ธรรมะสมสมัย

หลวงพ่อไสว ชมไกร



แรงจูงใจใดที่ทำให้มั่นคงในธรรม

สาธุชน ญาติโยมท่านทั้งหลาย ยามดวงดีผีก็ช่วย ยามดวงซวยผีก็ซ้ำ ชีวิตอย่าให้ขึ้นอยู่กับผี อย่าให้ดีอยู่กับดวง ชีวิตต้องให้ขึ้นอยู่กับธรรม ให้เชื่อกรรม เชื่อมั่นในปณิธาน ความตั้งใจอันแน่วแน่ของเรา เราปรารถนาในสิ่งใด ๆ สิ่งนั้น ๆ จะอยู่ใกล้ชิดกับเรามากที่สุด ดังนั้นเราคิดเรื่องดี ๆ เราพูดเรื่องดี ๆ เราทำดี กรรมดีย่อมส่งผลแน่นอน

"กลฺยาณการี กลฺยาณํ ปาปการี จ ปาปกํ"

อ่านว่า : กัลยาณการี กัลยาณัง ปาปะการี จะ ปาปะกัง

แปลว่า : ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว

ถ้าเป็นชาวพุทธ (ต้องไม่อายที่จะพูด) ต้องช่วยกันพูดให้ติดปาก พูดทุกวัน มีสติทุกขณะที่ยืน เดิน นั่น นอน กิน ดื่ม ทำ พูด คิด จะเกิดอานิสงส์ให้กับทุกคน โดยที่สุดท่านจะทราบความหมายของคำว่า "โยนิโสมนสิการ" อย่างไม่มีข้อสงสัย


คำถามเหยียบหัวใจ

พระรับเงินไม่ได้ไม่ใช่กิจของสงฆ์ ตกลงสังคมคิดอย่างไรกับพระสงฆ์ ในสมัยที่โลกเปลี่ยนแปลงจนทั่วโลกเรียกกันว่า โลกแห่งยุคนวัตกรรม ? ขอนำเรื่องราวที่สัมผัสนับตั้งแต่จำความได้สมัยบวชเป็นสามเณรก็ดี บวชเป็นพระแล้วก็ดี มาเล่าให้ฟัง นับแต่ที่บวชมาก็จำพรรษาอยู่วัดบ้านเกิด บิณฑบาตตอนเช้าตามเส้นทางในหมู่บ้าน

สมัยนั้นได้แต่ข้าวเหนียวนึ่งสุกใส่มาในบาตร สาย ๆ หน่อย ประมาณ 7.30 - 8.00 น.ก็ถึงมีญาติโยมก็นำอาหารมาส่งถึงศาลาวัด "หาบบ้าง หิ้วบ้าง" ไม่มีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้องเลย ถ้าจำเป็นใช้เรื่องใด ๆ บอกโยมแม่ไป โยมแม่ก็หามาประเคนให้ในปัจจัยที่จำเป็นก็สมณะ ย้อนหลังไป 40 ปี บวชเป็นสามเณรอยู่บ้านนอกการศึกษาก็เข้าไม่ถึง ก็ได้แต่เพียงเรียนสวดมนต์ปฏิบัติกรรมฐานอยู่กับหลวงตาเท่านั้น

สามเณรมีหน้าที่ตักน้ำ ถูพื้นศาลา จัดเตรียมปิ่นโต ประเคนภัตตาหารถวายพระ (วิ่งเล่นบ้าง กระโดดน้ำในคลองบ้าง เอาก้านเผือกที่แห้ง ๆ มาทำเป็นลูกฟุตบอลเตะเล่นยังมีเลย สมัยเด็กไม่มีเกม ไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีวิทยุ - โทรทัศน์ ฉันข้าวเคี้ยวเสียงดัง เปิดปิ่นโตเสียงดัง ศาลาไม่สะอาด น้ำไม่มีในส้วม ก็โดนไม้เรียวทำโทษ นับว่า 40 ปีของอาตมา ชีวิตเติบโตมาจากร่มอารามร่มธรรมของวัดจริง ๆ ด้วยบุญอะไรที่ให้อยู่รอดมาถึงทุกวันนี้ก็ไม่รู้)

