สามัคคี มีน้ำใจ ยิ่งใหญ่นัก
ผองชนรัก อินทร์พรหม ยมสรรเสริญ
ท่านผู้สนใจใฝ่ธรรม บทความนี้เพื่อโน้มน้าวผู้นำกองทัพ และผู้บิหารประเทศทราบ เป็นข้อความของพระสงฆ์เล็กๆ ที่อยู่ห่างจากความศิวิไลซ์ในถิ่นทุรกันดารในทัศนคติว่า … “ไม่เห็นด้วยกับการทำศึกสงครามระหว่างไทยกับกัมพูชา”…ควรกลับมาใช้หลักธรรมาภิบาล ในแนวที่ใช้เหตุผล ข้อเท็จจริง อย่างสันติวิธี ยกตัวอย่างเช่น การเจรจาทางการเมือง การทหาร การทูตระหว่างประเทศ และอารมณ์ในสัดส่วนที่เหมาะสม อย่างบัณฑิตที่ปราศจากอคติ มีศีลมีธรรม มีวุฒิภาวะ
ด้วยฐานะความเป็นพระสงฆ์ และความเป็นชาวพุทธด้วยกันทั้งไทยและกัมพูชา เพื่อให้บทความน่าเชื่อถือนี้เป็นไปด้วยเจตจำนงการแสวงหากัลยาณมิตร ที่เชื่อถือได้ว่าพระสงฆ์บริสุทธิ์ใจ จริงใจที่ไม่อยากเห็นสงความในยุคศิวิไลซ์แล้ว และอีกประการหนึ่งการเข้าถึงปัญหาเศรษฐกิจเรื่องปากท้องประชาชนนั้น ส่งเสริมแลกเปลี่ยนหรือให้เกิดการเข่งขันทำมาตรฐานให้โลกยอมรับดีกว่าไหม เช่น เรื่องความสุจริตเป็นที่ประจักษ์ เป็นต้น ฯ
บทความ ของพระสงฆ์ผู้ไม่ประสงค์สงคราม มาสู้รบกับกิเลสในใจกันดีกว่าไหม ?
“สงครามไม่ใช่คำตอบ: ทางเลือกแห่งสันติภาพ ระหว่างไทยกับกัมพูชา”
1. ขอเกริ่นนำด้วยภาพรวม หรือคำถามกระตุ้นใจ
• ยกสถานการณ์ปัจจุบันที่กำลังตึงเครียด เพราะว่าเราคุยกันแบบเด็กๆ วิ่งไล่กัน ล้มบ้าง ชนกันบ้าง ก็กลับไปฟ้องพ่อแม่ อย่าเป็นผู้นำที่ไร้เดียงสา ไร้เหตุผลนะครับ
• เราผลิตตำราส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม ทางสังคม แม้แต่การได้ตราไว้เป็นธรรมนูญชีวิต ตราไว้ในกฎหมายมหาชน ถ้าเราจะทำสงครามแล้วจะเขียนไว้ทำไม ?….
“เราจะยอมแลกชีวิตของลูกหลาน เพื่อดินแดนไม่กี่ตารางกิโลเมตรหรือ?”
• ท่านผู้นำลองคิดถึงผลกระทบของสงครามที่่จะตามมาบ้างนะ
ตัวอย่าง:
ในศตวรรษที่ 21 นี้ เราได้เห็นมากพอแล้วว่าสงครามไม่เคยนำมาซึ่งชัยชนะที่แท้จริง มีเพียงร่างไร้ลมหายใจ ความโศกเศร้า และความเกลียดชังที่ไม่จบสิ้น แล้วทำไมเราต้องเดินซ้ำรอยเดิมอีก?
ประชาชนชาวพุทธที่อาศัยอยู่ในผืนแผ่นดินอเมริกา มีทั้งไทย ลาว กัมพูชา เวียดนาม ฯลฯ พวกเรามีศรัทธาในพระพุทธเจ้า ยังสามารถรวมตัวกันทางสังคมพุทธศาสนาได้อยู่นะ คุยกัยได้ให้คุยกัน เรื่องดินแดนมีหลักฐานแผนที่ที่พิสูจน์กันได้อย่างอารยชนผู้เจริญแล้ว โดยที่ไม่ต้องใช้อารมณ์เข้ามาเสริมไฟเสริมกิเลส จริงไหม?
