ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ปัญหาพระสงฆ์ที่ประพฤตินอกรีต นอกธรรมวินัย ได้กลายเป็นหนึ่งในปัจจัยที่กระทบต่อภาพลักษณ์และศรัทธาของพุทธศาสนิกชนต่อพระพุทธศาสนา หน่วยงานภาครัฐ โดยเฉพาะสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงมีแนวนโยบาย “ปูพรมกวาดล้างจับพระนอกรีตทั่วประเทศไทย” เพื่อชำระล้างและแก้ไขปัญหาดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม การดำเนินนโยบายเชิงรุกของรัฐในมิติศาสนามีทั้งโอกาสและความเสี่ยง เพราะเกี่ยวพันกับเสรีภาพทางศาสนา อัตลักษณ์วัฒนธรรม และความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับองค์กรสงฆ์ บทความนี้จึงมุ่งวิเคราะห์ผลกระทบเชิงบวกและเชิงลบต่อพระพุทธศาสนา รวมถึงเสนอแนวทางปฏิบัติของคณะสงฆ์เพื่อให้ได้รับความเป็นธรรมและรักษาความมั่นคงของศาสนา
1.1 ต่อองค์กรสงฆ์
@ เกิดแรงกดดันให้คณะสงฆ์ต้องเร่งดำเนินมาตรการภายในอย่างเข้มงวด
@ เสี่ยงต่อการถูกเหมารวมว่าโครงสร้างการปกครองสงฆ์ล้มเหลว จนรัฐต้องเข้ามาแทรกแซง
@ อาจเกิดความแตกแยกภายใน ระหว่างฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายคัดค้านมาตรการของรัฐ
1.2 ต่อชาวพุทธ
@ ความศรัทธาต่อพระสงฆ์โดยรวมอาจสั่นคลอน จากภาพการจับกุมที่เผยแพร่สู่สาธารณะ
@ เกิดความสับสนในการจำแนกพระแท้และพระปลอม
@ อาจรู้สึกว่าศาสนาถูกทำให้เป็นเป้าหมายของมาตรการรุนแรง
หากปฏิบัติอย่างถูกต้องตามหลักกฎหมายและพระธรรมวินัย ผลดีที่เกิดขึ้นอาจประกอบด้วย
ชำระล้างศาสนา: ลดจำนวนผู้ปลอมบวชหรือผู้ละเมิดพระธรรมวินัยอย่างร้ายแรง
สร้างความโปร่งใส: แสดงให้เห็นว่าศาสนามีระบบตรวจสอบและคัดกรอง
ฟื้นฟูศรัทธา: ทำให้ชาวพุทธเชื่อมั่นในคุณภาพและความบริสุทธิ์ของหมู่สงฆ์
เสริมมาตรฐานการบวช: กำหนดเกณฑ์และกระบวนการบวชที่เข้มงวดขึ้น
หากดำเนินการขาดความรอบคอบและละเมิดหลักนิติธรรม อาจเกิดผลเสีย เช่น
ทำลายภาพลักษณ์รวม: การจับกุมแบบเปิดเผยและไม่แยกแยะ อาจทำให้สังคมเหมารวมว่าพระส่วนใหญ่ผิด
ละเมิดสิทธิ: การปฏิบัติการโดยไม่มีหลักฐานชัดเจน อาจกระทบศักดิ์ศรีของพระภิกษุ
สร้างความหวาดกลัว: พระสงฆ์ที่ปฏิบัติดีอาจรู้สึกไม่ปลอดภัย
กระทบความสัมพันธ์รัฐ–ศาสนา: ทำให้การประสานงานด้านสาธารณประโยชน์และการเผยแผ่ธรรมะหยุดชะงัก
4. แนวทางปฏิบัติของคณะสงฆ์เพื่อตั้งรับและรักษาความเป็นธรรม4.1 จัดตั้งคณะกรรมการร่วมรัฐ–สงฆ์
@ มีตัวแทนมหาเถรสมาคม นักกฎหมาย และพระผู้ใหญ่ร่วมกำหนดขั้นตอน
