เปิดเบิ่ง

วิรัช โรจนปัญญา
เปิดเบิ่ง วันที่ 9 พฤศจิกายน 2556

กลายเป็นว่ารัฐบาลยอมถอย แต่ม็อบกลับไม่ยอม

แม้ว่านายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประกาศชัดเจนแล้วว่ารัฐบาลไม่เอาพ.ร.บ.นิรโทษเหมาเข่งหรือ สุดซอย

แม้ว่านายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา เรียกประชุมวุฒิฯ เพื่อมีมติไม่รับร่างสุดซอย

แม้ว่านายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทยการันตีเช่นกันว่า ถ้าวุฒิสภาลงมติไม่รับร่างกฎหมายฉบับนี้ และส่งคืนมายังสภาผู้แทนฯ ส.ส.เพื่อไทยจะไม่หยิบขึ้นมาพิจารณาใหม่

จะปล่อยให้กฎหมายฉบับนี้ตกไป

ล่าสุดสภาผู้แทนฯ ก็ลงมติ ให้ถอนร่างพ.ร.บ.ทั้ง 6 ฉบับ ออกแล้ว

เป็นท่าทีที่ชัดเจนว่าถอยร่นจากสุดซอยมาอยู่ที่ ปากซอย

แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับจากแกนนำม็อบทั้งหลาย

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำผู้ชุมนุมราชดำเนินกลับขึ้นเวทีปราศรัย ประกาศระดมม็อบใหญ่ 6 โมงเย็น 11 พ.ย.นี้ บอกว่าให้มากันเป็นล้านๆ คน

แกนนำม็อบอุรุพงษ์เคลื่อนมวลชนไปปักหลักที่มัฆวาน ม็อบสวนลุมก็ไปชุมนุมที่ผ่านฟ้า

เปิดฉากรุกคืบ หวังล้อมกรอบทำเนียบ

ทั้งที่เงื่อนไขการระดมมวลชน คือการต่อต้านพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับเหมาเข่ง-สุดซอย

ไม่ยอมนิรโทษให้ทักษิณ

ท่าทีไม่ตอบรับของม็อบ ก็ชัดเจนว่า "ไม่จบ"

การรณรงค์เรียกคนออกมากันเยอะๆ แบบนี้ เป้าหมายคงไม่ใช่พ.ร.บ.นิรโทษแล้ว

หากมีการยกระดับการชุมนุมเป็นขับไล่รัฐบาลแทน

ก็ต้องถามกลับไปว่าจะใช้เหตุผลอะไร

เพราะพ.ร.บ.นิรโทษเหมาเข่ง-สุดซอยนั้น รัฐบาลยอมถอย สั่งถอนหมดทั้ง 6 ร่าง

จะมาอ้างว่าไม่เชื่อ คงฟัง ไม่ขึ้น

ฉะนั้น ถ้าดันทุรังชุมนุมกันต่อ

จะเกิดคำถามว่าจุดมุ่งหมายการชุมนุมครั้งนี้มีอะไรซ่อนเร้นหรือไม่

ความไม่ตรงไปตรงมาจะกลายเป็นถูกสังคมปฏิเสธเช่นเดียวกัน เหมือนกับที่ฝ่ายรัฐบาลโดนมาก่อนแล้ว!