ขัดจิตใสยิ่งได้ จิตเดิม
ขัดยิ่งขัดยิ่งเติม ผ่องแผ้ว
ขัดใจยิ่งขัดเสริม ยากยุ่ง แท้เทียว
ขัดยิ่งขัดใจแล้ว ก่อให้ขุ่นเคือง ฯ
จำเริญพร ทักทายทักธรรมท่านทุกคน โลกโซเชียลนำเสนอเรื่องราวเยอะแยะมากมาย ที่เจริญจิตเจริญใจก็มีมาก ที่หดหู่ใจจก็มีเยอะ เรื่องที่ผลัดเพี้ยนก็มีเหตุให้นำมาศึกษาสาเหตุของปัญหาทางสังคม หรือเพราะทางจิตใจที่ไม่แข็งแรงต่อปัญหาต่างๆ นั้นด้วย ดูแล้วเลอะเทอะ มีทั้งจริยธรรมทางการเมือง ทางศาสนา ทางสังคม ลองมาทำกัมมัฏฐาน เจริญวิปัสสนา เจริญศีล สมาธิ ปัญญา ตั้งสติปิดสัญญาณมือถือค้นหาตนเอง ฟังเสียงธรรมชาติ อยู่กับเสียงลมพัดใบไม้ ใบหญ้า ฟังเสียงนก ฟังเสียงกา ฟังเสียงลมหายใจ นั่งกำหนดดูลมหายใจของตนเองบ้างสักพัก เริ่มจากวันละ 5 นาที 10 นาที โดยตั้งสติกำหนดไว้ที่ลมหายยใจเข้ารู้ ลมหายใจออกรู้ ร้อยหน พันหน ทำทุกวันๆ น่าจะเกิดอานิสงส์ยิ่งใหญ่แน่นอน อาตมาขอฟันธง
เพราะกุศลก็ดี อกุศลก็ดี ขอให้เราท่านทั้งหลายเป็นผู้กำหนด เป็นนั่งมองจิตที่เข้าไปสัมผัส ธรรมดาองผู้ปรพฤติธรรม มีความอดทนอดกลั้น ดูความเคลื่อนไหวของจิตของใจตนเองว่าจะรับการตอบสนองอารมณ์ไหน บางคนบางท่านก็ชอบเรื่องราวดีๆ นะ แต่เวลาคิด พูด ทำ มักมีนิสัยชอบสำแดงภาวะที่เป็นคำลามก ซึ่งเป็นคำที่จัดอยู่ในกลุ่มคำที่เป็นอกุศล ดังนั้นประครองตั้งจิตไว้ด้วยความเป็นกลาง ที่ได้ยินกันบ่อยๆ มัชฌิมาปฏิปทา คือทางสายกลาง
ในสัมมาทิฏฐิสูตร พระสารีบุตรอธิบายว่า อกุศล คือที่ตรงข้ามกับ กุศล เรียกง่ายๆ จัดว่าอกุศลเป็นทางบาป กุศลเป็นทางบุญ เลื้องต้น มีดังนี้
- ปาณาติบาต หมายถึง การทำชีวิตให้ตกล่วง
- อทินนาทาน หมายถึง การถือเอาของที่เขามิได้ให้ โดยอาการขโมย, ลักทรัพย์
- กาเมสุมิจฉาจาร หมายถึง ความประพฤติผิดในกาม
- มุสาวาท หมายถึง คำโกหก
- ปิสุณาวาจา หมายถึง คำส่อเสียด
- ผรุสวาจา หมายถึง คำหยาบ
- สัมผัปปลาปะ หมายถึง คำพูดเพ้อเจ้อ
- อภิชฌา หมายถึง การเพ่งเล็งอยากได้ของเขา
- พยาบาท หมายถึง การคิดร้ายผู้อื่น
- มิจฉาทิฐิ หมายถึง ความเห็นผิด
นี้เป็นรากเหง้าแห่งอกุศลข้างต้นเรียกว่า อกุศลมูล ได้แก่ โลภะ โทสะ และโมหะ พระสารีบุตรอธิบายสรุปว่า เมื่อใด พระอริยสาวกรู้ชัดอกุศลและรากเหง้าแห่งอกุศลอย่างนี้ รู้ชัดกุศลและรากเหง้าแห่งกุศลอย่างนี้ เมื่อนั้น ย่อมละอนุสัยคือราคะ บรรเทาอนุสัยคือปฏิฆะ ถอนอนุสัยคือทิฐิและมานะที่ว่า ‘เป็นเรา’ โดยประการทั้งปวง ละอวิชชาได้แล้ว ทำวิชชาให้เกิดขึ้น แล้วเป็นผู้ทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ในปัจจุบันนี้เอง ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ พระอริยสาวกก็ชื่อว่ามีสัมมาทิฏฐิ มีความเห็นตรง มีความเลื่อมใสอันแน่วแน่ในธรรม มาสู่พระสัทธรรมนี้
หลวงพ่อจึงว่า จิตนั้นยิ่งขัดยิ่งใส ใสกระทั่งเห็นจิตดั่งเดิม งามด้วยความไม่มีมายาสาเถยะ จิตยิ่งขัดยิ่งผ่องแผ้วงดงามประภัสสร เป็นแนวทางแห่งกุศล เรียกกุศลจิตกำเนิดเกิดขึ้นให้ใจเราเห็น ส่วนขัดใจยิ่งขัดยิ่งกำเริบความพยาบาทโกรธแค้น อันนี้จะว่าเล่นคำก็ยอมรับ ขัดจิตขัดใจ ทั้งๆ ที่ก็ขัดที่เดียวกันนั้นแหละหนา ขัดใจแม่เป็นอีกอารมณ์หนึ่ง ขัดใจนายก็อีกอารมณ์หนึ่ง ขัดใจผู้ร้ายใจทมิฬก็อีกอย่าง ก็เลยนำมาเสนอเป็นข้อคิดแนวธรรมเพื่อให้เกิดศีล เกิดธรรม แก่ทุกท่านที่ได้อ่านบทความธรรมัสมสมัยบ้างไม่มากก็น้อย รูปขอจำเริญพร
สำหรับท่านผู้มีจิตศรัทธาร่วมสนับสนุนบำรุ่งวัดพัฒนาด้านต่างๆ เช่น ช่วยค่าน้ำ ค่าไฟ ร่วมถวายวิหารทาน (ตอนนี้กำลังทำ PATIO ศาลาอเนกประสงค์อยู่นะมีกำลังก็ช่วยกันสมทบทุนจ้า) และอีกประการหนึ่งในวันที่ 7 มิถุนายน 2567 หลวงพ่อไสวจะพาพระธรรมทูตสายต่างประเทศ ที่ได้มาประจำอยู่จำพรรษากับทางวัดพระธาตุทุ่งเศรษฐี 3 รูป ไปร่วมงานประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา ที่วัดไทยกรุงวอชิงตัน DC ท่านใดมีใจเลื่อมใสศรัทธาร่วมถวายค่าตั๋วเดินทางพระธรรมทูตที่มาปฏิบัติศาสนกิจพรรษานี้ กรุณา Donation check payable to "Buddhist Meditation Society" หรือ อีกบัญชีหนึ่งชื่อ Wat Phrathat Thongsethi ส่งไปตามที่อยู่ที่แจ้งไว้พร้อมนี้ 6763 East Avenue H. Lancaster CA 93535 ส่วนท่านที่สะดวก Transfer money with Zelle ก็โอนด้วยเบอร์ Tel: (562) 249-3789
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012