ธรรมะสมสมัย

หลวงพ่อไสว ชมไกร



ความลับของสังขาร

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ผู้เป็นครูของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ขอความเจริญในธรรม นำท่านผู้ถึงพร้อมด้วยศรัทธาจงพ้นจากทุกข์ภัยในสังสารวัฏ และความสำเร็จในธุระกิจ การงานในทุกหน้าที่จงมีแด่ท่านพุทธบริษัทสาธุชนทุกท่าน


สังขารโลก - สังขารธรรม

โลก คือ แผ่นพื้นปฐพี มีมหาสมุทรโดยรอบ แผ่นดิน ภูเขา ป่าไม้ มีแม่น้ำสายธาร มีคนมีสัตว์ มีสารพัดสารพันในโลกที่เต็มด้วยสิ่งสังขารสมมุติ เรียกน้ำ เรียกไฟ เรียกสีสันพลันให้อ่อนไหวไหลหลง มีทั้งสิ่งที่ชอบ ที่ใช่ และเช่นนั้นก็มีสิ่งที่เกลียดชังอีกมากมาย แล้วแต่ใจสั่งการ

โลก คือร่างกาย - จิตใจ ที่ต้องอิงอาศัยกันไปดังร่างกายกับเงา ใจดี ใจร้าย ใจหาย ใจคว่ำ ใจดีสู้เสือ มีสิ่งที่ถูกต้องพอใจ ไม่ถูกต้องก็ไม่พอใจ ไม่สมปรารถนา ไม่สมดั่งใจหมายปอง ทำอย่างคนไม่มีใจ เหมือนดั่งกายที่ไร้เงา

โลก คือ เหตุปัจจัยแห่งความมีความเป็น สรรพสิ่งเกิดขึ้นได้ ทำหน้าที่ตั้งอยู่ได้ ก็ดับได้หายสูญ ไม่มีอะไรเกิด - ไม่มีอะไรดับ แต่ก็นะ เพราะมันมีความจริงเป็นธรรมชาติอย่างนั้น อย่างนี้ เป็นปกติอย่างนั้นๆ อนิจจัง ไม่เที่ยงแท้ แปรปรวนเป็นทุกข์กับสิ่งที่ใจเข้าไปยึดถือเหนี่ยวรั้งเอาไว้ ทั้งที่ไม่เป็นสมบัติของใครเป็นอนัตตา เป็นเช่นนั้นเองๆ ความเสื่อม 4 อย่างก็เป็นธรรมดา

1) แก่ชรา คนดี คนเลว ย่อมมีความแก่เป็นธรรมดา

2) เจ็บป่วย คนดี คนเลว ย่อมมีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา

3) สิ้นโภคทรัพย์ คนดี คนเลว ย่อมสละทิ้งบ้านเรือน ทรัพย์สิน ศฤงคารความรักใคร่ยินดี เป็นธรรมดาว่าไม่สามารถนำติดตัวไปได้

4) สิ้นญาติ ลูกของเรา พ่อแม่เรา ญาติเรา มาตัวเปล่า ไปตัวเปล่า ทำหน้าที่อยู่ระยะหนึ่งซึ่งก็ไม่นาน มีพบ มีจาก เกิดขึ้นเท่าใด ก็ตายเท่ากัน ลูกผัวเมียรักต้องจากกันไป สังสารวัฏอันยาวไกล ไม่รู้เมื่อใดจะได้พบเจอ มาคนเดียว ไปคนเดียว


1) โลก คือหมู่สัตว์ อันชราเป็นผู้นำ นำเข้าไปใกล้ ไม่ยั่งยืน

2) โลก คือหมู่สัตว์ ไม่มีผู้ป้องกันไม่เป็นใหญ่จำเพาะตน

3) โลก คือหมู่สัตว์ไม่มีอะไรเป็นของตน ๆ จำต้องละทิ้งสิ่งทั้งปวงไป

4) โลก คือหมู่สัตว์ พร่องอยู่เป็นนิตย์ ไม่รู้จักอิ่ม เป็นทาสแห่งตัณหา


อย่าให้ทุกข์เข้าครอบงำ

ทุกข์ ภัยใหญ่ที่สุดของโลก ความไม่รู้ทุกข์ คือความไม่รู้โลก มัวหลงเพลิดเพลินอยู่ สังสารวัฏก็ยิ่งยาวไกล

ทุกข์กาย รักษากาย

ทุกข์ใจ รักษาใจ

ทุกข์เอง รักษาเอง ทุกข์ที่ไหน รักษาที่นั่น ล้มเอง ลุกเอง ล้มที่ไหน ลุกขึ้นมาใหม่ที่นั้นๆ ถ้าเข้มแข็งก็เข้าใจความทุกข์ได้ 3 ชั้น คือ 1) ทุกขะทุกข์ 2) สังขาระทุกข์ 3) วิปริณามะทุกข์

1). ทุกขะทุกข์ ทุกข์ คือ สภาพที่ทนได้ยาก สภาวทุกข์ แปลว่า ทุกข์โดยสภาวะ

2). สังขารทุกข์ ทุกข์ประจำสังขาร เป็นทุกข์แก่สัตว์ทั้งหลายเสมอหน้ากัน เป็นทุกข์ที่ละเอียดเห็นได้ยาก สดุ้งสะเทือนต่อกิเลส เป็นอย่างยิ่ง

3). วิปริณามะทุกข์ ทุกข์ คือสภาพที่แปรปรวน เหตุเพราะมีแล้วกลับผันผวนตามสภาพที่แปรปรวนนั่นแล


การท่องเที่ยวที่ไม่รู้จบ

“สังสารวัฏ” แปลว่าการท่องเที่ยวไปในภพภูมิต่างๆ โดยไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีจุดจบ ไม่รู้ว่าเบื้องต้นเบื้องปลาย จะเป็นอย่างไร แม้เราคงอยู่ในภพภูมิใดๆ ความลับของสังขาร คือ ต้องอยู่ให้ได้ อยูให้ดี อยู่ให้มีคุณค่าประโยชน์ อยู่สั่งสมอบรมสร้างบุญสร้างบารมี เป็นคนดีศรีสังคม จนกว่าจะเข้าสู่แดนอันเกษม คือ พระนิพพาน


ต้อง อยู่ ให้ ได้

ต้อง พากเพียร เรียนรู้ สู้ชีวิต

อยู่ ด้วยจิต คิดหวัง สิ่งสร้างสรรค์

ให้ ภิรมย์ ชมชิด มิตรสัมพันธ์

ได้ สุขสันต์ หรรษา วรารมย์ ฯ


ขอคุณพระคุ้มครองท่าน ขอบุญปกป้องรักษาท่าน ขอความปรารถนาของท่าน จงสัมฤทธิ์ผล และขอให้ทุกท่านทุกคนเจริญด้วยจตุรพิธพรชัยคือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณ ธนสาร ธรรมะสารสมบัติทุกประการด้วย เทอญ รูปขอจำเริญพร