ธรรมะสมสมัย

หลวงพ่อไสว ชมไกร



ธรรมชาติที่จิตสะสมอารมณ์

ท่านพุทธบริษัท ผู้สนใจในธรรมทั้งหลาย เวลาของชีวิตคนเราในแต่ละวันช่างผันผ่านหมดไปอย่างรวดเร็ว โอกาสดีๆ ตามวิถีแห่งพุทธะ วิถีแห่งการแสวงหาความสงบสุขทางจิตนั้นล้วนเป็นสิ่งที่มีคุณค่า ยากที่จะสิ่งอื่นใดมาเทียบได้ การเข้าถึงสภาวะอันเป็นธรรมชาตของจิต การที่จิตสะสมอารมณ์ใดๆ ไว้ สิ่งที่สะสมไว้ในจิตนั้นไม่สูญหายไป เพียงรอพลังผลักดันออกมา ด้วยอำนาจสิ่งที่ซ่อนเก็บไว้ภายในจิต มากน้อยในด้านใดๆ มักถูกผลักดันออกมาได้อย่างทรงพลัง

จิต เป็นธรรมชาติที่สร้างไว้ได้อย่างซับซ้อนและวิจิตร ความสั่งสมอารมณ์ใดไว้มาก ธรรมชาตินั้นจะกระด้างหรือวิจิตรก็ตาม อิทธิพลเหล่านั้นมักปรากฎชี้นำเมื่อคิดนึกเรื่องต่างๆ ซึ่งในวันหนึ่งๆ นั้น เมื่อพิจารณาแล้วย่อมรู้ว่าเป็นไปตามสิ่งที่สั่งสมไว้นั้น และกว่าความวิจิตรงดงามของจิตจะปรากฏขึ้นได้ จำต้องฝึกหัดพัฒนาศึกษาอบรมอย่างละเอียดอ่อนและต้องใช้เวลาบ่มเพาะทั้งสิ้น

วันนี้ทำอะไร เจอกับสิ่งไหนมาบ้างแล้ว จิตจะคัดกรองตามกำลังเท่าที่จะประมวลได้ จิตที่เข้มแข็งฝึกฝนมาดีแล้ว จะไม่หวาดหวั่นกับอารมณ์ที่ผลักดันออกมา สำคัญว่าจิตที่อ่อนต่อการกระทบ อ่อนต่อการถูกฝึกฝนอบรมก็จะมีปฏิกิริยาต่อต้านกับสิ่งที่ถูกกระทบ เช่น ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางใจ เหตุที่จิตของสะสมการกระทำในวันหนึ่งๆ ที่ต่างกัน จึงบ่งบอกวิถีชีวิตของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันไป ตามความวิจิตรของจิตของแต่ละคน ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดการกระทำทั้งทางกาย ทางวาจาต่างๆ กันในชีวิตประจำวัน

ธรรมชาติของจิตเป็นเช่นนั้น มันเป็นของมันเอง เป็นธรรมชาติที่ต้องคิด ต้องพิจารณา ความคิดจึงเป็นการปรุงแต่งกันไปต่างๆ นานา สติ : สิ่งที่ช่วยรักษาจิต สิ่งที่รักษาจิตไว้ได้ คือสติ สตินี้เป็นสภาวธรรมอันหนึ่ง ธรรมอื่นๆ เกิดขึ้นโดยสตินี้เองเป็นสิ่งที่จัดระเบียบทุกอย่างให้วิจิตรงดงาม ชีวิต ถ้าขาดสติเมื่อใดก็ไร้คุณค่า คนประมาทเพราะขาดสติ พูดออะไรออกไปก็ไม่มีความหมาย ไม่ได้รับความเคารพ ไม่ได้รับการยอมรับ การกระทำอื่นๆ ก็พลอยไม่มีความหมายไปด้วย สภาวะธรรมยังบ่งบอกถึงสภาวะจิต ของคนๆ นั้นว่ามีสติไม่ดี กลายเป็นผู้ประมาทแล้ว สติไม่ดีจึงไม่สามารถรักษาจิตไว้ได้ ดังนั้น ด้วยความระลึกได้ในลักษณะใดก็ตาม เมื่อสติสัมปชัญญะวิปลาส จึงเป็นเหตุให้จิตบกพร่อง ปัญญาแห่งการรู้แจ้ง เห็นแจ้ง จึงเกิดขึ้นไม่ได้ ธรรมชาติของจิตที่สัมผัสกับอารมณ์ต่างๆ ในชีวิตประจำวันนั้น สติจำปรารถนาที่ต้องประคองรักษาจิตไว้

สติ ควบคุม การยืน การเดิน การนั่ง การนอน ไม่ใช่แต่เพียงขณะนั่งสมาธิเท่านั้น สติยังเป็นธรรมประจำใจในการดำรงชีวิตประจำวันอยู่เสมอ มีความรู้มากมาย ปริญญาจะกี่ใบต่อกี่ใบ ถ้าไม่มีสติทำอะไรๆ ไม่ระมัดระวังก็มีแต่จะล้มเหลว ต่อเมื่อมีสติรู้ระมัดระวังทางจิตทางใจ กาย วาจา ก็ปรากฏธรรมงดงามได้ในทุกที่ทุกสถาน จะไม่รู้สึกละอายต่อ การพูด การกระทำอันใดที่ไม่ถูกต้องในทางสังคม

มีสติรักษาตัว เท่ากับช่วยรักษาสังคม พุทธพจน์แสดงคุณค่าของสติ ในเสทกสูตรต่อไปนี้ เป็นตัวอย่างที่ดีแห่งหนึ่ง ซึ่งเชื่อมโยงให้เห็นความหมายและคุณค่าในทางปฏิบัติที่ใกล้ชิดกัน ของ อัปปมาท กับ สติ ช่วยให้เข้าใจความหมายของธรรมทั้งสองข้อนั้นชัดเจนยิ่งขึ้น

ในเวลาเดียวกัน พุทธพจน์นั้นก็แสดงให้เห็นด้วยว่า พุทธธรรมมองชีวิตด้านในของบุคคล โดยสัมพันธ์กับคุณค่าด้านนอกคือทางสังคม และถือว่าคุณค่าทั้งสองด้านนี้เชื่อมโยงถึงกัน ไม่แยกจากกัน และสอดคล้องไปด้วยกัน "มีสติรักษาตัว เท่ากับช่วยรักษาสังคม" ข้อความจากหนังสือ พุทธธรรม ฉบับเดิม โดย สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป. อ. ปยุตฺโต)

สติ รักษาตัว ให้ปลอดภัย
สติ รักษาใจ ให้โล่งโปร่งเบา
สติ รักษาตัวเรา ให้สุขสม
สติ รักษาสังคม ให้สงบสุข ฯ

สติ เป็นเคื่องปลุก ให้จิตตื่นรู้
สติ เป็นเครื่องเชิดลชู เกียรติและฐานะ
สติ เป็นเครื่องแาดงวุฒิภาวะ ความเป็นผู้ใหญ่
สติ เป็นเครื่องหมาย ของผู้เจริญแล้วในที่ทั้งปวง ฯ

สนับสนุนวัดให้มั่นคงได้ ด้วยการแบ่งปันบริจาคโดยสั่งจ่ายเช็ค Donation check payable to "Buddhist Meditation Society" ส่งไปตามที่อยู่ที่แจ้งไว้ด้านล่างนี้ ส่วนท่านที่สะดวก Transfer money with Zelle ก็โอนด้วยเบอร์ (562) 249 3789 วัดพระธาตุทุ่งเศรษฐี 6763 E Avenue H Lancaster CA 93535 ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย บารมีหลวงพ่อเพชรมีชัย พระประธานวัดพระธาตุทุ่งเศรษฐี บารมีท่านท้าวเวสสุวรรณ บัลดลให้ท่านปลอดภัยโชคดี ลาภผลพูนทวี ชีวิตดี การงานมั่นคง สำเร็จทุกสิ่งสมประสงค์ สมเจตน์จำนง แห่งผู้ปฏิบัติบำเพ็ญจงทุกประการด้วย เทอญ ฯ รูปขอจำเริญพร