ธรรมะสมสมัย

หลวงพ่อไสว ชมไกร



วิปัสสนาสู่ชีวิตงาม

ท่านพุทธบริษัทสาธุชนผู้สนใจในธรรม ทั้งหลาย ธรรมบรรยายในธรรมะสมสมัยสัปดาห์นี้ จะพิจารณาลักษณะของความเชื่อ ไม่ว่าเราหรือท่านใด ๆ จะเชื่อสิ่งใด ๆ เชื่ออะไรก็ตาม โดยธรรมชาติจะทำให้จิตเกิดพลังงานขึ้นอีกหลายอย่าง เป็นเรื่องของกระบวนการทางกายภาย และด้านจิตภาพที่เป็นคู่ก้าวไปพร้อมกัน คือจะอธิบายให้เป็นอย่างนั้น


วิปัสสนากรรมฐาน

- เป็นเรื่องของการศึกษาชีวิตสู่ชีวิตงามได้

- เป็นเรื่องมุ่งหมายปลดเปลื้องความทุกข์นานาประการ

- เป็นเรื่องการบริหารค้นหาความจริงที่ซับซ้อน

- เป็นเรื่องการตัดตอนกรรมข้ามภพชาติ

- เป็นเรื่องการเจริญสติไม่ประมาทตามที่พระพุทธเจ้าสอน

- เป็นเรื่องการฝึกตนตามขั้นตอนออกจากทาสความคุ้นชิน

- เป็นเรื่องตั้งอยู่ในเบญจศีลเคร่งครัดกระหวัดธรรม

- เป็นเรื่องการเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างหยาบถึงละเอียดสุด

- เป็นเรื่องพิสูจน์สติสัมปชัญญะของดีมีคุณค่าแก่ชีวิตอันปราโมทย์

- เป็นเรื่องการใช้ประโยชน์ทางธรรมนำทางโลกมิให้วุ่น

- เป็นเรื่องสร้างความอบอุ่นเข้มแข็งเมื่อต้องอยู่โดยลำพัง

- เป็นเรื่องของจิตที่ทรงพลังยามที่ต้องต่อสู้อยู่อย่างโดดเดี่ยว

- เป็นเรื่องง่ายที่ทำอยู่กับบ้านหรือที่ไหนๆ

- เป็นเรื่องจิตใจล้วนๆ หรืออย่างไร หรือกว้างไกลกว่านั้น

- เป็นเรื่องเดียวใกล้ชิดพระนิพพานสามารถยกระดับจิตให้คิดตรอง


วิปัสสนากรรมฐาน

คือ การเริ่มต้นจากสิ่งง่ายๆ ใกล้ตัว คือ การกำหนดสติขึ้นสู่บัลลังก์ ฐานคือใจเริ่มจากการเพ่งอยู่ในอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่ง แล้วภาวนาบริกรรมไป เมื่อจิตสงบตั้งมั่นดีแล้ว การรู้ตามความเป็นจริง ก็เป็นผลติดตามมา เมื่อนั้นแหละเราก็จะทราบได้ว่า วิปัสสนากรรมฐาน ไม่ใช่เรื่องยาก


กรรมฐานเบื้องต้น

มูลกรรมฐาน หรือ ตจปัญจกกรรมฐาน กรรมฐานกำหนดยกอวัยวะ 5 อย่าง ขึ้นเพื่อพิจารณา คือ ผม (เกสา) ขน (โลมา) เล็บ (นขา) ฟัน (ทันตา) หนัง (ตโจ) เป็นอารมณ์ โดยพิจารณาให้เห็นตามความเป็นจริงว่าเป็นสิ่งปฏิกูล ไม่งาม เป็นต้น เพราะมีคำว่า ตโจ เป็นคำที่ 5 จึงเรียกว่า ตจปัญจกกรรมฐาน เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า มูลกรรมฐาน คือเป็นกรรมฐานเบื้องต้น กรรมฐานที่เป็นพื้นฐาน กรรมฐานนี้พระอุปชฌาย์จะสอนแก่ผู้บวชใหม่ (สอนนาค) ในท่ามกลางสงฆ์ก่อนที่จะมอบผ้าไตรให้ไปนุ่งห่มเพื่อให้อุปสมบทต่อไป เรียกขั้นตอนนี้ว่า บอกกรรมฐานเบื้องต้น


ชีวิตอยู่กับวิปัสสนาตลอดวัน

วิปัสสนาอยู่กับเราตลอดทั้งวัน แนวทางพระพุทธศาสนาเรียกว่าอยู่กับปัจจุบัน ง่ายๆ คือทำวันนี้ให้ดีที่สุด เริ่มจากตรงนี้แล้วก็ค่อยๆ ก้าวไปตามลำดับ เพ่งทำความรู้จักการทำงานของอายตนะ อายตนะมีภายใน 6 ภายนอก 6 ดังนี้

- อายตนะภายในมี ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

- อายตนะภายนอกมีรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ (กาย ถูกต้องสัมผัส) ธรรมารมณ์ (อารมณ์ที่เกิดจากใจ)

รวม 12 อย่างนี้ มีหน้าที่ต่อกันเป็นคู่ ๆ คือ ตาคู่กับรูป หูคู่กับเสียง จมูกคู่กับกลิ่น ลิ้นคู่กับรส กายคู่กับการสัมผัสถูกต้อง ใจคู่กับอารมณ์ที่เกิดกับใจ เมื่ออายตนะคู่ใดคู่หนึ่ง ต่อถึงกันเข้า จิตก็จะเกิดขึ้น ณ ที่นั้นเอง และจะดับลงไป ณ ที่นั้นทันที จึงเห็นได้ว่า จิตไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน แนะนำให้สวดมนต์ทำวัตรเช้าฉบับสวนโมกข์ จะสามารถเข้าใจเรื่องอนัตตาได้ง่ายมาก เช่นบทว่า

เอวัง ภาคา จะ ปะนัสสะ ภะคะวะโต สาวะเกสุ อะนุสาสะนี พะหุลา ปะวัตตะติ

อนึ่งคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้นย่อมเป็นไปในสาวกทั้งหลาย,

ส่วนมากมีส่วนคือการจำแนกอย่างนี้ว่า

รูปัง อะนิจจัง - รูปไม่เที่ยง ฯลฯ

................ฯลฯ..................

วิญญาณัง อะนัตตา - วิญญาณไม่ใช่ตัวตน.....ฯลฯ

สุข - ทุกข์ - ก็คือใจ สวรรค์ - นรก - ก็คือใจ ยินดี - ยินร้าย - ก็คือใจ เย็น - ร้อน - ก็คือใจ มันเกิด มันดับ ก็คือใจ ดังนั้นมันเกิด มันดับในใจผู้ใด ก็เป็นหน้าที่ของผู้นั้นคนนั้นที่จะรู้ดูแล ไฟเกิดในใจ ก็ใช้ใจดับ ไฟเกิดนอกใจ ก็ใช้น้ำ หรือเรียกใช้ดับเพลิงมาดับ เพราะฉะนั้น พระต้องอยู่ในใจเสมอ อย่าให้พระอยู่นอกใจ เพราะถ้าพระนอกใจแล้วนั้น พญามารจะเข้าสิงร่าง ทำให้ไม่สวยนะ

ส่วนการที่เราเห็นว่าจิตเป็นตัวตนนั้น ก็เพราะว่าการเกิดดับของจิตรวดเร็วมาก การเกิดดับของจิตเป็นสันตติคือ เกิดดับต่อเนื่องไม่ขาดสาย เราจึงไม่มีทางทราบได้ถึงความไม่มีตัวตนของจิต ต่อเมื่อเราทำการกำหนด รูป - นาม เป็นอารมณ์ตามระบบวิปัสสนากรรมฐาน ทำการสำรวมสติ สัมปชัญญะอย่างมั่นคง จนจิตตั้งมั่นดีแล้ว เราจึงจะรู้เห็นการเกิด ดับของจิต รวมทั้งสภาวะธรรมต่าง ๆ ตามความเป็นจริงทุกเหตุปัจจัยที่เกิดขึ้นนั่นเทียว รูปขอจำเริญพร

ที่อยู่วัดใหม่ วัดพระธาตุทุ่งเศรษฐี 6763 East Avenue H, Lancaster CA 93535

Main number Phone 661-946-3335, และ เบอร์ส่วนตัว 562 249 3789