2. อาตมาขอเสนอเหตุผลหลักว่า “ทำไมต้องสงคราม สงครามทำไม" สงครามไม่ใช่ทางออก หรือท่านผู้นำคิดเรื่องเจรจาตามหลักธรรมาภิบาลไม่เป็น ก็แล้วเขียนกันไว้ทำไม”
• ท่านรู้ไหมว่า ผลเสียที่จับต้องได้ จากการสู้รบเป็นอย่างไร เช่น:
• การสูญเสียชีวิตของประชาชนและทหาร
• ความเสียหายทางเศรษฐกิจ
• ความแตกแยกระหว่างประชาชนสองประเทศ
• กระทบภาพลักษณ์ไทยในเวทีโลก
• ที่สำคัญนายพลโท นายพลเอก ไม่ออกไปเสียงเหยีบกับข้าว (ตลกประชดครับ) ทหารไอ้เณร ตัวเล็กตัวน้อยที่ต้องตายเอาเลือดทาท้วมแผ่นดิน อันนี้ก็มิได้หมายจะพูดกระเทือนนายพลของไทยนะ นายพลกัมพูชาก็ต้องสำนึกในเหตุผลนี้
ตัวอย่าง:
การทำสงครามกับประเทศเพื่อนบ้านย่อมไม่ต่างกับการทำร้ายคนในครอบครัวเดียวกัน อกจากจะทำลายความสัมพันธ์ระหว่างรัฐ ยังทำลายสายสัมพันธ์ระหว่างประชาชนที่เคยแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ภาษา และความเป็นมนุษย์ร่วมกัน มีแต่เสยีกับเสีย ไม่คุ้มกัน พระสงฆ์รักแผ่นดินไหม กะฮักอยู่เด้อ แต่คนละเหตุผลกับการทำสงครามครับ
3. ไม่เคยเห็นบ่ครับ บทเรียนจากอดีตหรือประเทศอื่น
• เช่น สงครามเวียดนาม, สงครามอิรัก ฯลฯ
• ทุกฝ่ายล้วนสูญเสีย ทั้งนั้น ไม่มีใครชนะอย่างแท้จริง บ้านเมืองพังพินาศ จากการหยิบอาวุธขึ้นมาทำลายกัน กับคำที่ถูกเสี้ยมสอนว่าฝ่ายตรงข้าม
ตัวอย่าง:
เราควรถามตัวเองว่า สงครามระหว่างไทยกับกัมพูชาจะต่างจากสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนหรือไม่? เมื่อท้ายที่สุดแล้ว ทั้งสองฝ่ายต่างจมอยู่กับเศรษฐกิจตกต่ำ ครอบครัวแตกสลาย และอนาคตที่ริบหรี่ของเยาวชน
4. เสนอทางออกอย่างสันติ
• การเจรจา
• การพึ่งกลไกระหว่างประเทศ เช่น ศาลโลก
• การใช้พลังของประชาชนเพื่อส่งเสียงเรียกร้องสันติภาพ
ตัวอย่าง:
สันติภาพอาจไม่ใช่เส้นทางที่ง่าย แต่ย่อมเป็นเส้นทางที่มีคุณค่ามากกว่าสงคราม เราต้องกล้าที่จะพูด กล้าที่จะฟัง และกล้าที่จะให้อภัย แม้กับผู้ที่เราเคยมองว่าเป็น “ฝ่ายตรงข้าม”
5. สรุปความและทิ้งท้ายด้วยถ้อยคำทรงพลัง
• สรุปประเด็นหลักสั้น ๆ
• ใช้คำที่กระตุ้นความรู้สึก
• อั้นเว้าแนวนี้ดอกพิกุลมันสิหลุดออกจากปากสั้นบ่ครับ
ตัวอย่าง:
สงครามอาจใช้เวลาเพียงไม่กี่เดือน แต่บาดแผลในใจของผู้คนจะคงอยู่ไปอีกหลายชั่วอายุคน
ขอให้เราเลือกทางแห่งสันติ ไม่ใช่เพราะเราอ่อนแอ แต่เพราะเรารู้ว่า ชัยชนะที่แท้จริงคือการไม่ต้องนองเลือดแม้แต่หยดเดียว ตอบใจตนทางด้านศีลธรรมอย่าคิดรบกันเลย คงไม่มีอะไรดีขึ้น ไม่ประสงค์สงคราม (นิมนต์ไปเทศน์) สิไปอยู่ แต่ทั้งหมดต้องวางอาวุธครับ รูปขอจำเริญพร