ความรัก ความชอบ ความนิยมของคนนั้น มันห้ามกันไม่ได้
ดูจากโพลเลือกตั้ง “ผู้ว่าฯกทม.” ตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบันนี้
พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. พรรคเพื่อไทย คะแนนนำลิ่วมาตลอด โดยมี ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลย 16 พรรคประชาธิปัตย์ ตามติดมาเป็นที่ 2 แต่เปอร์เซ็นต์ยังห่างกันมากถึง 11%
ผู้สมัครทุกคนต่างพยายามโชว์นโยบายต่างๆ ให้ประชาชนได้ตัดสินใจในการเลือกลงคะแนนเสียงให้ ใครที่มีนโยบายที่ดี มีคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติ และประชาชนก็จะได้รับเสียงต้อนรับค่อนข้างมากหน่อย จนทำให้ผู้สมัครเพียง 2 ค่ายจากพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น ที่อยู่ในสายตาของประชาชนทั่วไป ส่วนผู้สมัครหมายเลขอื่นๆ นั้นดูจะเงียบเหงา ไม่ค่อยได้อยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์เท่าไรนัก
น่าดีใจที่ผู้สมัครแต่ละคนชูนโยบายในการหาเสียง โดยไม่มีการพูดใส่ร้ายทับถมคู่แข่งแม้แต่น้อย
นักมวยสองคนชกกันอยู่บนเวที ทุกอย่างเป็นไปตามกติกาของมวยไทย โดยไม่รู้ว่าข้างล่างเวทีนั้น พี่เลี้ยงทั้งสองฝ่าย เขาทำอะไรกัน
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคที่ “คุณชายหมู” สังกัดอยู่ ช่วยลูกน้องหาเสียง อย่างชนิดหัวหกก้นขวิดกันทีเดียว แต่กลวิธีจับผิดคู่แข่งของพรรคประชาธิปัตย์ที่เคยใช้มาตลอด มาคราวนี้ไม่สัมฤทธิ์ผลเสียแล้ว
การใส่ร้ายป้ายสีคู่แข่งขัน หรือฝ่ายตรงข้าม โดยไม่มีหลักฐานมาชี้แจงแสดงให้เห็น ผลที่สุดตัวเองนั่นแหละจะเป็นฝ่ายรับกรรม และทำให้คะแนนเสียงของลูกพรรค ผู้สมัครแข่งขันเป็นผู้ว่าฯ กทม. คะแนนเสียงน้อยลงไป อย่างเห็นได้ในทันที ถ้าไม่เลิกใช้วิธีนี้ รับรองได้ว่า “คุณชายหมู” ไม่มีทางเอาชนะ “จูดี้” ได้หรอกครับ
วัชระเพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวเมื่อวันที่ 5 ก.พ. ที่รัฐสภา ตัวเองได้ยื่นเรื่องให้คณะกรรมาธิการกรมตำรวจและปปช.ตรวจสอบผลการปฏิบัติงานของ พล.ต.อ.พงศพัศ ในอดีต สมัยเป็นรอง ผบ.ต.ร. ได้เป็นผู้เซ็นสัญญา เช่ารถที่ใช้ในราชการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำไม พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงษ์ ซึ่งเป็น ผบ.ต.ร. ในขณะนั้นจึงไม่เซ็นสัญญาเอง จึงเป็นที่น่าสงสัยว่าจะมีลับลมคมในเบื้องหลังแน่นอน
คุณพี่ครับนี่เลือกผู้ว่าฯกทม. นะครับ ไม่ใช่เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร