กลายเป็นว่ารัฐบาลยอมถอย แต่ม็อบกลับไม่ยอม
แม้ว่านายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประกาศชัดเจนแล้วว่ารัฐบาลไม่เอาพ.ร.บ.นิรโทษเหมาเข่งหรือ สุดซอย
แม้ว่านายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา เรียกประชุมวุฒิฯ เพื่อมีมติไม่รับร่างสุดซอย
แม้ว่านายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทยการันตีเช่นกันว่า ถ้าวุฒิสภาลงมติไม่รับร่างกฎหมายฉบับนี้ และส่งคืนมายังสภาผู้แทนฯ ส.ส.เพื่อไทยจะไม่หยิบขึ้นมาพิจารณาใหม่
จะปล่อยให้กฎหมายฉบับนี้ตกไป
ล่าสุดสภาผู้แทนฯ ก็ลงมติ ให้ถอนร่างพ.ร.บ.ทั้ง 6 ฉบับ ออกแล้ว
เป็นท่าทีที่ชัดเจนว่าถอยร่นจากสุดซอยมาอยู่ที่ ปากซอย
แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับจากแกนนำม็อบทั้งหลาย
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำผู้ชุมนุมราชดำเนินกลับขึ้นเวทีปราศรัย ประกาศระดมม็อบใหญ่ 6 โมงเย็น 11 พ.ย.นี้ บอกว่าให้มากันเป็นล้านๆ คน
แกนนำม็อบอุรุพงษ์เคลื่อนมวลชนไปปักหลักที่มัฆวาน ม็อบสวนลุมก็ไปชุมนุมที่ผ่านฟ้า
เปิดฉากรุกคืบ หวังล้อมกรอบทำเนียบ
ทั้งที่เงื่อนไขการระดมมวลชน คือการต่อต้านพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับเหมาเข่ง-สุดซอย
ไม่ยอมนิรโทษให้ทักษิณ
ท่าทีไม่ตอบรับของม็อบ ก็ชัดเจนว่า "ไม่จบ"
การรณรงค์เรียกคนออกมากันเยอะๆ แบบนี้ เป้าหมายคงไม่ใช่พ.ร.บ.นิรโทษแล้ว
หากมีการยกระดับการชุมนุมเป็นขับไล่รัฐบาลแทน
ก็ต้องถามกลับไปว่าจะใช้เหตุผลอะไร
เพราะพ.ร.บ.นิรโทษเหมาเข่ง-สุดซอยนั้น รัฐบาลยอมถอย สั่งถอนหมดทั้ง 6 ร่าง
จะมาอ้างว่าไม่เชื่อ คงฟัง ไม่ขึ้น
ฉะนั้น ถ้าดันทุรังชุมนุมกันต่อ
จะเกิดคำถามว่าจุดมุ่งหมายการชุมนุมครั้งนี้มีอะไรซ่อนเร้นหรือไม่
ความไม่ตรงไปตรงมาจะกลายเป็นถูกสังคมปฏิเสธเช่นเดียวกัน เหมือนกับที่ฝ่ายรัฐบาลโดนมาก่อนแล้ว!