ย้อนหลังไป 30 ปี สมัยนั้นบวชเป็นพระภิกษุแล้ว สมัยนั้นอาตมาแสดงธรรมโยมถวายกัณฑ์เทศน์ กัณฑ์ละ 10 - 20 บาท หรือถ้าบางครั้งก็ได้ 50 บาท 100 บาท ก็ยังดีพอได้มีปัจจัยเก็บไว้จ่ายค่าการศึกษานอกระบบ (การศึกษานอกโรงเรียน) สมัยนั้นจบ ก.ศ.น. ค่าใช้จ่ายหลักร้อย หรือไม่ก็หลักพันบาท จากนั้นอีกหลายปีได้รับการศึกษาระดับอุดมศึกษาจบพุทธศาสตร์บัณฑิต รุ่นแรกของมหาวิทยามหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย (จบ พธ.บ.ที่วิทยาลัยสงฆ์พุทธชินราช พิ'โลก ห้องเรียนคณะพุทธศาสตร์ วิชาเอกปรัชญา อาตมาได้ทุนเรียนฟรีจนจบหลักสูตร)

คุณค่าของเงินพึ่งมารู้จักก็ตอนขึ้นรถเมล์โดยสารประจำทางทุกวัน บางครั้งไม่มีค่าโดยสาร แต่อยากไปเรียน หรือไม่ก็ขาดอีกไม่ได้แล้ว ก็อดทนให้เขากล่าวคำปรามาส วันไหนที่บิณฑบาตไม่ได้ปัจจัย วันนั้นจำเป็นต้องขาดเรียน อาตมาเรียนจบมาด้วยปัจจัยบิณฑบาตเป็นค่ารถเมล์โดยสารไปเรียน ถ้าถามว่า "แรงจูงใจใดที่ทำให้มั่นคงในธรรม" อาตมาก็ไม่ทราบว่าจะตอบอย่างไร "รู้อยู่แต่ว่าทุกสิ่ง ทุกอย่างทั้งที่เป็นอุปสรรค และทั้งที่เป็นความสำเร็จมันทำให้เราเข้มแข็ง"

ถามอาตมาว่า : โยมเอาเงินใส่บาตรให้พระผิดไหม / ถ้าผิด ผิดอย่างไร ?

ถามอาตมาว่า : เอาเงินใส่บาตรพระโยมจะได้บุญไหม / ถ้าได้บุญ ได้อย่างไร ?

อาตมาตอบอย่างนี้ว่า : จริงอยู่ พระพุทธเจ้าเปรียบเงินทองเหมือนดั่งอสรพิษ ชีวิตจริงกับธรรมชาติ เราก็ป้องกันอันตรายที่จะเกิดจากอสรพิษนั้นอยู่แล้ว ไม่ว่าภัยจะมาทางไหนเราต่างก็ป้องกัน มิใช่เจออสรพิษแล้วต้อง "ฉิบหาย" กันทุกเรื่อง (ขอโทษที่ต้องใช้คำนี้ อาตมาสังเกตว่า จริง ๆ มีคำนี้ในพระสูตร) ดังนั้นเงินและทองจึงเป็นได้ทั้งประโยชน์และโทษมหันต์ ดูแต่ไฟสิ ยังเป็นทั้งคุณและโทษ จึงย้ำเสมอว่า "ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว" ถ้าเป็นชาวพุทธ (ต้องไม่อายที่จะพูด) ต้องช่วยกันพูดให้ติดปาก พูดทุกวัน ย้ำคำตอบให้นะ "ผิด - ถูก อยู่ที่ใจ" กรรมชั่ว - กรรมดีมาจากใจ เจตนานั่นแหละเป็นกรรม เรา จึงต้องมีคติพจน์ในใจเสมอว่า :-

"เราจะทำ จะพูด จะคิด อะไร ๆ เพื่อให้ทุกอย่างดีขึ้น เจริญขึ้น รุ่งเรืองขึ้น"

"เราจะไม่ทำ จะไม่พูด จะไม่คิด อะไร ๆ เพื่อให้ทุกอย่างต่ำลง เลวลง เสื่อมลง"

วันนี้ ต้องมีเงินจึงมีวัดพระธาตุทุ่งเศรษฐี 20.26 เอเคอร์ วัดไทยแห่งแรกในเมืองแลงแคสตอร์ มลรัฐแคลิฟอร์เนีย เริ่มจากเงิน $5 - $10 - $100 Dollars ของเรา ทุกคนจึงมีโอกาสที่จะร่วมสร้างบุญใหญ่กับเราได้ เริ่มจากความจน เริ่มจากศรัทธา แต่สามารถสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้ด้วยกำลังแห่งปณิธาน ตั้งความปรารถนาไว้ว่า จะสร้างวัดพระธาตุทุ่งเศรษฐี ให้งดงามด้วยพุทธศิลป์และสถาปัตย์อีกแห่งหนึ่ง ด้วยปณิธานที่ล้นใจ เราต่างก็มีความรู้สึกภาคภูมิใจในการกระทำของเรา ที่สามารถทำหน้าที่เป็นเนื้อนาบุญ เป็นแหล่งหลัก เป็นสะพานบุญให้ทุกคนทั้งจน - รวย ได้มีที่พึงอันอุดมไปด้วยเมตตาธรรมและความอนุเคราะห์เกื้อกูลซึ่งกันและกัน ณ วันนี้ อาตมาลำบากเงินไม่พอจ่ายค่าต่าง ๆ ใครมีใจบุญก็ช่วยอนุเคราะห์ด้วย เพื่อเป้นค่าใช้จ่ายผ่อนวัด ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าทุกอย่าง โทรไปเบอร์ใหม่ 562 - 249 -3789

ย้อนหลังไป 18 ปี มาอเมริกาเมืองศิวิไลซ์ อาตมาถูกด่าว่า "พระบ้านนอก" ไม่ใช่คำนี้นะไพเราะกว่านี้ คือ "ไอ้บ้านนอก" นั่นแหละแรงฮึดสู้ ก้าวข้ามมานับไม่ถ้วนแล้ว จนก่อตั้งวัดทุ่งเศรษฐี มั่นคงมาจนทุกวันนี้ และอาตมาสังเกตว่ายิ่งโดนนวดโดนตี วัดทุ่งเศรษฐี ยิ่งเป็นที่รู้จักของประชาชน คิดดี ทำดี เราต้องพูดออกไปอย่างห้าวหาญว่า ขอบคุณจริง ๆ เพราะคำปรามาสของท่านจึงทำให้เราข้ามฝั่งมาถึงตรงนี้ได้ ก่อนปิดเล่ม ขอน้อมกราบเท้าหลวงพ่อ ดร.พระมหาจรรยา สุทฺธิญาโญ เจ้าอาวาสวัดพุทธปัญญา โพโมน่า พระเถระที่กราบเท้าได้สนิทใจ ท่านเป็นกัลยาณมิตรที่ปกป้องคุ้มครองอย่างเสมอต้นเสมอปลายตลอดมา น้อมกราบด้วยความเคารพและจบด้วยบทกลอนนี้ รูปขอจำริญพร


ชีวิตพระบ้านนอก

เกิดเป็นพระ เดินดิน บิณฑบาต
เช้าอุ้มบาตร ลาดตระเวน เช่นทหาร
เดินย่างเท้า เปล่าโปรด จดจอทาน
ผ่านหน้าบ้าน ผู้มีบุญ อบอุ่นใจ

บางครั้งหนา หมาวิ่งใส่ หมายจะกัด
แต่มิอาจ ทิ้งบาตรหนี ไปที่ไหน
เพียงยืนนิ่ง สงบกาย สำรวมใจ
ปากร้องไป ให้รู้ว่า พระมาแล้ว ฯ

ชีวิตพระ บ้านนอก ชนบท
บางวันอด บางวันอิ่ม ยิ้มผ่องแผ้ว
จิตวิญญาณ ความคิด อุทิศแล้ว
ใจมั่นแน่ว แกล้วกล้า ศรัทธาธรรม ฯ

อยู่เพื่อการ พระศาสนา ธำรงมั่น
มิหวาดหวั่น เกรงภัยรี ที่เหยียบย่ำ
ปัญญารู้ ว่าผู้ก่อ การกระทำ
ผลแห่งกรรม ตามสนอง ทุกผองชน ฯ