ธรรมะสมสมัย

หลวงพ่อไสว ชมไกร



การพิจารณาความตาย

มรณัง คือขาดสิ้น ลมปราน
เหตุเพราะจิตวิญญาณ ลาร่าง
เรือนคือกายอยู่บ่นาน ธรรมชาติ กำหนด
นามปรากฏยศค้าง มอบไว้ภายหลังฯ


เกี่ยวกับชีวิต

ชีวิตเป็นสิ่งเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และสุดท้ายก็ดับไป พระพุทธเจ้าพระองค์ทรงตรัสไว้ว่า "เป็นเรื่องธรรมดา" เมื่อเกิดมาแล้วนั้น ย่อมต้องมีความแก่ มีความเจ็บไข้ไม่สบาย และมีความตาย เป็นธรรมดา ชีวิต คือความเป็นอยู่ เมื่อเป็นอยู่ได้จึงเรียกว่ามีชีวิต เมื่อยังมีชีวิตอยู่ก็ต้องต่อสู้กันต่อไป "ผู้เข้มแข็งเท่านั้นที่จะอยู่รอดในโลกใบนี้ได้ ส่วนผู้อ่อนแอก็ต้องกลับคืนสู่ธรรมชาติไปเป็นธรรมดา" ชีวิตสุดท้าย คือ ความตาย คำว่าตายคือ การสิ้นลมหายใจ

ชีวิต - คือ ลมหายใจ

ชีวิต - เป็นอยู่ด้วยลมหายใจ

ชีวิต - เป็นสิ่งเปราะบาง

ชีวิต - เป็นอนัตตา - มีอยู่จริงในความไม่มี


รู้ตัวก่อนตาย

การเจริญสติ ระลึกรู้ว่าภัยย่อมเกิดขึ้นกับ ชาติ ชรา มรณะ นี้เป็นแน่แท้ สัมปชัญญะย่อมเป็นธรรมคู่กัน เหมือนจิตกับเจตสิก เหมือนร่างกายปรากฏขึ้นเช่นไร เงาย่อมปรากฏขึ้นฉันนั้น ดังนั้นการเจริญสัมปชัญญะนั้น คือเมื่อมีสติระลึกได้ สัมปชัญญะก็เกิดความรู้ตัวทั่วพร้อมนั้นเอง ตัวอย่างคือ

1) สาตถกสัมปชัญญะ คือ การกำหนดพิจารณาก่อนที่จะกล่าวสิ่งใดๆ ที่ควรพูดสั่งเสียว่า นี้เป็นประโยชน์หรือไม่ ?

2) โคจรสัมปชัญญะ คือ การกำหนดรู้ปัจจุบันภาวะที่ประสบว่า นี้ปรากฏในปัจจุบัน เกิดขึ้นเอง หรือได้นึกคิดปรุงแต่งสร้างขึ้นหรือไม่ ?

3) สัปปายสัมปชัญญะ คือ อาการของจิตที่ควรยกขึ้นอยู่ให้เหนือความทุกขเวทนาที่กำลังเป็นอยู่ เป็นการพยายามควบคุมการกำหนดสติ ระลึกรู้อารมณ์ทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ โดยไม่ กดดัน อารมณ์ใด ๆ ที่เกิดขึ้น ปล่อยให้เป็นธรรมารมณ์โดยแท้

4) อสัมโมหสัมปชัญญะ คือ การกำหนด รู้ปัจจุบันขณะ ธุระกิจใด ความตั้งใจใด อุดมการณ์ใด ที่เคยตั้งใจไว้ ให้รู้วาง ปล่อยวาง รู้ว่าวาง ถ้ารู้วาง ก็รู้เบา ความเบาเกิดอยู่กับปัจจุบันขณะ อย่างนี้เรียกว่าไม่หลงตาย การกำหนดว่า อารมณ์ที่พิจารณานี้เป็นสมมติบัญญัติ หรือเป็นปรมัตถ์ เห็นรูปนามหรือไม่ ? เป็นต้นฯ ตรงนี้ต่างหากที่จะบอกว่า "รู้ตัวก่อนตาย"


คาถาป้องกันความตาย

อัปปมัตตา นะ มียันติ แปลว่า (ผู้ไม่ประมาท ย่อมไม่ตาย)

ก่อนอื่นเราต้องมีสติ ตั้งสติไว้ให้มั่น นึกถึงกุศลผลแห่งบุญที่เคยสั่งสมทำไว้ เพราะเพื่อให้จิตของเรามีพลังที่จะต่อสู้กับมัจจุราช คือพระยม หรือ พยายมราช เจ้าแห่งความตาย ความตาย คำภีร์ทางพุทธศาสนากล่าวถึง มรณุปัตติ การเกิดขึ้นแห่งความตายไว้ คือ

อายุกขยมรณะ หมายถึง ตายเพราะสิ้นอายุ

กัมมักขยมรณะ หมายถึง ตายเพราะสิ้นกรรม

อุภยักขยมรณะ หมายถึง ตายเพราะสิ้นอายุและสิ้นกรรมทั้งสอง

อุปัจเฉทกมรณะ ตายเพราะประสบอุบัติเหตุ ขณะที่อายุและกรรมยังไม่ถึงกำหนด

เอาหละ..! ถ้าเรารู้ว่าจะตายแน่ ๆ ชีวิตรั้งเอาไว้ไม่อยู่ จริง ๆ ให้รวบรวมสัมปชัญญะ ความรู้ตัวทั่วพร้อม แล้วให้ภาวนา "พุทโธ พุทโธ" ตลอดทุกลมหายใจเข้า - ออก โบราณเชื่อกันว่าวิถีจิตจะไม่ตกไปสู่อบายภูมิ หรือจะท่องพระคาถาของหลวงพ่อไสว วัดทุ่งเศรษฐี ก็ได้ เมื่อรู้ว่าจะตายรีบท่องป้องกันทันที รับรองไม่มี "ตาย"