@ ใช้หลักพระธรรมวินัยควบคู่กับกฎหมายบ้านเมือง
4.2 กำหนดนิยามและเกณฑ์ “พระนอกรีต” อย่างเป็นทางการ
@ อ้างอิงจากพระวินัยปิฎก ข้อกฎหมาย และมติคณะสงฆ์
@ ป้องกันการตีความกว้างจนกระทบพระที่ไม่ผิด
4.3 กลไกสอบสวนภายในก่อนเข้าสู่กระบวนการรัฐ
@ ให้คณะสงฆ์ตรวจสอบและลงโทษตามวินัยก่อน
@ ส่งมอบให้ตำรวจเมื่อมีมูลชัดเจน
4.4 ยุทธศาสตร์การสื่อสารสาธารณะ
@ แถลงข่าวชี้แจงต่อสังคมเมื่อเกิดกรณีสำคัญ
@ ใช้สื่อเพื่อสร้างความเข้าใจและป้องกันการเหมารวม
4.5 การปกป้องสิทธิและศักดิ์ศรีของพระสงฆ์
@ กำหนดแนวปฏิบัติให้ตำรวจและสื่อเคารพต่อศาสนสถานและสมณเพศ
@ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ภาพพระ ในสภาพที่ทำให้ศรัทธาสาธารณะเสียหาย หากยังไม่พิสูจน์ความผิด
4.6 เสริมสร้างวินัยภายใน
@ อบรมพระ–เณรให้รู้จักสิทธิ หน้าที่ และข้อกฎหมาย
@ เน้นการปฏิบัติตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัดเพื่อลดความเสี่ยง
ดังที่พรรณนามาก็เพื่อเตรียมความพร้อมตามเหตุตามปัจจัยที่จะเกิดขึ้น เชื่อว่าคำสอนทางพระพุทธศาสนาเป็นอกาลิโก เป็นความจริงทุกกาลสมัย นโยบาย “ปูพรมกวาดล้างจับพระนอกรีต” แม้มีเจตนาส่งเสริมความบริสุทธิ์ของพระพุทธศาสนา แต่การดำเนินการต้องอยู่บนหลักนิติธรรม ความโปร่งใส และความเคารพต่อพระธรรมวินัย การสร้างสมดุลระหว่างการบังคับใช้กฎหมาย และการคุ้มครองศักดิ์ศรีของพระสงฆ์ จะเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้มาตรการนี้นำมาซึ่ง ผลดีมากกว่าผลเสีย คณะสงฆ์ จำเป็นต้องมีบทบาทเชิงรุกในการร่วมกำหนดมาตรฐาน ขั้นตอน และการสื่อสาร เพื่อรักษาศรัทธาของชาวพุทธ พร้อมป้องกันไม่ให้พระที่บริสุทธิ์ถูกละเมิดสิทธิ หากตำรวจหรือเจ้าหน้าที่ประพฤติมีชอบ สำนวนการพูดการจาไม่เป็นไปโดยความเคารพเกียรติของพระดี การนั้นพระสงฆ์เป็นโจทก์ร้องผู้ลังคับบัญชาได้ ร้องศาลปกครองได้ ร้องผิดจริยธรรมได้ (หากไม่ได้รับความเป็นธรรม อย่ากลัวครับบันทึกภาพในขณะเจ้าหน้าที่ปฏิหน้าที่ได้ อย่างน้อยเก็บไว้ป้องกันตนเองครับ)
ส่วนผู้มีศรัทธาต้องการสนุบสนุนวัดพระธาตุทุ่งเศรษฐี กรุณา Donation check payable to "Buddhist Meditation Society" หรือ อีกบัญชีหนึ่งชื่อ Wat Phrathat Thongsethi ส่งไปตามที่อยู่ที่แจ้งไว้นี้ 6763 East Avenue H. Lancaster CA 93535 ส่วนท่านที่สะดวก Transfer money with Zelle ก็โอนด้วยเบอร์ (562) 249 - 3789 ขออนุโมทนาบุญ มา ณ โอกาสนี้ด้วย รูปขอจำเริญพร