาว ไม่ว่าจะเดินเข้าไปร้านไหน เจ้าของร้านและพนักงานจะต้องรีบออกมาต้อนรับขับสู้อย่างแข็งขัน เพราะ “อ๊อดดี้” เป็นคนที่มีเมตตากรุณา และเข้าใจในชีวิตของคนไทยในต่างแดนอย่างลึกซึ้ง เขาทานอาหารเพียง 30-40 เหรียญ แต่เรียกเด็กมาให้ทิปคนละ 20 เหรียญ มี 3 คน ก็ให้ไป 60 เหรียญ ถ้ามี 5 คน ก็ให้ไป 100 เหรียญ เขาจึงเป็นขวัญใจของร้านอาหารทุกแห่ง

แหล่งสำราญที่ถูกใจ “อ๊อดดี้” มากที่สุดก็คือไทยแลนด์พลาซ่า เขามาได้ชนิดวันเว้นวัน หรือบางทีก็ไม่เว้นแม้แต่วันเดียว ในขณะที่ไทยแลนด์พลาซ่ามีดนตรีและนักร้องกล่อมบรรเลงให้ฟังทุกวัน เวลาเขามาก็จะโทรศัพท์เรียกเพื่อนๆ และน้องๆ มาร่วมทานอาหารด้วย

เครื่องดื่มยอดฮิตที่ทุกคนรู้ดีว่า “อ๊อดดี้” ขาดไม่ได้คือ บรั่นดียื่ห้อ “Remy Martin” ที่ดื่มได้ทั้งคืนจนคนที่มาร่วมทานอาหารพลอยติดบรั่นดียี่ห้อนี้ไปตามๆ กัน

วันไหนที่เขาดื่มมากจนได้ระดับ “อ๊อดดี้” ก็จะขอขึ้นไปร้องเพลงบนเวที และเพลงที่เขาร้องมาตั้งแต่หนุ่มจนแก่ก็คือเพลง “น้ำตาคลอ” ของ สุเทพ วงศ์กำแหง เพลงนี้เพลงเดียว ไม่เคยเปลี่ยนแปลง

4-5 ปีนี้ “อ๊อดดี้” หายหน้าหายตาไปจนแทบไม่ได้ข่าวคราวของเขา ถามเพื่อนสนิทรุ่นน้องของเขา “วิลลี่” วรวิทย์ วัฒนวงศ์คีรี ก็ได้คำตอบว่า “พี่อ๊อด เขาบ่นว่าอายุมากแล้ว ไม่อยากออกไปข้างนอกบ่อยๆ ตอนนี้ก็เลยเรียกเพื่อนๆ ไปทานข้าวเคล้าสุรากันที่บ้านเป็นประจำ เพราะเมาเมื่อไหร่ก็นอนได้ทันที”

ฟังเพลง “น้ำตาคลอ” แล้วยิ่งทำให้ผมคิดถึง “อ๊อดดี้” มากยิ่งขึ้น มันมีความรู้สึกเหมือนกับว่า ผมพลัดพรากจากผู้หญิงที่เคยรักมาไกลแสนไกล จนไม่ได้พบกัน

“พี่นวล” อย่าหึงผมละครับ