ธรรมะสมสมัย

หลวงพ่อไสว ชมไกร



ปุราณคติ เรื่องแมวมาหา หมามาสู่ !

อาตมาเคยได้ยินพ่อแม่เล่าว่า หมาแมวเลี้ยงไว้เถิดลูก "ไม่ให้บุญก็ให้คุณ" คติชนวิทยาปุราณคติ เรื่องแมวมาหา หมามาสู่ ตามคำโบราณนั้นนับว่าเป็นเรื่องดี ดีที่หนึ่งคือ ให้เราได้เจริญคุณธรรม ข้อว่า พรหมวิหารธรรม 4 ประการอย่างครบถ้วน คือ 1. เมตตาพรหมวิหาร 2. กรุณาพรหมวิหาร 3. มุทิตาพรหมวิหาร 4. อุเบกขาพรหมวิหาร ดีที่สองคือให้เราได้สร้างทานบารมี สร้างความดีให้เป็นอุปนิสัย

ตามคำที่พ่อแม่กล่าวมีคำว่า "ให้บุญและให้คุณ"

คำว่า "บุญ" หมายถึง วิธีการในการทำคุณงามความดี ทุกรูปแบบ

คำว่า "บุญ" หมายถึง ความบริสุทธิ์ผ่องใส หรือ ความสุขแช่มชื่นเบิกบานแจ่มใสของจิตใจผู้ทำบุญ

คำว่าบุญนี้เป็นชื่อของความสุข นิยามให้สั้น : บุญ คือ ความสุข (เป็นความสุขที่เกิดขึ้นจากการทำความดี) คนที่ได้เมตตาเลี้ยงดูย่อมทำให้เกิดสุขใจได้ปลื้มนี้ก็ "เป็นบุญ"

ส่วนความมุ่งหมายของคำว่า "ให้คุณ" อาจหมายถึง ที่เลี้ยงสุนัขไว้ให้มีหน้าที่ช่วยเฝ้าบ้านป้องกันคนแปลกหน้าปกป้องขโมยขโจร เห่าหอนเวลามีงูเงี้ยวเขี้ยวขอบุกรุกเข้ามาในบ้าน เพราะลักษณะของสนุขเป็นสัตว์เลี้ยงที่ซื่อสัตย์ต่อเจ้าของ รักบ้านรักเจ้าของ ส่วนแมวก็น่าเอ็นดูไม่แพ้กัน แมวเป็นสัตว์ขี้ออดอ้อนประจบคลอเคลียเจ้าของ ชอบไล่จับหนูและแมลง อีกอย่างสุนัขและแมวเป็นสัตว์แสนรู้ในระดับหนึ่งทำให้เป็นเพื่อนเล่นผ่อนคลายให้ความสุขสนุกสนาน นี้อาจเป็นส่วนหนึ่งของความหมายของคำว่า "ให้คุณ" และที่แน่นอนที่สุดคือเมื่อมีสมาชิกเพิ่มขึ้นในบ้านก็คือ "เขานั้นต้องให้คุณมีภาระเพิ่ม" โดยที่สุดคือได้พิสูจน์หน้าที่ อารมณ์และความรู้สึกของเจ้าของผู้เลี้ยงแน่นอน

(Homeless Cat) บุญยืน Boonyuen เป็นชื่อแมวกำพร้าตัวหนึ่งที่เดินโซซัดโซเซอยู่ข้างๆ ถังขยะหน้าวัด ชีวิตแมวตัวนี้ช่างน่าสงสารมาก ไม่ทราบเขาพลัดหลงมาจากที่ใด เหตุเกิดที่บริเวณหน้าวัดทุ่งเศรษฐี เมืองเลควูด แคลิฟอร์เนีย เหตุการณ์ก่อนที่จะรับเขาเข้ามาไว้ในบ้าน เรื่องมีอยู่ว่า เช้าวันหนึ่งอาตมาเดินปัดกวาดทำความสะอาดนั่น โน้น นี่ อยู่หน้าวัด สายตาได้เหลือบไปเห็นแมวน้อยบ้านตรงกันข้าม (ซึ่งเป็นอพาร์ทเม้นท์) ก็เห็นหลายตัวซึ่งเจ้าของยกกล่องออกมาจากบ้าน แต่ไม่ได้สนใจและไม่ใส่ใจอะไรเลย เพราะไม่ใช่เรื่องของเราและไม่อยากเลี้ยงไม่ต้องการมีภาระเพิ่ม ฯลฯ

ผ่านไปสามสี่วัน แมวน้อยตัวหนึ่งยังเดินไม่แข็งแรงเลย เขาผอมมากๆ แบบมองเห็นซี่โครงและเห็นพุงป่องๆ แบบว่าไม่น่าจะมีชีวิตรอด เขามาแอบๆ อยู่ข้างถังขยะหน้าวัดโดยไม่กล้าที่จะมาเข้าหาผู้คนประมาณนั้น

อีกสองสามวันผ่านไปช่วงตอนกลางคืนก็ได้ยินเสียงแมวน้อยร้อง เหมี้ยวๆ มาแอบอยู่ข้างถังขยะ เขากลัวเขาตะกายหลบไปในพุ่มไม้ อาตมาไม่อยากเลี้ยงให้เป็นภาระอะไร แต่แล้วแมวน้อยเขาไม่ยอมไปไหนเลย เขาไปไหนไม่ได้ เพราะเขาตัวเล็กมาก เขาผอมมีหนังหุ้มกระดูกเขาหิวมาก ดูระโหยโรยแรง พระแจ๊คเอาน้ำและอาหารของ AC แมวตัวใหญ่ที่มีอยู่ก่อน ซึ่งทุกคนที่เคยไปวัดทุ่งเศรษฐีคงพอจะรู้จักแมวที่ชื่อ AC เมื่อแมวน้อยกินอาหารของแมวใหญ่เข้าไป ท้องเสียเอามากๆ อาการน่าสงสารมากเขาผอมและอ่อนล้า ระหว่างนั้นอาตมาก็แผ่เมตตาให้อยู่หลายวัน และคิดว่าแผ่เมตตาให้เฉยๆ คงไม่รอดแน่ๆ จึงบอกกับทุกคนที่ใกล้ชิดวัดว่าถ้าใครจับได้ให้จับมาให้ทีจะเอามาเลี้ยง ที่สุดอาตมาเองที่จับได้ เลยรับเขามาดูแลในบ้าน เขากลัวไปทุกสิ่งทุกอย่างปะสาแมวน้อย ได้กินน้ำและอาหารบ้าง ก็เริ่มดีขึ้น อีกอย่างเพราะคุณต่ายกับคุณศรี โยมสองท่านพามาหาหมอ คุณหมอเปลี่ยนอาหารให้ และให้ทดลองดูอาการประมาณสองอาทิตย์ เขาดีขึ้นบ้างแล้วนะ แข็งแรงวิ่งไปมาและเริ่มทำความคุ้นเคยกับผู้คนบ้าง

มาถึงวันนี้ เป็นเช้าของวันที่ 30 มิถุนายน 2559 มีเรื่องน่าเศร้าใจเอามากๆ เจ้าแมวน้อยที่ชื่อบุญยืน จะรอดชีวิตหรือไม่ เขาประสบอุบัติเหตุอะไรไปโดนอะไร ไม่มีใครทราบเลย Accident ไหล่หลุด ร้องขอความช่วยเหลืออย่างน่าเวทนา ตั้งแต่ 9 โมงเช้า ทั้งพระทั้งโยมพาแมวน้อยไปหาหมอที่ Bloomfield Animal Hospital Norwalk Blvd. มีค่ารักษาแมว ตรวจเลือดตรวจ ตรวจเบาหวาน อุจจาระ ปัสสาวะ และคุณหมอบอกว่า ประมาณ 5 สัปดาห์ ต้องดูอาการกันไปก่อน เบื้องต้นค่ารักษา $317.28 ไปแล้ว ตอนนี้เขาน่าสงสารมากเลย หมอบอกเขามีไข้ด้วย หมอบอกว่าเขาพึ่งน้ำหนักแค่ 1.3 ปอนด์ และ 50/50 กับการที่จะมีชีวิตรอดจากอุบัติเหตุครั้งนี้ หมอสันนิฐานว่าเขาถูกของแข็งกระแทกอย่างแรง อาจมีผลถึงสมองอาจถึงพิการด้วย โถๆ เจ้าเหมียวเองต้องรอดนะเพราะเองชื่อว่าไอ้บุญยืน อาตมาเชื่อว่าอย่างไรต้องรอดเพราะเชื่อว่าแมวมี 9 ชีวิต จะไม่เป็นอะไรง่ายๆ เองต้องรอดเพราะทุกคนรักเองแล้วนะ

สรุปแล้ว Next appointment วันศุกร์ที่ 8 กรกฎาคม ศกนี้ นี่หากเป็นเมืองไทย แมวไม่สบาย จ่ายค่าหมอเป็นหมื่น เท่ากับเงินเดือนเลี้ยงครอบครัว เลยครับ สองวันต่อมาแมวน้อยมันร้องเหมียวๆ มันพูดไม่ได้ ว่าปวดฉี่ จับตัวมันฉี่เป็นเด็กๆ เลย เมื่อพาไปอึในถาดของมัน ยังกับว่ารู้หน้าที่ กินได้ ถ่ายดี ฉี่ราดจีวร วิ่งว่อนเช้าตรู่ แค่นี้รู้ละว่ารอดตาย เล่าเรื่องบุญยืน Homeless Cat แมวกำพร้าที่อาตมา

เก็บมาเลี้ยง อาจทำให้ใครหลายๆ คนต้องหลงรัก แต่ยังมีอีกหลายเรื่องราวเกี่ยวกับเจ้าแมว หน้าตาบ้องแบ๊วที่ท่านเลี้ยงไว้ ซึ่งอาจทำให้ท่านได้รู้จักได้ดีมากยิ่งขึ้น


เสียงครางของแมวไม่ได้บ่งบอกว่ามีความสุขเสมอไป

การที่แมวทำเสียงครางนั้น เพราะเป็นเสียงแรกที่แมวสามารถทำได้ตั้งแต่อายุยังน้อย เพราะในขณะนั้น พวกมันยังไม่สามารถทำเสียงสูง หรือ เสียงต่ำได้ จึงทำให้ได้ยินเสียงครางบ่อยๆ และเข้าใจว่าแมวกำลังมีความสุขนั่นเอง การร้องครางเป็นการส่งเสียงที่ไม่ปกติ เนื่องจากเป็นเสียงที่เกิดขึ้นระหว่างทั้งการหายใจเข้าและหายใจออก การกระตุ้นกล้ามเนื้อบางส่วนในลำคอตามการเคลื่อนไหวของกะบังลมทำให้เกิดความแปรปรวนของอากาศภายในอกของตัวแมว ซึ่งส่งผลให้เกิดเสียงคราง เสียงครางสามารถสื่อสารได้หลากหลายความหมาย เช่น อยากให้แม่แมวมาดูแล ในแมวโตมักส่งเสียงนี้เวลาที่มีความสุข เมื่อเจอกับเจ้าของหรือแมวตัวอื่นที่เป็นมิตร โดยบางตัวอาจแสดงอาการกลิ้งไปมาหรือเอาคางมาถูขณะที่ส่งเสียง ในทางตรงกันข้ามแมวที่บาดเจ็บหรือป่วยหนักมากๆ อาจส่งเสียงครางแบบนี้ได้เช่นกัน แต่ลักษณะของเสียงจะยาวและต่อเนื่องมากกว่าปกติ บางครั้งก็จะทำเสียงครางเบาๆ ก็เพื่อปลอบใจตัวเองเมื่อรู้สึกเจ็บหรือหวาดกลัว


แมวเลียขนนานๆ ใช่แค่ทำความสะอาดร่างกาย

เรามักจะคิดว่าส่วนใหญ่ เจ้าแมวเลียขนตัวเองเพื่อทำความสะอาดขนของตัวเอง แต่แท้จริงแล้วยังมีเหตุผลอีกมากมายที่น้องแมวเลียขน เช่น เลียขนเพื่อดึงรั้งขนที่ตายแล้วให้หลุดออก และเป็นการกระตุ้นให้ต่อมรากขน ให้มีการเจริญใหม่ของชั้นผิวหนังและขนได้ดียิ่งขึ้น ช่วยทำให้ตัวเจ้าเหมียวกันน้ำได้ดีและไม่เปียกฝน เลียขนเพื่อระบายความร้อนเนื่องจากแมวมีต่อมเหงื่อที่อุ้มเท้าเท่านั้น การหอบจึงไม่สามารถระบายความร้อนได้เพียงพอ การเลียขนตัวให้เปียกจึงเป็นอีกวิธีในการคายความร้อน หากแมวถูกแสงแดดพวกมันจะเลียขนของตัวเองมากขึ้น แต่ไม่ใช่เพื่อระบายความร้อนนะ หากที่เลียขนนั้นเพราะว่าแสงแดดที่ส่องลงมา ทำปฏิกิริยากับขนของแมวจนเกิดสารอาหารที่จำเป็นชนิดหนึ่งซึ่งก็คือ วิตามินดี แมวจะรับวิตามินดีด้วยการเอาลิ้นไปเลียขนที่ถูกแสงแดด เพื่อรับสารอาหารชนิดนี้เข้าสู่ร่างกายนั่นเอง