555 ล้อเล่นบ้างได้ไหม คาถาป้องกันความตายมีอยู่ว่า....อันนี้ล้อเล่นนะ " รู้ว่าจะตาย ให้หายใจเข้าไว้ เพราะเมื่อใดที่เรามีลมหายใจอยู่ เมื่อนั้นต้องเชื่อว่าเรายังไม่ตาย"


การพิจารณาชีวิตอยู่กับปัจจุบัน

การดำรงชีพอยู่ด้วยคุณธรรม มุ่งมั่นทำคุณงามความดี แม้ถึงคราวสูญเสียพลัดพราก จิตใจก็ย่อมไม่หวั่นไหว มรณานุสสติ การระลึกถึงความตายอยู่เสมอ ทำให้เราคลายความยึดติดทั้งสิ่งที่น่ายินดี "เมื่อชีวิตอยู่กับปัจจุบัน เราจะไม่หวั่นไหวกับความตาย"

ความตาย คือ นิรันดร์ นี่คือสิ่งที่ทุกคนจำต้องตระหนักไว้เสมอ แม้ผู้คนมากมายไม่อยากเผชิญ ไม่อยากพูดถึง แม้แต่จะคิดถึง แต่ทุกชีวิตก็หนีความตายไปไม่พ้น ดังนั้นการพิจารณาความตายด้วยความลุ่มลึกจึงน่าจะมีคุณค่าสำหรับชีวิตที่ยังอยู่ มรณะธัมโมมหิ มรณัง อะนะตีโต เรามีความตายเป็นธรรมดา จะล่วงพ้นความตายไปไม่ได้

"สัตว์ทั้งปวง ทั้งที่เป็นคนหนุ่ม คนแก่, ทั้งที่เป็นคนพาลและบัณฑิต, ทั้งที่มั่งมี และยากจน ล้วนแต่มีความตายเป็นที่ไปถึง ในเบื้องหน้า เปรียบเหมือนภาชนะดินที่ช่างหม้อปั้นแล้ว ทั้งเล็กและใหญ่ ทั้งที่สุกแล้ว และยังดิบล้วนแต่มีการแตกทำลายเป็นที่สุด ฉันใด, ชีวิตแห่งสัตว์ทั้งหลาย ก็มีความตายเป็นเบื้องหน้า ฉันนั้น"


วันพุธที่ 13 ธันวาคม 2560

ศาสนาสงเคราะห์ วันนี้ปฏิบัติศาสนกิจ ที่สุสานฮอลลีวูดฟอร์เอฟเวอร์ งานส่งสะการ ฌาปนกิจศพไม่มีญาติ ไม่มีพี่น้อง ที่มีผู้มาร่วมงานมากมายหลายท่านนั้น ล้วนเป็นเพื่อนร่วมงาน บางครั้งบางทีการพลัดบ้านเกิดเมืองนอนมาแสวงโชคในต่างแดนนั้น ก็ยอมรับหัวใจของทุกท่านที่ยืนหยัดสู้ชีวิต เพื่อตนเองเพื่อครอบครัว การพลัดพรากจากกันอย่างไม่มีวันหวนกลับ ต้องพึ่งคนผู้อยู่เบื้องหลัง ให้คอยฝากฝีฝากไข้ ดูแลชีวิตหลังความตายตามสมควรแก่ฐานะ ขออนุโมทนาเพื่อนร่วมงานทุกคนทุกท่าน โดยเฉพาะคุณกัน ร้านศรัทธา เมืองซานต้า มอนิก้า ขอบคุณแม่วันผู้เป็นธุระประสานงาน เป็นผู้จัดการดำเนินการหลายสิ่งหลายอย่าง ด้วยจิตอนุเคราะห์เอื้อเฟื้อโดยธรรม พวกเราได้ทำหน้าที่โดยมนุษยธรรม ที่จะดูแลกันในวาระสุดท้าย ในฐานะเพื่อนร่วมงาน เราเป็นญาติกันทุกคน นั่นคือญาติโดยธรรม หลวงพ่อบุญพิทักษ์ วัดพุทธปัญญาเมืองโพโมน่า ท่านบอกว่า

"แม้ไม่ใช่ชาติไช่เชื้อ หากมีการเอื้อเฟื้อ ก็เหมือนเนื้ออาตมา แม้เป็นชาติเป็นเชื้อ หากไม่มีการเอื้อเฟื้อ ก็เหมือนเนื้อในป่า"

วันนี้ หลวงพ่อไสว กล่าวธรรมมิกถา สวดมาติกาบังสุกุล ประกอบพิธี ฌาปนกิจอยู่จนแล้วเสร็จ จึงได้กลับ วันนี้โดยมีผู้ติดตามร่วมเดินทางประกอบด้วย หลวงพ่ออมโรภิกขุ หลวงพ่อบุญพิทักษ์ หลวงลุงพิสิษฐ์ ท่านอาจารย์ทรงชีพ สิงหดิลก ท่านอาจารย์สุพจน์ สารีบุตร และก็ญาติโยมที่นัดไปพบกันที่สุสานฮอลลีวูดฟอร์เอฟเวอร์ ขอทุกคนจงปลอดภัย บุญรักษา พระคุ้มครอง สาธุ รูปขอจำเริญพร