เปิดเบิ่ง

วิรัช โรจนปัญญา
เปิดเบิ่ง วันที่ 11 มกราคม 2557

เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ผมเคยฟังนักร้องสาวคนหนึ่ง ร้องเพลงที่ห้องอาหารตาลเดี่ยว ซึ่งเดี๋ยวนี้เปลี่ยนมาเป็น ห้องอาหารระเบียงไทย เธอเป็นนักร้องที่กำลังเริ่มมีชื่อเสียงในประเทศไทย ในนาม “เยื่อไม้” อันมีนักร้องคู่หญิง-ชาย อรวี สัจจานนท์ กับ วิระ บำรุงศรี

ยอมรับว่า ผมหลงใหลในน้ำเสียงของเธออย่างมาก ว่างเมื่อไหร่เป็นต้องไปนั่งฟังเธอร้องเพลงที่ตาลเดียวเกือบทุกวัน จนสมนึก กลิ่นสุคนธ์ ผู้เป็นเจ้าของในขณะนั้น เย้าเอาว่า “ผมมาติดนักร้องหรือยังไง”

อรวี เป็นคนร้องเพลงเพราะทุกเพลง และทุกประเภท ฟังเธอร้องกี่เพลงๆ ก็ไม่รู้จักเบื่อ เพราะเธอเปลี่ยนแนวเพลงไปเรื่อยๆ จนคนฟังต้องตื่นตาตื่นใจ คอยฟังว่า เธอจะเปลี่ยนไปร้องเพลงประเภทไหนต่อไป เพราะเธอสามารถร้องเพลงได้ดีทั้งเพลง ลูกทุ่ง ลูกกรุง เพลงเพื่อชีวิต เพลงหมอลำ และเพลงในจังหวะต่างๆ ฟังได้ลื่นหูไม่ระคายเคืองเลยแม้นแต่น้อย

อรวี ร้องเพลงๆ หนึ่งที่ผมซึ้งใจมาก เพราะฟังเสียงเธอร้องแล้วมันมองเห็นภาพของผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ถูกผู้ชายรังแกโดยไม่มีทางสู้ เพลงนั้นครูเอื้อ สุนทรสนาน เป็นผู้ประพันธ์ทั้งเนื้อร้อง และทำนอง เมื่อก่อนนี้ มัณฑนา โมรากุล เป็นผู้ขับร้องไว้ ต่อมาก็มีศิลปินหลายท่านเอามาร้อง รวมทั้ง อรวี สัจจานนท์ด้วย

ครูเอื้อเปรียบ “ดอกจันทร์กะพ้อ” เหมือนกับผู้หญิงที่บริสุทธิ์คนหนึ่ง ต้องมาได้รับความเจ็บช้ำ จากการกระทำของผู้ชาย ลองดูเนื้อเพลงกันซิครับ


...ดอกจันทร์กะพ้อ..ร่วงพรู
เจ้ามิใช่ร่วงสู่
แผ่นดินแห่งไหนโดยง่าย
ลมพา..เอากลีบกระจาย
ร่วงปลิวพร่างพริ้วพราย
ไม่มีที่หมายใด
ดูดังฝูงผึ้ง.แตกรัง
เมื่อไร้..กำลังหล่นก็ลงฝังทั่วไป
ไร้ผู้..จะเหลียวใส่ใจ
ไม่มีใครที่ไหน
เก็บเอาไปเพื่อไว้บูชา
...บาง..กลีบเขาเหยียบลง
แหลกเป็นผงอย่างไร้.เมตตา
กลีบจมแผ่นดินสิ้นสูญราคา
กลิ่นนั้นหนา
ยังหอมเป็นค่าผูกพัน
..จันทร์กะพ้อคือเหล่าสตรี
มี.ราคี
เพราะชายขยี้พรหมจรรย์
ความสาวแหลกเหลวสิ้นกัน..
ไร้.ค่าผูกพัน
เหมือนจันทร์กะพ้อร่วง..พรู
..ฮือ.......

ทราบว่า อรวี สัจจานนท์ จะมาพบกับแฟนเพลงชาวไทยในแอล.เอ. ที่ไทยแลนด์พลาซ่า ในวันเสาร์ที่ 18 มกราคมนี้ เลยอยากเชิญชวนผู้ที่ชอบเสียงร้องของเธอ มาให้กำลังใจกับนักร้องสาว “เสียงระฆังแก้ว” คนนี้

ให้เธอได้ทราบว่า คนแอล.เอ. ก็รัก “อรวี” เกือบทุกคน