มีความเชื่อกันมาอย่างช้านานและแพร่หลายกันมาอย่างกว้างขวางว่า "แมวนั้นมีเก้าชีวิต" มันจะตายแล้วฟื้นอยู่เช่นนี้ถึงเก้าครั้งก่อนที่จะสิ้นอายุขัยตายไปอย่างแท้จริง มีความคิดและเหตุผลมากมายที่จะอธิบายถึงที่มาว่า เหตุใดแมวถึงมีเก้าชีวิต และเป็นเช่นนั้นจริงหรือ? แต่การที่ได้เห็นอย่างแน่ชัดก็คือ แมวจะมีความสามารถพิเศษจาก การรอดชีวิตเมื่อตกจากที่สูงและยังสามารถหนีรอดจากเหตุการณ์อันตรายต่างๆ ที่ก่อให้เกิดความเสียหายถึงแก่ชีวิตของมนุษย์และสัตว์อื่นๆ แต่ทั้งหมดนี้จะไม่เกิดอันตราย กับแมว เพราะทุกครั้งเมื่อมีภัยมันจะหนีรอดได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโลกอียิปต์โบราณ แมวเกี่ยวข้องกับเทวีบาสต์ (Bast) ซึ่งเป็นพระราชธิดาของสุริยะเทพรา (Ra) เพราะในงานศิลปะอียิปต์โบราณนั้นมักมีการวาดภาพของเทวีบาสต์เป็นสตรีที่มีศีรษะเป็นแมว มีความเชื่อกันว่าพระนางเป็นสัญลักษณ์แห่งหมายเลข 9 ซึ่งเป็นเครื่องหมายของการกำเนิดใหม่แห่งชีวิตตามความเชื่อของ ชาวอียิปต์ นอกจากนี้ ยังมีตำนานเกี่ยวกับแม่มดว่าจะสามารถจำแลงแปลงร่างเป็นแมวได้เพียงเก้าครั้ง และจะไม่มีวันทำได้อีก เพราะสิ้นสุดแห่งความอมตะของชีวิตแมวแล้ว

การปฏิบัติด้วยเหตุผลทางชีววิทยาสามารถอธิบายได้ว่า ทำไมแมวถึงมีความว่องไวและแข็งแรง เพราะด้วยกายภาพของแมวเอื้อต่อการรอดพ้นจากอันตรายเมื่อตกลงมา จากที่สูง ตัวของแมวมีขนาดเล็กและมีน้ำหนักเบา เมื่อตกลงมา น้ำหนักจะกระทบสู่พื้น และลดแรงกระแทกจากการถ่ายเทน้ำหนักด้วยสรีระทางกล้ามเนื้อของมัน …..ยิ่งไปกว่านั้นยังเชื่อกันอีกว่า แมวมีคุณสมบัติพิเศษ และมีสัมผัสพิเศษสามารถบอกเหตุการณ์บางสิ่งบางอย่างล่วงหน้าได้ รวมไปถึงการมีสัมผัสพิเศษที่รู้ถึงดินฟ้าอากาศใต้ ฝ่าเท้าของมันได้อย่างเหลือเชื่อ

มาถึงวันนี้อาตมาเบาใจแล้ว เชื่อว่ายังไงๆ เจ้าบุญยืน แมวกำพร้าตัวนี้จะไม่พิการ นี่ต้องขอขอบคุณ อนุโมทนาทุกคนที่เป็นกำลังใจให้น้องบุญยืน มาถึงตรงนี้นึกถึงคำพ่อแม่ว่า "แมวมาหา หมามาสู่" ตามคำโบราณนั้นนับว่าเป็นเรื่องดี หมาแมวเลี้ยงไว้เถิดลูก "ไม่ให้บุญก็ให้คุณ" อาตมาว่าการแผ่เมตตาเป็นนกแก้วนกขุนทอง ไม่ใช่เมตตาที่แท้จริง เพราะได้ทดลองดูกับเจ้าบุญยืนแล้ว ถ้าช่วยไว้ไม่ทัน "ตาย" บางทีความปรารถนาดีใดๆ ต่อผู้อื่น / สัตว์อื่น ตลอดถึงประเทศชาติบ้านเมือง ถึงเวลาแล้วไหม? ที่เราต้องพร้อมกันลงมือปฏิบัติอย่างจริงใจ อาจเป็นความหมายของการปฏิบัติธรรม ให้เป็นธรรมอย่างแท้จริง หากมัวรอให้อัศวินขี้ม้าขาวมาช่วย อีกสักเมื่อใด ชีวิตลูกหลานจะมีอนาคตเป็นอย่างไร เพราะพรุ่งนี้อาจสายเกินไป การวางแผนที่ดีให้กับตัวเราและลูกหลาน บัณฑิตท่านกล่าวไว้ว่า สำเร็จไปแล้วกว่าครึ่ง อย่าปล่อยวันและเวลาให้ผ่านไปโดยที่เรามิได้ทำอะไร "ก้าวแล้วล้มไปข้างหน้า ยังดีกว่ายืนเหยียมขี้หมาอยู่กับที่" เกิดเป็นคนอย่าอายทำกิน อย่าหมิ่นเงินน้อย อย่าคอยแต่วาสนา

จึงขอตั้งกัลยาจิตปรารถนาให้ทุกท่านจะมีแต่ความเจริญรุ่งเรืองในทุกที่ทุกสถานตลอดทุกกาลทุกเมื่อ เทอญ